Skip to main content

 

คนพุทธ หวาดกลัวอิสลามจริงหรือ ? [3]
ต่างสูญเสีย

เวลาผ่านไปไม่นาน เธอได้รับแจ้งให้ต้องเดินทางไป จังหวัดนราธิวาส อีกครั้ง
เธอ เล่าให้ฟังว่า วันที่ 26 ธ.ค. 50 ต้องเดินทางไปนราธิวาสอีกครั้งเพื่อรับเงินในส่วนของ ป้องกันจังหวัดนราฯ ในฐานะผู้เสียชีวิตคือหัวหน้าครอบครัว ที่ห้องประชุม แถวริมแม่น้ำบางนรา
เธอบอกว่า "ได้นั่งใกล้มุสลิมะห์ที่อายุมากแล้วคนหนึ่ง ทั้งๆในใจหวาดกลัวกับการมานราธิวาสในครั้งนี้เหลือเกิน กลัวมาแล้วไม่ได้กลับ กลัวทุกอย่างแต่ในใจยังเชื่อว่า มุสลิมที่ใกล้ตัวที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้องหรือที่อดีตเป็นลูกศิษย์ ที่เป็นคนดีที่สัมผัสได้เสมอ"

เธอบอกว่า บทสนทนาระหว่างเธอเริ่มการพูดคุยกับคนแปลกหน้าต่างถิ่นก็เริ่มขึ้น

เมาะ(มุสลิมะห์สูงวัย) : ลูกมาจากไหนนิ ? (คงเห็นว่าไม่คลุมหัว แต่งตัวไม่เหมือนพวกเค้าแถมแขวนพระอีกต่างหาก)

ดิฉัน: มาจากหาดใหญ่คะ !

เมาะ: มาทำไมโดนอะไร? (ฉันคิดในใจว่า อะไรมาถามทำไม)

ดิฉัน: สามีโดนฆ่าตัดคอที่ ต.สามัคคี รือเสาะ หัวเจอที่สะพานคลองเด็ง(ประมาณว่าพอใจไหมคำตอบ ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริงๆ)

เมาะเอามือมาจับมือดิฉัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า

เมาะ: รู้ไหม เมาะเจอ *ยอ(สามีดิฉัน)ด้วยนะ ยอวิ่งมา เมาะให้มานั่งในบ้าน

ดิฉันรู้สึกบอกอะไรไม่ถูก

เมาะ: เมาะบอกให้ยอ รออยู่ที่นี่ แล้วให้ลูกชายไปตามตำรวจทหาร มา แต่ว่า พอลูกเมาะไป พวกมันก็มาเอายอไป เมาะขอโทษนะ 
(สีหน้าและเสียงที่เศร้าของเมาะพร้อมคำขอโทษมันปลดบ่วงในใจของฉันบ่วงที่1)

ดิฉัน: หนูขอบคุณคะเมาะ แล้วตอนเค้ามาหาเมาะ เค้าเป็นไงบ้าง

เมาะ : ตัวเลอะโคลนมา วิ่งผ่านทุ่งนามา จากอีกหมู่บ้าน สงสารยอนะ

ดิฉัน: (ยกมือไหว้) หนูขอโทษเมาะนะคะ หนูเข้าใจผิดมาตลอดว่า ผัวหนูต้องตายเพราะคนบ้านนี้เรียกโจรมารับตัวผัวหนูไป มีคนเล่าว่าผัวหนูวิ่งผ่าทุ่งนาไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง ไปพักที่บ้านชาวบ้าน แต่ก็ต้องมาตายเหมือนกัน หนูขอโทษนะคะที่คิดไม่ดี กับบ้านของเมาะ

เมาะ: ไม่เป็นไร ยอน่าสงสาร นะ อุตส่าห์หนีมาได้แล้ว

ดิฉัน: แล้ววันนี้เมาะมาทำไมคะ?????

เมาะ หลังจากวันนั้นอีกเดือน ลูกชายเมาะคนที่ไปตามตำรวจมาช่วย ยอ โดนยิงตาย

ดิฉัน: เสียใจด้วยนะคะ และก็ขอโทษที่เป็นต้นเหตุ

เมาะ: ตอนนี้เมาะออกมาอยู่กับลูกชายคนโต อีกอำเภอหนึ่งแล้ว อยู่ไม่ได้คนดีอยู่ไม่ได้ บางครั้งพวกมันลงมาจากเขา มันพอใจจะเอาอะไรมันก็เอาไป วัวแพะหรืออะไร มันเอาไปขึ้นไปบนเขา เราทำอะไรไม่ อยู่ไม่ได้แล้วลูกเอ๋ย 
---------------------------------------------------------------------------
เธอบอกว่า วันนั้นถ้าถ้าเธอไม่ได้นั่งใกล้เมาะ ทุกวันนี้เธอยังสาปแช่ง บ้านที่สามีไปขอพักก่อนตาย ว่าคือต้นเหตุ แต่เหตุการณ์กลับเปลี่ยน ทำให้บ้านนี้ต้องสูญเสียลูกชายไปอีกคน เพราะพยามช่วยสามีเธอ

ในสิ่งที่ผู้เขียนพยายามสื่อสารเป็นบทความนี้ ถึงแม้เหตุการณ์มันจะผ่านมานานร่วม 9 ปีแล้วก็ตาม แต่ประเด็นของเรื่องนี้อยู่ที่ว่า เธอ ได้เปลี่ยนความรู้สึกที่เกลียด ให้กลายเป็นความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจกันและกัน ต่างคือผู้ที่สูญเสีย จากความเศร้า เสียใจ ท้อแท้ สิ้นหวัง แปลเปลี่ยนเป็นต้องเข้มแข็ง เพื่อสร้างกำลังใจให้กับคนอีกหลายๆ คนที่สูญเสียเหมือนกันกับเธ

ผู้สูญเสีย ยังปรับเปลี่ยนจิตใจตัวเอง แล้วเราละ ผู้ไม่เคยสูญเสียใครจากเหตุการณ์ ใย กลับนำเรื่องราวต่างๆ มาสร้างความโกรธ เกลียด หวาดระแวงต่อกัน

ขอบคุณ แดง ณภัทร กับเรื่องเล่าที่ให้มาถ่ายทอดให้อีกหลายๆ คนได้ทราบ

 

อ่านตอนที่ผ่านมาได้ที่

คนพุทธหวาดกลัวอิสลามจริงหรือ ?

คนพุทธ หวาดกลัวอิสลามจริงหรือ ? [2] เหตุใดคนพุทธ ถึงปฏิเสธ

  •  

    •