Skip to main content

 

 

"จักแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความรัก และศรัทธาร่วมกัน"

“ จะอีกร้อยคดี...ก็ไม่สามารถหยุดเราได้ “ เป็นคำที่ออกมาจากปากของวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการคัดค้านโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา เพื่อจะบอกว่าเรื่องแค่นี้คงไม่สามารถยับยั้งความคิด และความเชื่อของเราได้ ซึ่งได้กล่าวขึ้นในวันนี้ที่ได้มารายงานตัวตามหมายเรียกของสถานีตำรวจภูธรอำเภอละงู จังหวัดสตูล จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการล้มเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ของโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา หรือเวที ค. 1 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา อันเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่จะต้องจัดให้มีขึ้นในกระบวนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือที่เรียกว่า EHIA.

ไกรวุฒิ ชูสกุล อีกหนึ่งผู้ต้องหาได้พูดขึ้นในโอกาสเดียวกันว่า “ตนเองไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป แม้ในมิติทางกฎหมายจะกล่าวหาว่าเราผิด” ดังนั้นการมาแสดงตัวเพื่อรายงานตัวในวันนี้ก็จะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความคิดดังกล่าวที่ไม่ใช่ต้องการท้าทายใครทั้งสิ้น

ในขณะที่ เอกชัย อิสระทะ แนวร่วมผู้ได้รับผลกระทบจากเหมืองหินแห่งเขาคูหา ก็เป็นผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกเชิญตัวมาในครั้งนี้ด้วย ได้ยืนยันชัดเจนถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หลังจากได้มีการประกาศใช้ไปแล้วเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ว่าด้วยสิทธิในการชุมนุมด้วยความสงบหลังจากนี้ และยังคุ้มครองไปถึงสิทธิในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิถีวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นที่มีอยู่ ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะยืนยันถึงความชอบธรรมของพวกเราทั้งหมดในวันนี้

ผมเองมีความเห็นว่าการถูกแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ เป็นเพียงความพยายามหนึ่งของฝ่ายที่ต้องการให้โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราดำเนินต่อไปได้ในอนาคต ด้วยคิดว่าการใช้กระบวนการทางกฎหมายมาเพื่อสร้างแรงกดดันให้กับผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านหรือแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวอย่างออกหน้าออกตาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และอาจจะเป็นความเข้าใจว่าหากคนกลุ่มนี้ถูกดำเนินคดีอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็จะทำให้เรื่องทั้งหมดง่ายมากขึ้น ผมบอกได้เลยว่านั่นคือความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงแน่นอน เพราะจากคำกล่าวของวิโชคศักดิ์ ไกรวุฒ เอกชัย และคนอื่นๆที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีกหลายคนนั้น น่าจะพอสื่อแสดงให้เข้าใจได้ถึงความคิด และความมุ่งมั่นในเจตนารมณ์ของพวกเราทุกคนได้เป็นอย่างดี และที่มากไปกว่านั้นคือพี่น้องประชาชนในพื้นที่อ่าวปากบารา รวมถึงประชาชนชาวสตูลอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว พวกเขาเหล่านี้พร้อมที่จะยืนยันในเจตนารมณ์เช่นเดียวกันนี้เมื่อสถานการณ์มาถึง นั่นคือการไม่ยอมให้ความอยุติธรรมใดๆเข้ามาปิดกั้นพวกเขาทั้งหลายต่อการแสดงออกซึ่งความคิด ความเห็น และการปฏิบัติการเพื่อจะรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่อการพิทักษ์ไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วิถีวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นของตน

การถูกแจ้งดำเนินคดีในครั้งนี้ แม้จะเกิดขึ้นกับคนเพียงเจ็ดคน แต่นี้คือคำกล่าวหาที่เสมือนได้เกิดขึ้นกับพี่น้องเราทุกคนที่ออกมาปกป้องถิ่นฐานบ้านเกิดของตนตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา คำกล่าวของพวกเราบางคนที่ได้นำเสนอไปนั้นจึงน่าจะเป็นคำแทนความรู้สึกของพวกเราทุกๆคน ซึ่งไม่ใช่การท้าทายอำนาจใดๆทั้งสิ้น หากนั่นคือฐานความคิดที่มีความมั่นคงต่อแนวทางการหยัดสู้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็จะแปรเป็นพลังของความรัก และความศรัทธาให้กับพวกเราทุกๆคนมากขึ้น และนี่คือสิ่งเดียวที่จะเราจะเอาชนะกับความ “อยุติธรรม” เหล่านั้นได้

 

สมบูรณ์ คำแหง

ผู้ต้องหาคนที่ 4 คดีล้ม ค.1 ท่าเรือน้ำลึกปากบารา สตูล

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่เฟสบุ๊ค Somboon Khamhang 31 พฤษภาคม 2560