Skip to main content

รอฮานี จือนารา

นักปฏิบัติงานศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี

 

เมื่อเวลาบ่าย 3 โมงของวันที่ 6 สิงหาคม 2560 วานนี้มูลนิธิผสานวัฒนธรรมร่วมกับกลุ่มด้วยใจได้จัดกิจกรรมชวดูหนังและอภิปราย "การเยียวยากับความเป็นธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน" ที่ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยมีผู้เข้าร่วมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ เจ้าหน้าที่ทหารจากศูนย์สันติวิธี ทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ และประชาชนทั่วไป รวมทั้งหมดประมาณ 20 กว่าคน ซึ่งการเสวนาพูดคุยที่ประกอบด้วยกลุ่มคนที่หลากหลายนั้น แน่นอนว่าประเด็นและมุมมองก็หลากหลายและน่าสนใจตามไปด้วย 

แนะนำตัวละคร The Railway man  มีใครบ้าง

The Railway Man หรือมีชื่อไทยว่า แค้นสะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ของอดีตทหารผ่านศึกชาวอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ภาพยนตร์นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2013  กำกับโดย Jonathan Teplitzky  ซึ่งประกอบด้วยนักแสดงนำคือ Colin Firth แสดงเป็น Eric Lomax ตัวเอกของเรื่องที่เป็นอดีตทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้ง และ  Nicole Kidman แสดงเป็น Patricia Wallac ภรรยาของ Eric  และ Stellan Skarsgard  แสดงเป็น Finlay  หัวหน้าของ Eric และทหารญี่ปุ่นที่เป็นตัวเอกที่ซ้อมทรมานหรือทารุณกรรม คือ Hiroyuki Sanada แสดงเป็น Takashi Nagase (นากาเสะ)  

เรื่องราวของภาพยนตร์ The Railway man 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ฉายภาพประวัติศาสตร์ภาพรวมในสมัยนั้นแต่เน้นไปที่เรื่องราวความเจ็บปวดของอดีตทหารผ่านศึกของ Eric Lomax และเพื่อนๆ ทั้งกองทัพที่ถูกเหล่าทหารกองทัพพระอาทิตย์ของญี่ปุ่นต้อนจากสิงคโปร์มายังเมืองกาญจนบุรีของประเทศไทยเพื่อร่วมสร้างทางรถไฟให้ฝ่ายอักษะเข้าสู่เขตประเทศพม่า ฉากนี้ได้สะท้อนถึงการกระทำของชาวญี่ปุ่นต่อเชลยศึกทหารอังกฤษอย่างโหดเหี้ยม และเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสภาพร่างกายและจิตใจของเหล่าทหารทุกฝ่าย ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำเพราะต่างก็ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงนี้ ดั่งที่ประโยคหนึ่งในภาพยนตร์ที่ปรากฏคือ “แม้พวกเราจะยังมีชีวิตแต่พวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับซากศพที่เหมือนตายทั้งเป็น” กล่าวคือ พวกเขายังคงฝังใจต่อภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายในขณะนั้น 

การเดินเรื่องของภาพยนตร์ The Railway man

ภาพยนตร์เริ่มฉายภาพจากนาย Eric ที่กลับมาอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษแล้ว และแต่งงานใช้ชีวิตกับภรรยา Patricia ซึ่งเคยเป็นพยาบาลช่วยเหลือผู้ป่วยจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ระหว่างนั้นเอง เรื่องราวที่แสนเจ็บปวดของ Eric ที่ประสบตามมาหลอกหลอนเขา จนทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุข และกระเพื่อมไปถึงภรรยาของเธอที่เริ่มรู้สึกกังวลจึงเข้าไปปรึกษาหารือกับเพื่อนอดีตทหารของสามี คือ Finlay ซึ่งเป็นหัวหน้าที่รู้และเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเกี่ยวกับสามีเขา บางครั้งทั้งสองก็นัดไปคุยในห้องตามลำพัง ขณะที่ Finlay เล่าเรื่องราวนี้เองภาพก็ตัดไปที่เรื่องราวในอดีตของ Eric  และเหล่าเพื่อนในกองทัพขณะที่ทำงานอยู่ที่รางรถไฟที่กาญจนบุรี หรือทางรถไฟมรณะแห่งนั้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

