Skip to main content

วันหยุดนี้ไปไหนดีหว้า ไปไหนดี ไปไหนดี คีรีวง พัทลุง ตรัง ปีนัง หรืออยู่บ้านเฉยๆ ตัวเลือกในห้าวันที่ผ่านมา เยอะมาก กับการที่จะไปเที่ยวเล่น เรื่อยๆ จนสุดท้าย คำตอบอยู่ที่ช้อย ปีนัง อาจจะเป็นเพราะเป็นสถานที่ที่อยู่ในช้อยตัวเลือกของการพิชิตฝันที่ต้องไปเยือนสักครั้ง บวกกับรีวิวปีนังเยอะมาก เลยต้องพิสูจน์ว่า ปีนัง ที่เขาล่ำลือ มีอะไรดีมากกว่ารีวิวหรือเปล่า

วันที่ 28 ธันวาคม 2558 ทำการจองตั๋วรถตู้กับบริษัท k.s.t หาดใหญ่ โดยทำการจองในรอบ บ่ายสาม จุดนัดพบ หน้า เซเว่น บขส หาดใหญ่ ในวันที่ 30 ธันวาคม 58

วันที่ 29 ธันวาคม 2558 ทำการจองห้องพักที่ ปีนัง kimberly houser เหตุผลที่จองหอพักนี้ หนึ่ง ราคาถูก สอง อยู่ใกล้กับสถานีขึ้นรถเมล์ และ อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว โดยจอง สอง คืน ในการพักที่นี่

ทุกอย่างดูง่ายดายหมดเลยไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคกับการจองรถ หรือ จองหอพักในการมาเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งได้มีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกันหนึ่งคน และมีเวลาสองวันเท่านั้นในการที่จะรีวิว และหาข้อมูลเกี่ยวกับปีนังก่อนออกเดินทาง โดยส่วนใหญ่ที่รีวิวจะเป็นของ คนที่เดินทางไปปีนังคนเดียว เลยทำให้รู้ถึงการเตรียมความพร้อม และการต้องเตรียมข้อมูลใดบ้างในการมาเที่ยวปีนัง โดยส่วนตัวและเพื่อนไม่เคยมาปีนังเลยสักครั้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกของเราสองคนที่ต้องการพิชิตสถานที่ ที่นี่ คือ ปีนัง จึงต้องทำการบ้านมากพอสมควรเพื่อที่จะไปโดยไม่หลง และได้ไปสถานที่ที่ได้วางไว้ในการเที่ยวครั้งนี้ มี ปีนัง ฮิลล์ หรือ Bukit bindara สถานที่นี้เป็นที่ถูกกล่าวในรีวิวว่า หากไปปีนัง แล้วไม่ไป ปีนัง ฮิลล์ ถือว่ามาไม่ถึง ปีนัง สถานที่ต่อไป เป็น Lebuh india ย่านอินเดีย อันนี้เป็นความต้องการส่วนตัวที่ต้องการซื้อเสื้ออินเดีย และสถานที่สุดท้ายคือ ตามล่า รูปที่เขียนที่ผนัง หรือ Sreet Art สามสถานที่เท่านั้นที่ต้องการไปไม่ได้คาดหวังเยอะมาก กลัวจะผิดหวัง ก็อย่างว่าละคะ ไม่เคยมา นี่เป็นครั้งแรกจะเอาอะไรมาก ขอแค่ให้ไปถึง และกลับมาอย่างปลอดภัย ก็เพียงพอแล้ว กับภาษาทั้งอังกฤษ และมาเลย์กลางก็ งูๆ ปลาๆ เอาล่ะ ความสนุก กำลังจะเริ่มขึ้น เมื่อฟ้าเปิดของวันที่ 30 เข้ามาทักทาย

