Skip to main content

               วันนี้วันที่ 1 มกราคม 59 รับฟ้าใหม่ของวันปีใหม่ โดยวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการอยู่ปีนัง ซึ่งช่วงเช้าก็ไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแค่เก็บตกสถานที่ใกล้ๆโรงแรม เพราะได้มีการนัดกับรถตู้มารับที่โรงแรมเวลา 12.00 น. โดยคราวนี้เราจะเดินจากฝั่งขวาของโรงแรม ซึ่งเดินไปประมาณ ห้าก้าวจริงๆ ก็เจอวัดจีน อยู่ใกล้กับโรงแรม ออ! เช้านี้เราออกสำรวจเช้ากว่าปกติ สังเกตได้จากบรรยากาศ นอกโรงแรมเหมือนตอนหกโมงเช้าบ้านเรา โดยข้างๆโรงแรมจะมีร้านติ่มซำของพ่อค้าคนจีน ซึ่งจะมีลูกค้าทั้งคนในโรงแรมและ คนละแวกสายนั้นเข้ามาอุดหนุน ส่วนเราก็เดินสำรวจต่อไป

               เฮ้ย! กะที่ฉันรู้จักนั้น ใช่ เราเจอรุ่นพี่ที่รู้จักมาเที่ยวที่ปีนัง โดยบริเวณนั้นก็จะเป็น จอร์ทาวส์ เข้าไปทักทาย ถามโน้นนี่ นั้น แชะ! ถ่ายรูปด้วยกันเสร็จก็เดินต่อในซอยแคบๆ ก็จะเป็นซอยที่มี รูป Street Art ต้องยอมรับว่าเดินมั่วๆมากๆ เข้าซอยโน้น ทะลุซอยนี้ เจอภาพก็ถ่าย ไม่เจอก็หาต่อ จนมาเจอแม่สาวน้อยชาวจีน เธอเดินอย่างมุ่งมั่นมาก โดยในมือเธอจะมีแผนที่ เลยเข้าไปถามว่า “ที่นี่ใช่ Street Art  ใหมค่ะ  คือวิธีการนี้เป็นอีกวิธีที่เราจะเช็คความแน่ใจของสถานที่ที่เราจะไป และบางครั้งเราอาจจะได้อะไรมากกว่าคำตอบที่เขาจะตอบว่า ใช่ หรือไม่ใช่” ก็เป็นไปตามความคาดหมาย เธอให้แผนที่เรามาหนึ่งแผ่นเกี่ยวกับตามล่า รูป Street Art เราบอกว่า ไม่เป็นไร แต่เธอก็ยังใจดีให้ เลยตามล่า Street Art จากที่ตั้งเป้าหมายว่าแค่จะเดินดูรอบโรงแรมเฉยๆ แต่ก็กลับกลายเป็นงานหลักที่ต้องตามหา Street Art นี้แหละ แต่ก็โอเค กว่าจะถึงเวลา เที่ยงที่รถจะมารับก็พอมีเวลา ซึ่งวันนั้นโชคดีที่ได้เจอพาเหรดทั้ง เดิน และ วิ่ง ของคนที่นี่ ร่วมกันใส่เสื้อสีขาว เราเองก็แอบเนียนในพาเหรดนั้นด้วยเพื่อที่จะได้เจอเป้าหมายคือ ภาพในแผนที่  โดยบางซอยจะสวนกับนักท่องเที่ยวที่ขี่จักรยานด้วยเหมือนกัน ส่วนริมถนนก็จะมีแม่ค้า พ่อค้าขายสมุด เสื้อ ที่เป็นของที่ระลึกเกี่ยวกับ Street Art วางขาย ราคาก็ไม่สูงมากนัก โดยการเดินของเราก็เดินกันอย่างเข้มข้น หลงซอยนี้ เข้าซอยโน้น อ้าว! ซอยนี้มาแล้ว ไม่ใช่หรอ นั้นไปซอยนี้ดีกว่า เอะไม่มีรูปสักอัน โอเค เดินไปอีกนิดน่าจะเจอรูปที่ j ที่ตามหา เฮ้ย ! เดินสุดซอยแล้วนิหว่า ไหนไม่เจอ เอะ! แต่นั้นอะไร อ้าวท่าเรือ อูว ใหญ่มาก ซึ่งเรือนี้ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกเรืออะไรแต่มันใหญ่มาก แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรือโดยสาร  นับว่าใหญ่ และ สวย งาม มาก

