Skip to main content

รอซี ฮารี

ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์การถล่มโจมตี การจับกุมและสังหารพลเรือน การทำลายบ้านเรือนและอาคารสถานที่ การขยายนิคมชาวยิวในเขตเวสท์แบงค์ซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจนโดยกองกำลังอิสราเอลต่อปาเลสไตน์ รัฐบาลส่วนใหญ่ในยุโรปมักหลีกเลี่ยงการประณามอิสราเอล บ้างก็ปิดปากเงียบ และที่เลวร้ายที่สุดคือ การแสดงท่าที่ปกป้องอิสราเอล

ในปี ๒๕๕๗ อิสราเอลได้โจมตีฉนวนกาซ่าของปาเลสไตน์ ตามรายงานของสหประชาชาติ มีชาวปาเลสไตน์มากถึง ๒,๒๕๑ คนต้องสังเวยชีวิต และส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่อิสราเอลต้องสูญเสียคนของตัวเอง ๗๓ คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหาร แต่สิ่งที่เราได้ยินจากผู้นำชาติยุโรปอย่าง นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษกลับกลายเป็นว่า อังกฤษสนับสนุนอิสราเอลในการปกป้องตัวเอง ขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟร๊องซัว ออล๊องด์ก็ออกกล่าวในลักษณะเดียวกันว่า เป็นสิทธิของอิสราเอลในการกำหนดมาตรการปกป้องคนของตัวเอง          

จึงเกิดคำถามขึ้นว่า การเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมกันซึ่งเป็นคุณค่าหลักที่ยุโรปมักอ้างถึงเช่นเดียวกันกับเสรีภาพและประชาธิปไตยได้หายไปไหน? ทำไมจึงเกิดความเป็นสองมาตรฐาน? หรือว่าอิสราเอลมีความสัมพันธ์อย่างลับๆและแอบแทรกแซงนักการเมืองยุโรปผ่านการล๊อบบี้?

เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ได้มีการแถลงผลรายงานวิจัยชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า “กลุ่มล๊อบบี้อิสราเอลและสหภาพยุโรป (The Israel Lobby and the European Union)” ณ กรุงบรัสเซลส์ของประเทศเบลเยียม รายงานการวิจัยชิ้นนี้จัดทำขึ้นโดยองค์กร Spinwatch Public Interest Investigation และ EuroPal Forum ผู้ร่วมวิจัยและเขียนรายงานชิ้นประกอบด้วย David Cronin (นักกิจการกรรมทางการเมืองและนักหนังสือพิมพ์ชาวไอริช) Sara Marusek (นักวิจัยทุนหลังปริญญาเอก มหาวิทยาลัยโยฮันเนสเบิร์ก) และ David Miller (ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยบาธท์) โดยใช้ระยะเวลาการดำเนินการวิจัยนานถึงสองปี

รายงานการวิจัยขนาด ๑๐๖ หน้าฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินงานของกลุ่มล๊อบบี้ยิสต์อิสราเอลในการโน้มน้าวแทรกแซงกลุ่มทางการเมืองและเอ็นจีโอในยุโรป คณะผู้วิจัยได้ใช้การวิจัยโครงสร้างอำนาจมาเป็นแนวทางการดำเนินวิจัย ในการวิเคราะห์ข้อมูล มีการแยกการวิเคราะห์ออกเป็นสองรูปแบบคือ การวิเคราะห์เครือขายและการวิเคราะห์เนื้อหา

รายงานฉบับนี้ได้กล่าวถึงองค์กรต่างๆเช่น มูลนิธิ สถาบันวิจัย เอ็นจีโอที่เคลื่อนไหวด้านการเมือง หรือแม้แต่พรรคการเมืองที่ได้รับเงินสนับสนุนจากอิสราเอลและผู้บริจาคชาวยิว องค์กรเหล่านี้จะคอยทำหน้าแทรกแซงล๊อบบี้ หรือเคลื่อนไหวด้านสื่อและการวิจัยในการสนับสนุนอิสราเอล ผมขอกล่าวถึงองค์กรดังกล่าวซึ่งได้ถูกล่าวในรายงานในบทที่ ๑ โดยสรุปดังต่อไปนี้