วันที่ 30 ธันวาคม 2558 เวลา 10.30 ได้เดินทางจาก บขส ปัตตานี ไปยัง บริเวณ ลีการ์เด้น ด้วยรถแท็กซี่ เพื่อไปแลกเงินไทย เป็น ริงกิต แล้วหลังจากนั้นขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก ไปยัง บขส เพื่อรอเวลานัดหมายในบ่ายสามครึ่งและเพื่อปฎิบัติศาสนากิจก่อนออกจากหาดใหญ่เพื่อไปปีนัง เมื่อดูนาฬิกา เกือบจะเข้า บ่ายสาม เลยตัดสินใจไปรอ ณ จุดนัดหมายในการขึ้นรถ ซึ่งก่อนหน้านั้นเราก็ได้โทรถามพี่เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เราจองแล้วว่า เวลาที่จะมารับ และ ทะเบียนรถ โอเค เรียบร้อย นั้นรอ รอ เพื่อขึ้นรถอย่างเดียว แต่แล้วเวลาเกือบ บ่ายสามกว่ามีผู้ชาย รูปร่างสูง ใส่แว่น ผมยาวถึงบ่า กางเกงขาสั้นพร้อมกับ กระดาษสีเขียวแผ่นหนึ่งอยู่ที่มือ เดินเข้ามาถามว่า ไป ปีนัง ใช่ใหมครับ “ออ ค่ะ แล้ว ไม่มารับกับ รถตู้ทีหรอค่ะ” “ ออ เดี่ยวไปขึ้นรถที่ออฟฟิศ อีกทีครับ “ “โอเค คะ”

เอียดดดดดดด พี่เขาทำการเบรกอย่างรวดเร็วเหมือนว่าทุกคนรอเราแค่สองคน เดินเข้าไป ในออฟฟิศ “น้อง ไปกี่วันนะค่ะ พี่อีกคนเป็นผู้หญิง ตาตี๋ ผมยาว ขาว เอยถาม “ อ้าว เมื่อกี้พี่ใช่ใหม ที่โทรคุยกับหนู “ใช่ค่ะ” ไอ้เราเอะใจว่า ทำไม พี่เขาถามเราอีก ทั้งๆที่เราคุยกันรู้เรื่องกันแล้ว แล้วเขามาถามว่าไปกี่วัน พักที่ไหน เอะ ยังไง งง ตัดสินใจ ออกจากออฟฟิศ ดูไวนิล อ้าว เฮ้อ ฉิบหาย แล้ว ไม่ใช่ บริษัทที่เราโทรไปนี่หว่า ตัดสินใจกดเบอร์หาพี่เขาแล้วถาม ให้ชัดเจน ไอ้เราก็บอกพี่เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทรถที่เราจองว่า เราอยู่หน้าบริษัทนี้น่ะ (ขอไม่เอ่ย ถึงบริษัทที่เรานั่งรถผิด 555) คือ หนูขึ้นรถผิดใช่ใหมค่ะพี่ “ 55555 ใช่แล้วน้อง “ ไอ้เราก็ 55555 เหมือนกัน ตลกกับตัวเอง แล้วจะทำอย่างไรค่ะพี่ “ออ เดี่ยวน้อง ขึ้น รถคันนั้นแล้วมาแลกเปลี่ยนที่ด่านนะค่ะ” ไอ้เราบ่นในใจว่า ยังกับ แลกเปลี่ยนตัวประกันเลย แต่ประทับใจพี่เจ้าหน้าที่ ของบริษัทที่เราจองมาก น้ำเสียงเธอพูดให้กำลังใจ พูดไม่ให้เรา ขวัญเสีย แล้วปลอบใจว่า “พวกพี่ไม่ทิ้งหนูหรอก “ ซึ่งภายในรถที่เราขึ้นผิดนั้น มีเราสองคนที่เป็นคนไทย แล้วใส่ผ้าคลุม นอกจากนั้น คนจีน ในใจคิดอย่างเดียว อยากให้ไปถึงด่านเร็วๆจัง วินาทีนี้ ฉันสั่น มาก ไม่รู้ที่สั้นเพราะหนาวแอร์ หรือเป็นเพราะ กลัว ความรู้สึกปนเป อย่างกะเจอคนที่แอบชอบผ่านมาข้างหน้า อย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ พยายามไม่คิดอะไร ขออย่างเดียวให้ไปถึงที่ด่านเร็วๆ