               เวลาใกล้จะสิบเอ็ดโมง ก็เดินเล่นๆ กลับไปที่โรงแรม โดยระหว่างทางกลับโรงแรม ก็จะเจอพี่น้องต่างศาสนิกที่เป็น ชาวจีนกำลังทำพิธีกรรมทางศาสนาในบริเวณนั้น ก็ได้เห็นอีกพิธีกรรมหนึ่งที่ไม่เคยเห็น แล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆจนถึง โรงแรม เพียงแต่รอเวลา กลับไทย อย่างเดียว สรุปว่า วันนี้เราก็ได้รูปที่ผนัง มาบ้าง เราได้เจอกับเพื่อนรุ่นพี่จากเมืองไทยมาเที่ยวปีนัง และเราได้ เจอสาวน้อยคนจีนท่านนั้นในการเอื้อเฟื้อ แผนที่ให้กับเราในการเดินตามหา Street Art

                สำหรับทริปนี้ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางที่หลง มั่ว แหลงภาษามลายูบ้าง อังกฤษบ้าง ปนเปกันไป แต่ก็จนถึงรอดกลับมาไทยครบ 32  ต้องขอบคุณเพื่อนใหม่ ปะจิ มะจิ ระหว่างทางที่จะไปแต่ละสถานที่ ต้องขอบคุณนักเดินทางที่มาเจอกันที่โรงแรมแห่งนี้ในการพูดคุย สานมิตรสัมพันธ์กัน ต้องขอบคุณเพื่อนที่บ้านที่คอยเป็นห่วงในการเดินทางของเรา อัลฮัมดุลลิลาฮจริงๆ ขอบคุณจริงๆ

                 สำหรับการเดินทางในความหมายของฉัน ฉันยึดไว้แค่สองสิ่ง คือ เดินทางเพื่อหาความรู้ ประสบการณ์ และ เดินทางเพื่อต้องการอธิบายอัตลักษณ์ความเป็นหญิงมุสลิมให้คนรอบข้างต่างศาสนิก ต่างประเทศ ต่างพื้นที่ ได้รับรู้ผ่านการกระทำ การพูดจา(เพื่อเป็นนิมิตหมายให้เขามองเราอย่างเป็นมิตร เพราะกระแสข่าวภายหลังต้องถือว่าหนักมากกับ คำว่า อิสลาม หรือ มุสลิม)  และผ่านการเครื่องนุ่งห่มที่มีผ้าคลุมเป็นสัญลักษณ์ของหญิงสาวมุสลิม และฉันชอบที่จะเดินทางไปที่อื่นคนเดียว เพราะการเดินทางคนเดียวมันทำให้เราใช้ความคิด อวัยวะทุกส่วนของร่างกายได้มีประโยชน์ในการใช้งานมากที่สุดไม่ว่าจะเป็น สมอง ปาก มือ ขา เท้า เป็นต้น  และการพูดคุยกับผู้คนระหว่างทางที่เราพบเจอก่อนที่จะไปถึงที่จุดหมาย มันมีความหมายและมีเสน่ห์มากสำหรับการที่ได้รู้จักใครบางคนที่เราพร้อมจะเปิดใจที่จะรับฟังความคิดเขา ดูความแตกต่างของเขาไม่ว่าจะเป็นภาษา ความคิด  และ วิธีการแต่งกาย  ฉันคิดว่านั้นเป็นความรู้ชนิดหนึ่ง ที่ไม่ได้มีในห้องเรียนสี่เหลี่ยมมากนัก และฉันก็เชื่อเสมอว่า หากฉันต้องการที่จะเรียนรู้ ฉันต้องเดินทาง เท่านั้น  และอีกอย่างหนึ่งการเดินทางของมุสลิมจะมีลักษณะเด่นอย่างหนึ่งคือ การปฎิบัติศาสนกิจที่เป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบในการละหมาดให้ครบ 5 เวลา อาจจะควบละหมาดตอนเดินทางก็ว่ากันไปในวิธีการ

 

                 ฉันคิดว่าสิ่งนี้สำคัญมากที่สุดสำหรับนักเดินทางที่เป็นมุสลิม เพราะมันเป็นเครื่องวัดใจ อย่างหนึ่งของมุสลิมว่า การเดินทางที่เรากำลังแสวงหาความรู้นั้นเราสามารถประคับประคองสิ่งที่ต้องรับผิดชอบห้าเวลาได้หรือไม่ หรือ ผู้หญิงมุสลิมจะรับผิดชอบผ้าคุลมบนหัวได้หรือไม่ ไม่จำเป็นหรอกว่า หากคุณจะเดินทางไกล หรือใกล้ แต่ที่สำคัญคุณยังคงความเป็นคุณได้หรือเปล่า ไม่ใช่ออกเดินทางจากบ้าน สอง สาม ก้าว ความคงที่ คงอยู่ ของความเป็นคุณ ออกจากตัวคุณ เมื่อคุณเดินทางออกจากบ้าน