Skip to main content

 

ถล่มซีเรีย เหล้าเก่าๆ ในขวดใหม่

 

บรรจง บินกาซัน

 

 

หลังจากการยิงขีปนาวุธโทมาฮอคห้าสิบกว่าลูกจากเรือรบที่ลอยลำอยู่ในน่านน้ำทะเลเมดิเตอเรเนียนใส่ประเทศซีเรีย นายโดนัลด์ ทรัมพ์ได้ออกมาให้เหตุผลว่าสหรัฐจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการเช่นนั้นเพราะทางสหรัฐได้เตือนรัฐบาลซีเรียครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าใช้อาวุธเคมีทำร้ายประชาชน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น สหรัฐจึงต้องใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อหยุดยั้งพฤติกรรมอันเหี้ยมโหดของรัฐบาลอัซซาด

ฟังเหตุผลดูแล้วเหมือนนายโดนัลด์ ทรัมพ์เป็นผู้มีมนุษยธรรมและผู้ปกป้องประชาชน แต่ถ้าใครติดตามสถานการณ์ในซีเรียมาโดยตลอดจะรู้ได้ทันทีว่านี่คือวาทะกรรมในปาหี่เก่าๆที่ผู้นำรัฐบาลสหรัฐนำมาใช้เมื่อจะทำลายประเทศใด

ภาพเด็กและผู้ใหญ่ได้รับพิษภัยจากอาวุธเคมีมิใช่เรื่องแปลกใหม่ในซีเรีย เพราะในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ภาพเช่นนี้ก็เคยถูกนำมาแพร่ผ่านสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกเพื่อเรียกร้องให้มีการโจมตีซีเรีย แต่ในครั้งนั้น รัฐบาลซีเรียสามารถนำหลักฐานมาแสดงให้โลกได้เห็นว่าอาวุธเคมีที่ทำให้ประชาชนซีเรียต้องได้รับความทรมานและเสียชีวิตนั้นมาจากเจ้าชายอาหรับคนหนึ่งที่เป็นเครือข่ายของซีไอเอ

เมื่อโดนเปิดโปงจนล่อนจ้อนเช่นนั้น สหรัฐและชาติพันธมิตรที่กระเหี้ยนกระหือรือจะทำลายรัฐบาลซีเรียก็ต้องนั่งซึมกินแห้วกันไป

มาคราวนี้ ยังไม่ทันที่จะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง นายโดนัลด์ ทรัมพ์ ก็รีบสั่งยิ่งขีปนาวุธถล่มซีเรียทันทีโดยไม่ได้ขอมติจากสภาคองเกรสและได้รับอนุมัติจากสหประชาชาติ

คำถามจึงอยู่ที่ว่าทำไมรัฐบาลสหรัฐจึงต้องรีบด่วนทำเช่นนั้น?

คำตอบคือ กองกำลังไอซิสที่สหรัฐจัดตั้งขึ้นมาเพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรียนั้นกำลังตกอยู่ในภาวะลำบากเพราะถูกกองทหารซีเรียไล่ต้อนและอาวุธเคมีที่เกิดระเบิดขึ้นมานั้นเป็นระเบิดที่กองกำลังไอซิสเก็บไว้เพื่อใช้ในปฏิบัติการทางทหาร การต่อสู้กันระหว่างกองทัพของรัฐบาลซีเรียกับกองกำลังไอซิสทำให้คลังอาวุธของไอซิสโดนระเบิดจนอาวุธเคมีระเบิดขึ้นมา สหรัฐจึงใช้กรณีนี้เป็นเหตุผลในการยิงขีปนาวุธใส่ซีเรีย

มิใช่เพราะเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมหรอกที่นายโดนัลด์ ทรัมพ์ออกมาจีบปากจีบคอตอแหลชาวโลก ขีปนาวุธที่ยิงใส่ซีเรียนั้น จริงๆแล้วก็เพื่อที่จะช่วยเหลือกองกำลังไอซิสนั่นเอง

ย้อนไปดูกรณีของอิรักก่อนหน้านี้ สหรัฐก็ใช้วิธีการเดียวกัน คือ กล่าวหารัฐบาลของนายซัดดัม ฮุสเซ็นว่าครอบครองอาวุธทำลายร้ายแรงสูง สหประชาชาติส่งตัวแทนเข้าไปสำรวจกี่ครั้งก็ไม่พบ จนนายยอร์จ ดับเบิลยู บุช อดรนทนไม่ไหว จึงสั่งให้เรือรบยิงขีปนาวุธใส่อิรักหลังจากเกิดเหตุการณ์ถล่มตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์

การโจมตีประเทศต่างๆในตะวันออกกลางถูกกำหนดเป็นวาระสำคัญโดยกลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐ คนกลุ่มนี้เป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงและมีอำนาจถาวรในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าประธานาธิบดีสหรัฐจะมาจากพรรคใด ประธานาธิบดีคนนั้นก็ต้องปฏิบัติตามวาระที่กลุ่มอิทธิพลกลุ่มนี้วางไว้ นั่นคือการปูทางให้รัฐบาลไซออนิสต์ของอิสราเอลสร้างอาณาจักรในฝันที่กินดินแดนตั้งแต่แม่น้ำไนล์ถึงแม่น้ำยูเฟรตีส

ถ้าการโจมตีซีเรียประสบความสำเร็จ ชาติต่อไปที่จะถูกชาติมหาอำนาจรุมโจมตีก็คืออิหร่าน

พลเอกเวสลี คลาร์ก (Wesley Clark) อดีตผู้บัญชาการสูงสุดกองกำลังพันธมิตรนาโต้ในสงครามโคโซโวของสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยว่าผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐได้วางแผนโจมตีเจ็ดประเทศภายในห้าปี ประเทศดังกล่าวได้แก่ อิรัก ซีเรีย เลบานอน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดานและอิหร่าน

เว็บไซต์ GlobalReseach สื่อตะวันตกนำคำพูดนี้มาเปิดเผยเมื่อเดือนมีนาคม 2550

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมรายชื่อประเทศดังกล่าวไม่มีประเทศอาหรับสำคัญๆในตะวันออกกลาง คำตอบคือ ประเทศเหล่านี้ตกอยู่ใต้อำนาจของตะวันตกโดยสิ้นเชิงแล้ว