Skip to main content

วันนี้ผมไปประชุมที่ มอ.ปัตตานี เรื่องการส่งเสริมบทบาทเยาวชนชายแดนใต้กับเรื่องอาชีพในช่วงเช้า ราวบ่ายโมงผมขับรถกลับจะนะผ่านหน้าบิ๊กซีปัตตานีด้วย ผมเปิดเพลงคาราวานฟังไปเรื่อย เพลงหนึ่งที่ชอบคือเพลง "สันติภาพ" ผมยังรอคลอไปในระหว่างขับรถกลับคนเดียว

"สันติภาพ สันติภาพ อาบให้โลกงดงาม 
ความจริงก็คือความจริง ความจริงคนเราฆ่ากัน" 
ให้หลังชั่วโมงเศษ เหตุระเบิดอันน่าเศร้าก็เกิดขึ้นที่บิ๊กซีปัตตานี
"ความจริงก็คือความจริง ความจริงคนเราฆ่ากัน" 
เนื้อเพลงเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว ยังสะท้อนความจริงได้ดีเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

การทำร้ายผู้บริสุทธิ์ การทำลายความสงบสุขด้วยกำลังอาวุธ คือวิถีการต่อสู้ที่รับไม่ได้ ต้องถูกประณามจากทุกฝ่าย ครั้งนี้แม้เป้าหมายการทำลายจะสำเร็จ แต่ความล้มเหลวสำคัญของปฏิบัติการครั้งนี้คือ "การสูญเสียความชอบธรรมของฝ่ายขบวนการอย่างสิ้นเชิงจากคนชายแดนใต้" เมื่อไม่ชอบธรรม สังคมไม่ยอมรับ ก็ยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายทางการเมืองและเป้าหมายทางอุดมการณ์

แต่ความยากยิ่งของฝ่ายขบวนการคือ "หากไม่ใช้ปฏิบัติการความรุนแรงเช่นนี้ แล้วจะเอาเงื่อนไขเชิงอำนาจใดมาต่อรองเจรจากับรัฐไทย แต่หากยิ่งใช้ความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะก็จะยิ่งสูญเสียความชอบธรรมจากมวลชน" นี่คือโจทย์ที่ฝ่ายขบวนการต้องขบคิด และรัฐไทยก็ต้องคิดหาทางออกจากกับดับความรุนแรงนี้ให้ได้ด้วย

"ขอพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัย" คือวาระสาธารณะของคนชายแดนใต้ที่ได้สถาปนาข้อเรียกร้องนี้แก่ทุกฝ่ายจนชัดเจนแล้ว แม้วันนี้พื้นที่สาธารณะจะยังไม่ปลอดภัย และคงใช้เวลาอีกนาน แต่เราภาคประชาสังคมก็ยิ่งต้องขยายวาระนี้ให้กว้างขวางเข้มข้นขึ้นอีก จนเกิดเป็นแรงกดดันทางสังคมต่อทุกฝ่ายที่จะก่อความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะ กดและดันจนฝ่ายที่จะใช้ความรุนแรงรู้สึกว่า"ได้ไม่คุ้มเสีย" เสียทั้งมวลชน เสียทั้งการยอมรับจากนานาชาติ ถูกประณามแม้กระทั่งในร้านน้ำชา ทำไปก็มีแต่เสีย" ผมคิดว่าแรงกดดันทางสังคมเช่นนี้เท่านั้นที่จะค่อยๆทำให้เกิด "พื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัย"ได้จริง

นั่นแปลว่า "พื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัย" ต้องเกิดจากการร่วมสร้างของทุกคน ไม่ใช่การเพิ่มกำลังทหาร เพิ่มกำลังอาวุธ คนจะวางระเบิดนั้นเอาเข้าจริงๆยากที่ใครจะป้องกันได้ สำหรับผม "แรงกดดันทุกทางที่ตะโกนไม่ยอมรับกับการกระทำอันไร้มนุษยธรรมจนกลุ่มคนที่ปฏิบัติการใช้ความรุนแรงไม่มีที่ยืนในสังคม" คือความหวังของแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในการยุติความรุนแรงในที่สาธารณะ แม้จะยาวไกล แต่เรายังมีทางเลือกอื่นใดมากกว่านี้อีกหรือ?