Skip to main content

ทัศนะของผู้นำศาสนาต่อความแตกต่างในสถานการณ์ร้อน เตือนสติให้มองเห็นถึงรากของความต่างทางศาสนา ที่ถึงที่สุดแล้วต้องยอมรับกัน

ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้
Deep South Watch

ในขณะสถานการณ์ความรุนแรงร้อนฉ่าในพื้นที่ชายแดนใต้อีกครั้งจาก 2 กรณีสำคัญทั้งเหตุสังหารหมู่ในมัสยิดอัลฟุรกอนบ้านไอร์ปาแย อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสและกรณียิงพระที่ จ.ยะลา ทั้งนักวิเคราะห์และฝ่ายความมั่นคงหลายคนชี้ว่าเป็นความพยายามจุดชนวนให้ เกิดสงครามศาสนาโดยฝีมือของขบวนการใต้ดิน

ไม่อาจเดาใจผู้ลงมือว่ามีเป้าประสงค์ดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่ประเด็นยิงคนขณะละหมาดในมัสยิดและฆ่าพระได้ก่อให้เกิดบรรยากาศคุกรุ่นไป ด้วยความไม่ไว้วางใจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นอีกครั้ง ประเด็น "แตกต่างแต่ไม่แตกแยก" หรือ "ดอกไม้หลากสี" อย่างที่พยายามทำความเข้าใจกันมาตลอดระยะเวลา 5 ปีถึงคราวต้องหยิบยกมาพูดซ้ำกันอีกรอบ

ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา นักวิชาการศาสนา` ` ที่ได้รับการยอมรับนับถืออย่างกว้างขวางในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกมาให้ทัศนะต่อประเด็นดังกล่าวในงาน "กัมปงตักวา" หรืองานเครือข่ายชุมชนศรัทธา ที่หอประชุมเทศบาลนครยะลา จ.ยะลาวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 มิ.ย.) แม้จะพูดเพื่อทำความเข้าใจเรื่องการสร้างกำปงตักวาตามหลักศาสนา แต่ก็ให้ความเห็นต่อประเด็นความอ่อนไหวอย่างปัญหาความแตกต่างทางศาสนาของพี่ น้องชาวพุทธและมุสลิมด้วยมุมมองแบบนักการศาสนาไว้อย่างน่าสนใจ

"ถ้าเป็นกำปงแต่ไม่ตักวา จะสร้างความเสียหายได้ เพราะฉะนั้นคนที่ใช้คำว่ากำปงตักวาต้องระมัดระวังมากที่สุด อาจเป็นคำพูดที่ฟังดูดี ไพเราะ แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริงทำได้ยาก" อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ให้ความเห็นต่อกรณีที่มีการใช้ศาสนาพัฒนาชุมชน ซึ่งหยิบยกคำว่า "ตักวา" หรือความยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้าเป็นจุดเด่นของโครงการ ซึ่งในที่นี้ความหมายโดยรวมอาจหมายถึง "ความศรัทธา" นั่นเอง

ภาพโดย : นครินทร์ ชินวรโกมล
ภาพโดย` :` นครินทร์ ชินวรโกมล

"กำปงตักวานั้นถูกสร้างขึ้นครั้งแรกที่นครมาดินะห์ ท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) นำประชาชนไปสร้างขึ้น นั่นคือกำปงตักวา จริงๆ มันมีเงื่อนไข มีหลักการให้เกิดกำปงตักวา ต้องรู้ว่าเงื่อนไขต่างๆ มีอะไรบ้าง กำปงตักวาไม่จำเป็นต้องตักวาทุกคน คนอื่นก็มีครอบครัวตักวาเป็นของตนเอง แต่ทุกคนต้องยอมรับเงื่อนไขต่างๆ ถ้ายังชอบความดีงามที่มาจากอิสลามก็เลือกศรัทธาต่ออิสลาม" ดร.อิสมาอีลลุตฟี กล่าว ซึ่งเน้นย้ำถึงความแตกต่างของตักวาแต่ละบุคคล อันหมายถึงความแตกต่างหลากหลายทางความเชื่อ

ทั้งนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ให้ความทัศนะว่า ทุกศาสนาในโลกนี้มีจุดเหมือนกัน 5 ประการ

"ประการแรกคือความเป็นมนุษย์ ทุกคนเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทุกคนที่เป็นมนุษย์ถูกสร้างจากอัลลอฮ์องค์เดียวเท่านั้น ผมไปศึกษาจากทุกศาสนา ไม่มีศาสนาไหนบอกว่าใครสร้าง เพราะฉะนั้นชาวพุทธ ชาวคริสต์ ชาวมุสลิม อัลลอฮ์เป็นผู้สร้าง` นั่นคือทัศนะของอิสลาม มนุษย์ทุกคนเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ ไม่มีคัมภีร์ของศาสนาไหนบอกว่าตนเองสร้าง นอกจากอิสลามที่บอกว่าอัลลอฮ์คือพระผู้สร้าง ทุกคนเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ แม้บางคนไม่ศรัทธา ก็ไม่ได้ลดทอนความเป็นพระผู้ทรงสร้างแต่อย่างใด"

"ประการที่สอง มนุษย์ทุกคนมีพ่อคนเดียวกันคืออาดัม และอัลลอฮ์ทรงสร้างองค์เดียว นั่นคือสิ่งที่อิสลามสอน` ส่วนประการที่สาม คือ เราอยู่ในสมัยของศาสนทูตนบีมูฮัมมัด (ศ็อลฯ)เดียวกัน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นประชาชาติของมูฮัมหมัด จะศรัทธาหรือไม่ศรัทธาก็ล้วนเป็นประชาชาติเดียวกัน เปรียบเหมือนประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสื้อแดงไม่รับ เสื้อเหลืองชอบ แต่เราก็ยังมีนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีนายกคนที่สองของคนไทยคนอื่น ใครไม่ศรัทธาก็ไม่เสียหาย เพราะนบีมูฮัมมัด เป็นนบีของคนทั้งโลก" อธิการบดีวิทยาลัยอิสลามยะลากล่าวและว่า

"ส่วนประการที่สี่นั้น ท่านนบีรับคำสั่งจากอัลลอฮ์ว่าทุกคนที่เป็นมนุษย์เป็นพี่น้องกัน ในบทดุอาอ์กล่าวว่า ฉันยืนยันว่าทุกคนที่เป็นมนุษย์คือพี่น้องกัน เพราะฉะนั้นเราไม่ควรทะเลาะกัน หรือหากทะเลาะก็ทะเลาะแบบพี่น้อง แม้ว่าความจริงพี่น้องจะมีหลายระดับชั้น ชั้นพี่น้องไม่เหมือนกัน พี่น้องต่างแม่ พี่น้องต่างพ่อ พี่น้องศาสนาเดียวกัน พี่น้องต่างศาสนา แต่การเป็นพี่น้องกันศาสนาอิสลามยอมรับ ไม่ใช่ว่าศาสนาอื่นไม่ใช่พี่น้อง ไม่ใช่อย่างนั้น"

"ประการสุดท้ายคือประการที่ห้า ทุกศาสนาสอนเหมือนกัน ว่าเราต่างเป็นศัตรูของมาร ทุกศาสนาประกาศตัวว่าเราเป็น "ศัตรูของมารร้าย" ไม่ว่ามารในรูปแบบไหน ที่เป็นสิ่งไม่ดี ทุกศาสนาบอกว่านั่นคือศัตรู" นี่คือทัศนะของผู้รู้ทางศาสนาอิสลามซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ว่าเหตุผลแท้จริงของประเด็นความขัดแย้งอันอ่อนไหวนี้จะไม่ถูกแสดงออก อย่างเปิดเผยของคนสองศาสนาในพื้นที่ แต่เมื่อปรากฏผู้รู้ที่ได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมากออกมาให้ความเห็นใน ลักษณะของการให้สติกับคนทุกศาสนา น้ำเสียงดังกล่าวจึงเป็น "น้ำหนัก" ที่น่าสนใจยิ่ง

แต่ท้ายที่สุด ภาระนี้ผู้มีหน้าที่โดยตรง คือฝ่ายความมั่นคงต้องทำให้ความจริงปรากฏออกมาโดยเร็ว!!!
`