เมื่อถึงด่านก็เข้าแถว แล้วทำตามระเบียบของทางด่านเสร็จ ฉันรีบหารถตู้ที่มีป้ายทะเบียนที่พี่เจ้าหน้าที่บอกให้ อัลฮัมดุลลิลลาฮ เจอแล้วค่ะ พอเจอน้าผู้ชายที่เป็นคนขับรถของบริษัทที่เราจอง ขำ ออกมา เพราะ แกทักว่า น้องสองคนที่มาแลกเปลี่ยนตัวใช่ใหม “ ใช่ค่ะ 55555 “ น้าเขาก็หัวเราะตาม “ฮาโรย กว่าจะหมดอุปสรรคนี้ทำให้ หัวใจ ตกตาตุ่มหมด น้าคนขับเป็นคนใจดี แต่เขาจะพูดน้อย เลยเข้าทางหนูที่จะเป็นฝ่ายรุกในการถาม โน้น นี่ นั่น เกี่ยวกับตัวเขาบ้าง เกี่ยวกับ สถานที่ท่องเที่ยวในปีนังบ้าง ซึ่ง เราออกจาก ด่านประมาณ ห้าโมงกว่าๆ ถึงที่โน้นประมาณ สามทุ่ม นับว่าหลายชั่วโมงที่ต้องนั่งรถไปยัง ปีนัง ( ออ ลืม บอกว่า เราสองคน นั่งข้างหน้าติดกับคนขับ) บรรยากาศเข้าปีนังสองข้างทางเป็นน้ำทะเล แต่มองไม่ออกหรอก เห็นเพียงแต่แสงไฟที่อยู่ในเรือ แล้วตึกแถวเต็มไปด้วยไฟ ประดับประดา สวยงามมากเลยทีเดียว แต่พูดออกมาจนน้าคนขับ ขำออกมา “ น้า เมืองเขาไม่ประหยัดไฟกันหรอ อลูว เห็นแล้วสงสารกระแสไฟฟ้า

น้า เป็นคนหาดใหญ่ มีอาชีพขับรถตั้งแต่หนุ่มๆ น้าบอกว่า หากไม่ทำงานขับรถ น้าก็ไม่รู้จะทำงานอะไรเหมือนกัน แต่ ช่วงปีใหม่ ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนน้ายังไม่พัก มี ลูกค้าตลอด ถือว่าดีมาก ซึ่งเราพูดคุยกันหลายเรื่องมาก แต่เรื่องที่ทำให้มีการพูดคุยนานคือ เรื่อง ถนน ของ ทางเข้ามาเลย์ “ น้า ถนนที่นี่ดี น่ะ ไม่มีหลุม ไม่มีสีที่ทาสีแดงเหมือนบ้านเราเลย ออ น้าหนูดูในเฟส เขาแชร์กันว่า ให้ระมัดระวัง สีแดงที่ทาบนถนน เพราะมันจะลื่นหากขับไม่ระวังจะเกิดอุบัติเหตุได้ น้า คิดเหมือนหนูใหมว่า การเปลี่ยนแปลงบางอย่างไม่ได้ส่งผลดีให้กับ ประชาชนที ใช่ใหมน้า “ ใช่ๆๆๆ “ ว่าแต่น้าทางแถวนี้ เขาผ่านกันเยอะใหม ทำไม มีแต่ป่า และก็ป่า เหมือนแถวบ้านเราเลยน้า “ แถวนี้ ในมาเลย์ เป็นบ้านนอก “ น้า แต่บ้านหนู เป็นเมืองน่ะ 555555 “ 55555555 อ้าวจริงหรอ น้าคิดว่าเหมือนแถวบ้านหนู “ น้า อะ บ้านหนูเจริญแล้ว ก็คุยกันเรื่อยๆ หลับบ้าง ตื่นคุยบ้าง ถามโน้น นี่ นั้น จนถึง หน้าโรงแรมที่เราจอง “ อ้าว หนู ถึงแล้ว” น้า คือ จอดถูกใช่ใหม ทำไม เหมือน ศาลเจ้า คนจีนอะน้า “ 555 ถูกแล้ว “ บรรยากาศตอนนั้นไม่อยากจะคิดว่านี่คือ ที่นี่เป็นโรงแรมที่เราจอง ทำไม มันดูสไตล์ คนจีนมาก ดูขลัง วังเวง อย่างไรไม่รู้ แต่ ขอโทษค่ะ เข้าไปข้างใน แถบไม่เชื่อตาตัวเอง แตกต่างจากด้านหน้ามาก ข้างในจะประดับด้วย โซฟา ดอกไม้ มุมอ่านหนังสือ รูปถ่าย แล้ว เข้าไปข้างในอีกนิดก็จะเป็น ห้องเปิดกว้างให้กับแขกนั่งดูทีวี

