Skip to main content

 

17 รอมฎอน ฮ.ศ.2 หากพ่ายแพ้ในวันนั้นคงไม่มีอิสลามทุกวันนี้.ช

 

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน

 

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังขี่ม้า, ม้า และ ข้อความ

 

วันนี้คือวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2560 ตรงกับวันที่ 17 เดือนรอมฎอน ฮ.ศ.1438 ย้อนหลังกลับไป 1,436 ปีฮิจเราะฮ์ วันนี้ตรงกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อิสลามคือสงครามบัดร์หรือบะดัรซึ่งเป็นสงครามครั้งแรกที่มุสลิมยุคแรกที่อพยพหนีภัยมาอยู่เมืองมะดีนะฮ์ต้องทำสงครามปกป้องตนเอง หากพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนั้นเนื่องจากกำลังพลน้อยกว่าข้าศึกขนาด 1 ต่อ 3 ศาสนาอิสลามที่เริ่มต้นมาได้ 14 ปีก็มีอันจบสิ้น อยู่มาได้จนผลิดอกออกผลมีประชากรเกือบสองพันล้านคนกระจายอยู่ในมากกว่า 190 ประเทศเช่นทุกวันนี้ก็เพราะไม่แพ้ในสงครามบะดัร สงครามครั้งนั้นจึงสำคัญอย่างยิ่ง

วันที่ 17 เดือนรอมฎอน ฮ.ศ.2 หากนับกันตามปฏิทินเกรกอเรียนหรือปฏิทินสากลที่คำนวณกันในขณะนี้พบว่าจะตรงกับวันพุธที่ 14 มีนาคม ค.ศ.624 ตามความเห็นของผมคือในปีนั้นซึ่งเป็น ฮ.ศ.2 ยังคงมีประเพณีอัลนะซีอ์ซึ่งเป็นการเพิ่มเดือนในปฏิทินอาหรับหนึ่งเดือนทุกสามปี โดยการยกเลิกประเพณีอัลนะซีอ์เกิดขึ้นใน ฮ.ศ.9 ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นเดือนรอมฎอนจะตรงกับฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนจัดที่สุดสอดคล้องกับชื่อความหมายของเดือนรอมฎอนที่แปลว่าร้อนจัด การคำนวณว่าเป็นเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบายเนื่องจากกำลังเข้าฤดูใบไม้ผลิจึงไม่ถูกต้อง แต่ไม่เป็นไร ขอนับกันแบบอาหรับก็แล้วกัน

ฮ.ศ.2 เดือนรอยับหรือเดือนที่ 8 ก่อนหน้าเดือนรอมฎอนประมาณหนึ่งเดือน อัลกุรอานบทที่ว่าด้วยการกำหนดการถือศีลอดเดือนรอมฎอนถูกประทานลงมา (อัลบะเกาะเราะฮ์ 2:185) หมายความว่าเดือนรอมฎอนปีนั้นซึ่งคือเดือนถัดไป มุสลิมทั้งใหม่ทั้งเก่าต้องถือศีลอดกันเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ ถึงเวลาถือศีลอดซึ่งถือกันได้ไม่ถึงสิบวันข่าวการเคลื่อนทัพมักกะฮ์ก็มาถึงมะดีนะฮ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของมุสลิม เมืองนี้เดิมชื่อยาธริบเปลี่ยนชื่อเป็นมะดีนะตุลนบีหรืออัลนะบะวีหรืออัลมูเนาวาเราะฮฺกันไม่ทันไร สงครามก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว

สงครามเป็นผลจากก่อนหน้านั้น เกิดการกระทบกระทั่งกันประปรายระหว่างชาวเมืองมะดีนะฮ์กับชาวเมืองมักกะฮ์สองสามครั้ง กระทั่งถึงวันที่ 17 เดือนรอมฎอน ฮ.ศ.2 จึงเกิดสงครามใหญ่ครั้งแรกระหว่างสองเมือง สงครามครั้งนี้เรียกกันว่า “สงครามบะดัร” (بدر Badr) ซึ่งเป็นชื่อเขตบ่อน้ำห่างลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมะดีนะฮ์ประมาณ 180 กิโลเมตร นบีมูฮำมัด (ซ.ล.) กับกำลังพล 313 คน เวลานั้นได้รับชัยชนะเหนือกำลังพลมักกะฮ์จำนวนพันคน

ในสงครามมุสลิมส่วนหนึ่งถือศีลอด ขณะที่บางส่วนหยุดการถือศีลอดโดยถือว่าอยู่ระหว่างการเดินทาง มีบันทึกด้วยว่าเป็นรอมฎอนที่อากาศร้อนจัด จึงเป็นเหตุผลว่าน่าจะอยู่ในฤดูร้อนซึ่งตรงกับเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ระยะทางระหว่างบะดัรกับมะดีนะฮ์นั้นไกลขนาดกรุงเทพฯไปพัทยาต้องเดินทางกันหลายวันเพื่อช่วงชิงบ่อน้ำให้ได้ก่อนกองทัพมักกะฮ์จะได้บ่อน้ำไป เป็นการชิงไหวชิงพริบกันในเดือนรอมฎอนปีนั้น สงครามจบด้วยชัยชนะของมุสลิม สิ่งสำคัญที่มุสลิมได้เรียนรู้คือความสำคัญของความสามัคคี วินัยทัพ ความศรัทธามั่นในอัลลอฮ์ (ซ.บ.) และความเชื่อมั่นในแม่ทัพ

สิ่งหนึ่งที่มุสลิมได้ประจักษ์นับจากวันนั้นคือความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของท่านนบีมูฮำมัด (ซ.ล.) ในสนามรบ ท่านนบีในการรับรู้ของทุกคนคือความเยือกเย็นและเมตตา ความมั่นใจในเรื่องความกล้าหาญจึงยังไม่ปรากฏ ดังนั้นเมื่อได้มั่นใจผู้นำคือท่านนบีในครั้งแรกแล้ว สงครามที่มุสลิมต้องปกป้องตนเองครั้งต่อๆไปจึงไม่เป็นปัญหา เป็นผลให้อิสลามดำรงอยู่มาจนถึงวันนี้

 

หมายเหตุ ภาพที่นำเสนอมาจากอินเตอร์เน็ต (https://www.slideshare.net/LasiSheikh/the-battle-of-badr-54065755) เป็นภาพจินตนาการที่ออกจะผิดเพี้ยนไปหน่อย เนื่องจากกองทัพมุสลิมมีม้าและชุดเกราะจำนวนน้อย กองทัพมักกะฮ์ใช้อูฐเป็นส่วนสำคัญ