Eric ไม่ได้เป็นทหารทั่วไปแต่เป็นวิศวกรหรือทหารช่าง จึงไม่ได้ถูกใช้เป็นแรงงานในการสร้างทางรถไฟเหมือนคนอื่นๆ ด้วยความที่ Eric อยากรู้สถานการณ์บ้านเมืองภายนอกจึงพยายามแอบสร้างวิทยุจากอุปกรณ์ที่เหลือใช้ในค่าย DIY แต่แล้วทหารฝ่ายญี่ปุ่นกลับรู้ความเคลื่อนไหวของเขาและเพื่อน ฉากนี้จะเห็นความกล้าหาญของ Eric ที่ยอมรับความผิดคนเดียว จนทำให้เขาต้องถูกซ้อมทรมานหรือถูกทารุณกรรมในที่สุดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ตัวเอกที่เป็นทหารญี่ปุ่นที่สั่งซ้อมทรมานคือ Nagase (นากาเสะ) ซึ่งทำหน้าที่แปลภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษ แต่เพราะเขาก็ทำงานให้กับฝ่ายทหารญี่ปุ่นด้วยทำให้ตัวเองถูกกดดันจากหัวหน้าของเขาเพื่อเค้นความจริงจาก Eric ฉะนั้นนอกจาก Eric ถูกตีและเตะจนเลือดท่วมตัวแล้ว แต่นายนากาเสะก็ยังไม่พอใจสั่งให้ลูกน้องลากตัวไปสอบสวนยาวประมาณ 2 สัปดาห์ ฉากนี้นี่เองที่ Eric ถูกกดดันและถูกซ้อมทรมาน แต่จุดพีคที่ Eric ยังรู้สึกไม่ก้าวข้ามและภาพยังคงหลอกหลอนเขา คือ ตอนที่เขาถูกซ้อมอย่างหนักในห้องมืดที่เกือบปางตาย และเขาก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนคนไหนฟัง

กระทั่ง Finlay ได้ไปบอกข่าวคราวของนากาเสะอดีตทหารที่เคยซ้อมทรมานให้ Eric ฟังว่านากาเสะยังมีชีวิตอยู่ทำงานเป็นไกด์ที่พิพิธภัณฑ์อดีตนักโทษที่เมืองกาญจนบุรีและสั่งให้ Eric ไปตามล้างแค้นแทนเพื่อนๆ ของเขา แต่ Eric ก็ปฏิเสธบอกว่าตอนนี้เขาไม่ใช่นายทหารแล้วเป็นเพียงเสมียนหรือวิศวกรรับจ้างเท่านั้น เมื่อ Finlay ถูกปฏิเสธ ทำให้ Finlay ผูกคอตาย ฉากนี้ก็เป็นเหตุการณ์ปริศนา ทำให้ภรรยาของตัวเอกก็ไม่พอใจ และ Eric ก็พูดกับภรรยาว่า “เป็นสิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่เหรอ! ทั้งนี้ช่วงที่Finlayและภรรยาของเขาแอบนัดไปคุยนั้น เขาก็แอบรู้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจเช่นกัน

เมื่อ Finlay เสียชีวิตลง Eric ก็เปลี่ยนใจและตัดสินใจเดินทางกลับไปที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อไปแก้แค้นนากาเสะ เมื่อไปถึงก็เห็นนากาเสะกำลังทำหน้าที่เป็นไกด์อยู่ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวฝรั่ง เป็นช่วงเวลาใกล้เลิกงานแล้ว และเมื่อนักท่องเที่ยวกลับไปหมดนากาเสะก็เข้าไปในอาคารซึ่งเป็นสถานที่สอบสวนสืบสวนที่ Eric เคยถูกซ้อม เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน Eric ก็พยายามจะแก้แค้นโดยการนั่งคุยสอบสวนนากาเสะ คล้ายเปลี่ยนบทบาทจากที่เคยถูกสอบสวนกลายเป็นคนสอบสวน โดยพยายามให้นากาเสะยอมรับความผิดว่า ที่ผ่านมาเขาเป็นอาชญากร และถามว่าทำไมนากาเสะถึงไม่ตายและรับบทลงโทษ นากาเสะบอกว่าหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลงเขาได้เห็นว่าผู้คนเสียชีวิตจำนวนมากจากกระทำของทหารญี่ปุ่น และเขากลับมาที่นี่เพื่อต้องการทำบุญล้างบาปและไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก

ฉากที่พีคที่สุดที่กล่าวไปเบื้องต้นอันเป็นฉากที่ Eric เองก็พยายามเก็บความลับนี้อยู่คนเดียวไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ในที่สุดเขาได้เข้าไปในห้องขังที่เขาถูกซ้อมจนเกือบเสียชีวิตนั้น ทำให้เขาย้อนภาพอันเจ็บปวดนั้นได้คือ เขาถูกกรองน้ำใส่ปาก ในที่สุดตอนนี้เองที่เขายอมสารภาพความจริงว่าเขาได้ยินอะไรจากวิทยุบ้าง โดยบอกว่า ขณะนี้กองทัพญี่ปุ่นกำลังพ่ายแพ้ในระหว่างนั้นเองปรมาณูลงฮิโรชิม่าฝ่ายสัมพันธมิตรก็เป็นฝ่ายชนะทันที ทำให้เหล่าทหารญี่ปุ่นกลายเป็นผู้แพ้ นากาเสะซึ่งสามารถใช้ความสามารถทางภาษาจึงอ้างว่าตัวเองเป็นแค่ล่ามไม่ได้ซ้อมทรมานหรือทำร้ายเหล่าทหารที่เป็นเชลยแต่อย่างใด ทำให้ตนหลุดจากคดีได้โดยไม่ได้รับโทษใดๆ ในขณะที่ Eric ก็รอดชีวิตกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ

 

หลังจากที่ Eric เผชิญกับความจริงในห้องมืดนั้นได้ถือเป็นจุดที่เขาสามารถคลายปมจากความทรงจำที่โหดร้ายและความรู้สึกแค้นของเขาก็ลดลง และทำให้เริ่มรู้สึกให้อภัยนากาเสะ โดยฉากสุดท้ายเขาชวนภรรยากลับไปที่ทางรถไฟมรณะแห่งนั้นอีกครั้งและเจอนากาเสะ โดยพูดว่า เขาให้อภัยทุกอย่างแล้ว ในขณะที่นากาเสะเองก็แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองก็กอดกันและในที่สุดทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน   

 

ผู้เข้าชมสะท้อนอะไรบ้างจาก The Railway man

ตามหลักแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นธรรมในระยะเปลี่ยนนั้นประกอบด้วย 4 กระบวนการ คือ  1) การค้นหาข้อเท็จจริง  2) การเยียวยา ทั้งทางจิตใจหรือทรัพย์สิน 3) การลงโทษผู้กระทำความผิด และ4) การปฏิรูปองค์กร

โดยปกติคนที่ผ่านการถูกซ้อมทรมานจะมีสองแบบคือ1) ต้องการแก้แค้นหรือทำร้ายคนอื่น 2) ต้องการฆ่าตัวตาย ดังนั้นหลักคิดนี้สะท้อนตัวละครสองคน คือ Finlayที่ไม่เคยถูกกระทำอย่างรุนแรงแต่เป็นคนที่เห็นเหตุการณ์และยังคงมีความเคียดแค้นที่ต้องการฆ่าคนที่กระทำกับเขาและเพื่อน จากฉากที่เขาสั่งให้ Eric ตามไปฆ่านากาเสะนั้น บ่งบอกว่าเขาเป็นคนที่มีความเคียดแค้นและไม่มีความกล้าพอที่จะลงมือใช้ความรุนแรงตอบโต้ด้วยตัวเองและเมื่อเขาถูกปฏิเสธจาก Eric ไม่ไปฆ่าล้างแค้นแล้วทำให้เขาพลิกพฤติกรรมโดยลงมือฆ่าตัวเอง