ก่อนเข้าห้องที่เราจอง ก็ ทำการจ่ายเงินกับ เจ้าหน้าที่เรียบร้อยก็สนทนาเป็นภาษามลายูปนกับ อังกฤษ ยอมรับว่าเป็นมลายูบ้านเรานี่แระ แต่อาจจะมีบางคำที่ยืมใช้มาเลย์กลาง ได้แบบงูๆปลาๆ ไม่เวอร์อะไรมาก ขอให้เขาเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด ก็ถือว่า โอแล้ว อิอิอิ เธอก็ให้กุญแจแล้วพาเราไปที่ห้องพักที่จองไว้ เป็นห้องรวมมีหกเตียง เป็นคู่ เปิดกุญแจเข้าไปด้านในไม่มีใคร แต่มี สองเตียงที่สังเกตว่าน่าจะมีคนอยู่แล้วเพราะมีกระเป๋าและ มีเสื้อผ้าวางไว้บนเตียง แต่เอะ ตาเหลือบไปเห็นกางเกงยืนตัวใหญ่ แขวนอยู่ แล้ว เตียงข้างๆฉัน เห็นมีกระเป๋าใบใหญ่และมีกางเกงขาสั้น เหมือนกางเกง ผู้ชาย หันไปถามเพื่อน เฮ้ย! จองผิดห้องแน่ๆ ทำไงวะเนี้ย โอเค ไปถามที่เคาว์เตอร์ให้แน่ชัดแล้วกัน คือ( ก่อนจองได้อ่านข้อมูลของโรงแรมนี้แล้วว่า มีห้องรวมผู้หญิง เลยเข้าใจว่า โรงแรมนี้น่าจะเป็น โรงแรมเฉพาะผู้หญิง เลยไม่ได้เอะใจว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น) คำตอบที่ได้จากการถามว่า ห้องของพวกเราที่พักเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่แล้วคำตอบทำเอาปวดหัว และ มึน งง งวย คือ “ มี ผู้ชาย สองคนค่ะ ในห้องมีสี่คน มีคุณ สอง คน แล้ว ผู้ชาย สองคน” อาละมะ ฉิบหาย วินาทีนั้น ใจสั่น กลัว หน้าแม่หนูลอยมาเลยค่ะ เลยปรึกษากับเพื่อนเอาไงดี โอเค! เงินก็จ่ายไปหมดแล้ว นี่มันก็เกือบสี่ทุ่มบ้านเราแล้ว จะไปหาโรงแรมตอนนี้คงจะบรรยากาศข้างนอกคงไม่อำนวยมากนัก จึง ตัดสินใจว่า คืนนี้ จะไม่นอนในห้อง ขอมานั่งเล่นที่โซฟาห้องรับแขกแล้วกันไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว

 ในห้องที่จองไว้เก็บเพียง แต่เสื้อผ้า และเป็นที่ละหมาดเท่านั้น ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม อยู่ด้านนอก วินาทีนั้นก่อนหน้าที่จะเดินเข้าห้องรอบที่สองก็ได้ พยายามต่อรองในการเปลี่ยนห้องกับเธอเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ว่า พอจะมีห้องว่างใหม ห้องรวมผู้หญิงก็ได้ ห้องเดี่ยวก็ได้ คำตอบคือ ห้องรวมผู้หญิงมีเตียงว่างแค่เตียงเดียว ซึ่งอยู่ติดกับ ห้องรวมหญิงและชาย ซึ่งเขาไม่ให้นอนเตียงหนึ่งสองคน โอเค! ยอมรับชะตา ซึ่งไม่ใช่ความผิดของโรงแรม เราเองที่ไม่ได้ดูให้ละเอียด โอเค! ตัดสินใจเดินไปที่ห้องหยิบผ้าขนหนู หยิบเสื้อผ้า หยิบอุปกรณ์ชำระตัวเพื่อไปอาบน้ำ แต่พอก้าวขาออกจากห้องได้ยินสำเนียงเหมือนคนพูดไทย เลยหันไป ปรากฏว่าเห็นผู้หญิงสองคน ซึ่งเขากำลังจะเข้าห้องที่เป็นผู้หญิงรวม เลยทักทายไปว่า “เป็นคนไทยหรอค่ะ พักห้องนี้หรอค่ะ มาวันไหนแล้วอะค่ะ พอหอมปาก หอมคอ จึงได้บอกอุปสรรค์ของพวกเราไป ให้กับเธอทั้งสองฟัง เธอเป็นคนไทย คนหนึ่งชื่อ หยก เป็นผู้หญิงสูงขาว สวย ผมยาว เป็นคนนครศรีธรรมราช เดินทางมาปีนังคนเดียว ส่วนอีกคน ชื่อ การ์ตูนเป็นสาวผิวขาว ตาตี๋นิดๆ ผมทอง เป็นสาว เชียงราย เดินทางมาปีนังคนเดียวเหมือนกัน เมื่อทั้งสองได้ทราบอุปสรรคของเรา เขาไปช่วยพูดกับเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะให้เรามาพักห้องรวมหญิงอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ แต่พอเปิดประตูห้องพักรวมเฉพาะผู้หญิง ทำไม เตียงว่างสองที่ ทั้งๆที่ เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า ว่างแค่ที่เดียว “เอาว่ะ โชคเข้าข้าง คืนนี้เลยได้นอนห้องนี้ รอดไปอีกคืน คืนนี้พักห้องรวมหญิงก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยวางแผนใหม่ ค่อยหาวิธีการใหม่”

 

เธอทั้งสองก็ยินดีที่จะช่วยเรา เลยชวนเราทั้งสองนอนที่ห้องรวมผู้หญิงด้วยกัน แต่เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าไปในห้องเพื่อหยิบผ้าห่ม หมอน จึงเปิดไฟ แล้วเห็นผู้ชายฝรั่งอยู่ที่เตียง ซึ่งเขาลืมตาตอนที่เราเปิดประตูเข้าไป เลยเอ่ย คำขอโทษ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร และตอนที่เราละหมาดเป็นการละหมาดควบ อีซา กับ มัฆริบ เหมือนเขาจะดูพวกเราละหมาดอยู่ (ไม่รู้สิ รู้สึกว่า เขากำลังมองอยู่) โอเค เขาก็ไมได้ถามอะไร ก็รอดไป เพราะ ถ้าอธิบายเป็นภาษาอังกฤษคงไม่ไหวแน่ แต่ คืนนี้นอนไม่หลับ ลำพังไอ้เรานอนคนเดียวไม่หลับไม่พรือ แต่เตียงเราละสิ ขยับทีหนึ่งคนข้างล่างตกใจ ไม่รู้ว่า ตัวเราหนัก หรือเตียงเขานานแล้วอันนี้ไม่กล้าพิสูจน์บังเอิญคืนนี้นอนชั้นสอง ชั้นล่างจะเป็นผู้หญิงที่มีอายุแล้ว เธอมาจาก สิงคโปร์ “ โชคดีที่นี่ Wifi ฟรี เลยได้เล่น face กับ line แก้อาการนอนไม่หลับ