Skip to main content

  

 
ขอเชิญชมนิทรรศการภาพถ่าย (เฉพาะกิจ) : บันทึกภัยพิบัติจังหวัดชายแดนใต้ โดยเครือข่ายช่างภาพชายแดนใต้ ณ บริเวณลานประชาสัมพันธ์ (ริมสระน้ำ) โรงแรม ซี.เอส. จังหวัดปัตตานี  ระหว่างวันที่ 1 - 8 ธันวาคม 2553 นี้
 
นิทรรศการภาพถ่ายบันทึกภัยพิบัติัจังหวัดชายแดนใต้นี้ เป็นการระดมภาพผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยบรรดาช่างภาพชายแดนใต้ ทั้งที่เป็นช่างภาพสื่อมวลชน ช่างภาพสื่อทางเลือก ช่างภาพอิสระ รวมถึงช่างภาพอาสาสมัคร ที่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์หลังพายุดีเปรสชั่นพัดกระหน่ำเข้าทำลายบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนเมื่อช่วงค่ำคืนวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ ภาพที่รวบรวมได้กว่า 40 ภาพ ถูกนำไปจัดแสดงครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2553 ณ กลางชุมชนบ้านดาโต๊ะ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยในวันนั้นทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ร่วมกับ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ และเครือข่ายภาคประชาสังคมชายแดนภาคใต้ รวมถึงภาคราชการจังหวัดปัตตานี ได้ตั้งวงสนทนาจัดเวทีสาธารณะ : ฟังความ 'รอบ' อ่าวปาตานี ขึ้น ซึ่งก็มีตัวแทนจากชุมชนรอบอ่าวปัตตานีกว่าสิบหมู่บ้าน รวมถึงนักวิชาการ ผู้นำศาสนา สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งที่อยู่ในพื้นที่และที่มีประสบการณ์จากต่างพื้นที่ มานั่งพูดคุยเปลี่ยนกัน 
 
เป้าหมายสำคัญคือ ใช้การช่วยเหลืออย่างไรให้ยั่งยืนและตรงตามความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
 
(คลิกที่ภาพเพื่อดูทั้งอัลบัม ร่วมแบ่งปันภาพทางเฟสบุ๊กโดย มาฮามะยากี แวซู) 
 
(คลิกที่ภาพเพื่อดูทั้งอัลบัม ร่วมแบ่งปันภาพทางเฟสบุ๊กโดย คนชายข่าว คนชายขอบ)
 
หลังจากนั้น ทางโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ได้ให้ความสนใจในนิทรรศการฯ ดังกล่าว และได้อนุญาติให้ใช้สถานที่บริเวณลานประชาสัมพันธ์-ริมสระน้ำ เพื่อจัดแสดงภาพต่อ ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 5 ธันวาคม (ภายหลังทาง รร.ได้ขอให้ขยายเวลาจัดแสดงต่อไปอีกจนถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2553) จึงขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการได้ตามวันเวลาและสถานที่ที่ได้แจ้งไว้แล้ว
 
หมายเหตุ : นิทรรศการครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งในความพยายามที่ใช้การถ่ายภาพเป็นเครื่องมือในการดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยหวังว่า 'ภาพ' จะสามารถชักนำการช่วยเหลือเยียวยาใดใดไปสู่ผู้ที่กำลังเดือนร้อนอยู่ในขณะนี้ได้อีักทางหนึ่ง ทั้งยังอาจเป็นแรงกระตุ้นในเกิดการปรึกษาหารือถึงแนวทางการจัดการเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต