Skip to main content

แถลงการณ์

คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้

เรื่อง “ข้อห่วงใยของผู้หญิงต่อวงจรความรุนแรงชายแดนใต้”

วันอังคารที่ 28 เมษายน 2558 ณ โรงแรมปาร์ควิว จังหวัดปัตตานี

------------------------------

ทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนมายาวนานกว่า 11 ปีในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อาจไม่คิดว่ากำลังสร้างวงจรแห่งความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่จบสิ้น  ทำให้ประชาชนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สูญเสียเสาหลักของครอบครัวและประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิต บั่นทอนสายสัมพันธ์ของผู้คนที่อาศัยอยู่ร่วมกันมายาวนานทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ห่างไกลจากความมั่นคงและสันติภาพออกไปทุกขณะ

คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้หญิงทั้งชาวพุทธและมุสลิม ซึ่งทำงานสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครอบคลุมทั้งด้านการเยียวยา การพัฒนา การสื่อสารและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ องค์กรริเริ่ม 16 องค์กร ได้จัดประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2558 ในจังหวัดปัตตานี  โดยมีวาระสำคัญประการหนึ่ง คือการประเมินและวิเคราะห์วงจรความรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่

ผลจากการประชุมดังกล่าว คณะทำงานฯ มีความเห็นว่า เมื่อมีการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเริ่มโดยฝ่ายใดก็ตาม จะเกิดการตอบโต้จนกลายเป็นวงจรความรุนแรงเสมอมา ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่นเด็กและผู้หญิง ดังกรณีการวิสามัญฆาตกรรมเยาวชน 4 ศพโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่บ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ได้ทำให้เกิดความรุนแรงตามมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนมีการวางระเบิด 7ครั้งในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสรวมถึงการลอบยิงราษฎรและเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ30 เหตุการณ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต13 คน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิง 9 คน และบาดเจ็บรวมอีกทั้งหมด20คน 

เนื่องในวาระครบรอบ 11 ปีเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547 อันนับเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งของวงจรความรุนแรงในพื้นที่ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ จึงมีข้อเรียกร้องเพื่อยุติวงจรความรุนแรงดังกล่าว และสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพ ดังนี้

            1. ผู้ใช้กำลังอาวุธทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง และยุติการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน เป็นต้น 

            2. รัฐต้องรับผิดชอบในการค้นหาและนำเสนอความจริงต่อสาธารณะโดยเร็วในกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ได้แก่ การเสียชีวิตของเด็กและผู้หญิง การเสียชีวิตของนักต่อสู้เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การฆ่าด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย การฆ่าล้างครอบครัว การเสียชีวิตที่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินกว่าเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจนลุกลามเป็นวงจรความรุนแรงต่อไป 

            3.  รัฐต้องมุ่งมั่นที่จะขจัดวัฒนธรรมคนทำผิดลอยนวล (impunity)โดยคุ้มครองทั้งสิทธิของผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงให้การดูแลเยียวยาโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือสถานะทางสังคม

            4. พี่น้องประชาชนทุกศาสนิกต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อแรงยั่วยุจากการก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม เพื่อไม่ให้วงจรความรุนแรงขยายตัว ทั้งนี้ การแก้ปัญหาความขัดแย้งทุกรูปแบบต้องเป็นไปโดยยึดหลักสันติวิธี เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และใช้การพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน

           

รายนามคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้

กลุ่มเครือข่ายสตรีเสื้อเขียวชายแดนใต้

กลุ่มเซากูน่า                                                       

กลุ่มด้วยใจ

กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดปัตตานี                   

เครือข่ายการช่วยเหลือเด็กกำพร้า

เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ       

เครือข่ายชุมชนศรัทธา      

เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้

เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้       

เครือข่ายวิทยุชุมชนจังหวัดปัตตานี

เครือข่ายสตรีชายแดนใต้เพื่อสันติภาพ

ชมรมข้าราชการมุสลีมะห์นราธิวาส

ชมรมผู้นำมุสลีมะห์นราธิวาส                                   

มูลนิธิเพื่อการศึกษาและเยียวยาเด็กกำพร้า    

ศูนย์ฟ้าใสเครือข่ายเยาวชนจังหวัดยะลา        

ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้                              

สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้

สภาประชาสังคมชายแดนใต้

สมาคมผู้หญิงเพื่อสันติภาพ(WePeace)        

สมาคมลุ่มน้ำสายบุรี                                             

สมาคมสวัสดิการมุสลีมะฮ์จังหวัดยะลา