Skip to main content

 

ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน และ สถานที่ในร่ม

 

จดหมายจากสหรัฐอเมริกาถึงปาตานี ฉบับที่ 1.1

Assalamualaikum Kawan-kawan Patani

ผมไม่รู้ว่าควรเริ่มเขียนจดหมายฉบับนี้ยังไง หลังจากที่จดหมายฉบับแรกที่ผมได้เขียนนั้นได้แบ่งปันไปสู่สังคมออนไลน์ไปแล้ว และทำให้มีเพื่อนๆหลายต่อหลายคนได้ติดต่อมาหาผมเป็นการส่วนตัวว่า อยากให้ผมเขียนอีก เขียนอะไรก็ได้ อย่างน้อยก็เป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นใหม่ที่กำลังศึกษาอยู่ทั้งในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษา และเพื่อนๆที่ไม่มีโอกาสไปต่างประเทศก็สามารถอ่านการเล่าประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ สิ่งที่มากไปกว่านั้นที่ทำให้ผมต้องเขียน คือ เหตุผลทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความรุนแรงต่างๆและส่งผลระทบต่อประชาชนในพื้นที่. จดหมายฉบับนี้เป็นฉบับที่ 1.1 ที่ผมจะเขียนถึงเพื่อนๆปาตานีที่ไม่ใช่แค่อยู่ในปาตานีแต่รวมไปถึงคนปาตานีที่อยู่ไหนก็ได้ในโลกนี้ และทุกๆคำที่ผมเขียนไปนั้นผมมีความตั้งใจที่จะสื่อสารกับปาตานี ทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ คนหนุ่มสาว เด็กๆ ที่ปาตานี.

วันนี้ผมจะไม่ถามว่า apa khabar Patani? แต่ผมจะถามตัวเองว่า ผมในฐานะเยาวชนปาตานีคนหนึ่งสามารถช่วยปาตานีได้อย่างไรบ้าง? และผมก็เชื่อว่าเพื่อนๆบางคนก็คิดเหมือนผมว่า หนู ฉัน ผม กู เรา ช่วยปาตานีได้อย่างไรบ้าง? หลายต่อหลายครั้งที่ผมเคยปรึกษากับผู้ใหญ่บางท่าน ท่านก็จะตอบผมว่า "ทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อปาตานี" พอไปปรึกษาอีก คำตอบก็จะได้ว่า "พวกเรากำลังทำอยู่ไง" พอไปหาอีกก็จะตอบว่า "เราทำดีที่สุดแล้ว" และผมก็ได้แต่คิด... แล้วถามตัวเองว่า "กูได้ทำแล้วหรอ" ถ้ากูทำจริงๆแล้วทำไมปาตานีของเรายังคงเหมือนเดิม มิหนำซ้ำแย่กว่าเดิมซ่ะอีก.

วันนี้เราได้เสียเยาวชนที่มีคุณภาพ ที่มีการศึกษาไปมากแค่ไหนแล้ว ไม่ว่าเยาวชนที่ศึกษาด้านศาสนาหรือสามัญก็ตาม บ้างก็โดนจับใส่คุกใส่ตาราง บ้างก็โดนยิงจนพิการ บ้างถึงเสียแก่ชีวิต บางคนก็โดนหมายจับจนต้องหนีไปอยู่ที่อื่นๆ และมันก็จะเกิดแบบนี้ไปเรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย เรื่อย และเรื่อย...

เมื่อวานนี้ผมได้ดูข่าวจากโลกออนไลน์กรณีที่เยาวชนปาตานีสองคนได้เสียชีวิตจากการปะทะ (ตามสื่อกระเเสหลัก) แต่อีกชุดความคิดหนึ่งนั้นเป็นการฆ่าแล้วจัดฉากว่าเป็นการปะทะ (ตามข้อมูลสื่อกระแสรอง) ที่ได้ไปสัมภาษณ์น้องสาวของหนึ่งในเหยื่อจากเหตุการณ์นั้น และหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เพิ่งจบการศึกษามาได้ปีเศษ.

เราจะเสียคนที่มีการศึกษาอีกมากแค่ไหน. เราสร้างแต่คนมาทำลาย เเถมยังมาป้ายสีให้กับเราอีก.

โอ้... หนุ่มสาวปาตานีผู้รักในสันติภาพ

ยุคนี้ไม่ใช่ยุคที่ต้องรอผู้นำมานำขบวน ศตวรรษที่ 21 ได้อำนวยความสะดวกสบายต่อมนุษย์มาก มากกว่ายุคสมัยที่วีรบุรุษเราเคยต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง เช่น Tengku Mahmud Mahyideen ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ติดต่อกับต่างประเทศเพื่อล้อบบี้ต่างประเทศในประเด็นปาตานี. ทุกคนต่างก็มีความสามารถและศักยภาพที่ต่างกันไป ลองใช้มัน อย่าได้กลัวถ้ายังไม่ใช้มันอย่างเต็มที่ และมีความสามารถในการ Create your life with your value, when you realize your life is meaningful you are successful (สร้างอนาคตของคุณด้วยค่านิยมของตนเอง และเมื่อเราได้ตระหนักแล้วว่าชีวิตนี้ความหมายมากนั้นบ่งบิกว่าคุณได้ประสบความสำเร็จแล้ว). อย่าได้คิดว่าผู้นำทุกคนนั้นเป็นคนที่มีภาวะความเป็นผู้นำ (Leadership) เพราะภาวะความเป็นผู้นำนั้นมีอยู่ในตัวของคนทุกคนไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำ (Leader) หรือไม่ใช่ก็ตาม. ดังนั้นอย่าติดกับดักทางความคิดของตนเองว่าผู้นำเท่านั้นที่สามารถนำสังคมของเราไปยังสังคมในอุดมคติได้.

อย่าลืมว่า....

ปาตานีมีเยาวชนที่ก้าวหน้าทั้งที่เรียนในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อย่าลืมสิว่าการไปต่างประเทศของเรานั้นไม่ใช่แค่ไปเรียนหรือทำงานอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันเราคือ Patani's ambassador ภายในตัว. ลองเปลี่ยนความคิดจากการที่ว่าเราจะไปเรียนหรือทำงานต่างประเทศและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ความรู้เพื่อกลับมาพัฒนาปาตานี แต่ให้คิดในทางกลับกันว่า ช่วงเวลาที่เราอยู่ที่นั่นเราได้ทำอะไรแล้วบ้างก่อนกลับมาปาตานี. สุดท้ายนี้ที่ผมอยากฝากให้ตัวเองและเพื่อนไปทุกคน คือ Education is the passport to bring PATANI to the greatest future (การศึกษา คือ หนังสือเดินที่จะนำพาปาตานีสู่อนาคตที่ดีที่สุด).

Arfan Wattana

Foreign Relations of Patani Institute-PI

30/3/2017 @Omaha city.

 

ในภาพอาจจะมี ท้องฟ้า, ต้นไม้, พื้นหญ้า และ สถานที่กลางแจ้ง

 

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

จดหมายจากสหรัฐอเมริกาถึงปาตานี