ในขณะที่ Eric ซึ่งถือเป็นนายทหารที่มีความกล้าหาญและผ่านความเจ็บปวดมาด้วยตัวเอง ตัดสินใจไปตามหาผู้กระทำคือ นากาเสะเพื่อไปล้างแค้นแต่เนื่องจากเวลาหรือกระบวนการการเยียวยาที่เขาไปเผชิญกับความจริง จากที่เขาไปที่ห้องสอบสวนและพยายามให้นากาเสะ “ยอมรับผิด” และได้เผชิญกับภาพเหตุการณ์ที่เขาเกือบตายได้ในที่สุดและในที่สุดเขาได้พูดในสิ่งที่เขารู้สึกอ่อนแอคือ ระหว่างที่เขาเป็นเชลยศึกเขาได้เขียนจดหมายถึงแม่ซึ่งขณะนั้นแม่เขาเสียชีวิตแล้ว

ดังนั้น การเยียวยาของ Eric จนทำให้เขาให้อภัยอีกฝ่ายได้นั้นคือ การได้ให้อีกฝ่ายที่เป็นผู้กระทำโดยตรงยอมรับความผิด การเผชิญกับความจริง คือ เขาได้ย้อนเหตุการณ์ความปวดร้าวที่กัดกินหัวใจตอนที่ถูกขังในห้องสุดท้าย และได้พูดในสิ่งที่เขารู้สึกอ่อนแอที่สุด และสุดท้ายเขามีภรรยาที่คอยให้กำลังใจและให้ความรักตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามผู้เข้าร่วมได้สะท้อนภาพของผู้หญิงที่เป็นภรรยาแม้ว่าจะไม่ได้ประสบกับเหตุการณ์นี้โดยตรง แต่เขาก็ถือเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม ซึ่งนอกจากเธอต้องมอบความรัก ความเข้าใจต่อสามีของเธอแล้ว เธอต้องใช้ความอดทน และความกล้าหาญที่จะเผชิญความจริงที่เกิดขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของนากาเสะแม้ว่าจะเป็นผู้กระทำโหดร้ายหรือพยายามพูดเอาตัวรอดหลังจากที่ตัวเองพ่ายแพ้โดยไม่ยอมรับความจริงว่าตนก็เป็นผู้ใช้ความรุนแรงนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ต้องเอาตัวรอด แต่เขาก็ถือเป็นเหยื่อของความรุนแรง จะเห็นได้ว่าหลังจากที่เขาได้เห็นความจริงของสงคราม เขากลับรู้สึกผิดและต้องการถ่ายโทษของตัวเองโดยการเป็นไกด์เพื่อบอกความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นอีก

เพิ่มเติมประเด็นปริศนาการฆ่าตัวตายของ Finlay นั้นคือ ช่วงที่ Eric ถูกซ้อมทรมานนั้นมีฉากหนึ่งที่เขาไม่ยอมสารภาพความจริง และนายทหารญี่ปุ่นก็บอกว่า หากแม้คุณไม่สารภาพแต่เพื่อนของคุณก็ได้บอกความจริงมาหมดแล้ว สิ่งนี้ถือเป็นกระบวนการซักทอดที่อาจสร้างความหวาดระแวงให้กับ Eric ต่อเหล่าเพื่อนๆ ของเขาโดยไม่รู้ว่าระหว่างที่เขาถูกสอบสวนนั้นเพื่อนของเขาได้เล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง และการที่Finlay แอบไปเล่าเรื่องของเขาให้ภรรยาฟังอีก ก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกเจ็บปวดและยิ่งหวาดระแวงมากขึ้น

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจที่ผู้เข้าร่วมได้สะท้อนอันเกี่ยวข้องความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านซึ่งเป็นผลพวงของสงครามโลกครั้งที่สอง คือ การปฏิรูปองค์กรผ่านการร่างสนธิสัญญาฉบับต่างๆ เนื่องจาการกระทำที่เหี้ยมโหดและความน่าเกลียดของสงครามนั้นทำให้คนกลุ่มหนึ่งตระหนักต่อความรุนแรงนี้และต้องการปฏิรูปการทำสงครามที่มีอารยะมากขึ้นจึงทำให้ UN  ได้ออกสนธิสัญญาต่างๆ เพื่อกำหนดหรือจำกัดการกระทำที่ไม่มีมนุษยธรรม ไม่ว่าจะเป็นการห้ามซ้อมทรมานหรือทารุณกรรมเชลยศึก ทำให้การกระทำเหล่านี้ก็ลดลง แม้ว่าจะให้เห็นปรากฏตามสื่อบ้าง แต่ก็ถือว่าลดลง