องค์กรมิตรอิสราเอลแห่งยุโรป (Europe Friends of Israel-EFI) เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการวิ่งเต้นล๊อบบี้รัฐสภายุโรปในกรุงบรัสเซลส์ องค์กรนี้ก่อตั้งในปี ๒๕๔๙ โดยนักการเมืองฝ่ายขวาของอังกฤษ สมาชิกรัฐสภายุโรป ๓๐๐ คนเป็นสมาชิกของมิตรอิสราเอลแห่งยุโรป องค์กรนี้ได้เป็นต้นแบบให้กับองค์กรอีกหลายองค์กรที่มีจุดประสงค์ในลักษณะเดียวกัน เช่น มิตรอนุรักษ์นิยมของอิสราเอล (Conservative Friends of Israel) มิตรแรงงานของอิสราเอล (Labour Friends of Israel)  และมิตรเสรีประชาธิปไตยของอิสราเอล (Liberal Democrat Friends of Israel) แม้แต่พรรคอนุรักษ์นิยมอย่างพรรคอธิปไตยแห่งสหราชอาณาจักร (UK Independent Party ) เองก็เป็นภาคี “มิตรของอิสราเอล" องค์กรเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากในการทำให้รัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลต่างๆในยุโรปดำเนินท่าทีสนับสนุนรัฐบาลอิสราเอล

ในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ หัวหน้าพรรคประชาชนและนายกรัฐมนตรีของสเปน โฮเซ่ มาเรีย อัซนา ได้เปิดตัว “Friends of Israel Initiative” ณ กรุงปารีส ในวันเดียวกันที่กองเรือของตุรกีซึ่งบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือที่มุ่งหน้าสู่กาซ่าของปาเลสไตน์ถูกโจมตีโดยกองกำลังของอิสราเอล การโจมตีครั้งนี้เป็นเหตุให้นักกิจกรรมที่เป็นพลเรือนแปดคนสังเวยชีวิต สองสัปดาห์ให้หลัง โฮเซ่ อัซนาได้เขียนบทความชิ้นหนึ่งลงนิตยสารไทมส์ ซึ่งเป็นนิตยสารของบริษัทนิวส์คอร์ปโดยที่มีนายโฮเซ่ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท เขาได้เขียนประณามตุรกีที่ยุยงให้เกิดการโจมตีและละเมิดนโยบายความมั่นคงของอิสราเอล

กลุ่มยิวได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือกลุ่มการเมืองขวาจัดในยุโรป แอนโทนี่ เลอมาน (Anthony Lerman) อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายยิว ได้ออกมาให้ความเห็นว่า กลุ่มขวาจัดหลายกลุ่มในยุโรปให้การสนับสนุนอิสราเอลและร่วมต่อสู้กับ “ภัยคุกคามจากมุสลิม” กลุ่มการเมืองเหล่านี้ได้พากันโหมกระพือกระแสอิสลาโมโฟเบียและต่อต้านผู้อพยพ กลุ่มการเมืองขวาจัดของยุโรปซึ่งเคยมีนโยบายต่อต้านยิว (anti-Semitism) ได้สร้างพันธมิตรในสหรัฐและในอิสราเอลและได้ออก “คำประกาศเยรูซาเล็ม” ร่วมกันเพื่อสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานชาวยิวในถิ่นยึดครองเวสท์แบงค์ของปาเลสไตน์

อุตสาหกรรมอากาศยานอิสราเอล (Israel Aerospace Industries) เป็นบริษัทหนึ่งที่ให้เงินสนับสนุนแก่กลุ่มการเมืองที่เป็น “มิตรของอิสราเอล” บริษัทนี้เป็นผู้คอยจัดอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับอิสราเอล นอกจากนั้นแล้วยังมีองค์กรอย่าง The Near East Forum ซึ่งมีสำนักงานในนิวยอร์กที่ออกมายอมรับว่า มีการมอบเงิน ๓๓,๒๐๗ เหรียญสหรัฐแก่มิตรอิสราเอลแห่งยุโรปในปี ๒๕๕๐ และในปีเดียวกัน องค์กรนี้ได้มอบเงิน ๕๓,๐๔๐ แก่กองทุนพัฒนายิวยุโรป (European Jewish Development Fund) ซึ่งมีสำนักงานในกรุงบรัสเซลส์ อีกองค์กรหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินคือ องค์กร Adelson Family Foundation ที่บริจาคเงิน ๒ ล้านเหรียญสหรัฐ และนักธุรกิจอีกมากมายที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่องค์กรมิตรอิสราเอลแห่งยุโรปซึ่งได้ระบุไว้ในรายงาน

ส่วนที่ ๒ ของรายงานกล่าวถึงองค์กรล๊อบบี้ที่มีฐานเดิมในสหรัฐและอิสราเอลและขยายเครือข่ายเข้าไปในสหภาพยุโรป เช่น คณะกรรมการยิวอเมริกัน (American Jewish Committee) ซึ่งได้ขยายฐานอำนาจของตัวเองสู่รัฐสภายุโรปในกรุงบรัสเซลส์ด้วยการเปิดตัว American Jewish Committee Transatlantic Institute องค์กรนี้ทำงานอย่างแข็งขันผ่านนักการเมืองในการสนับสนุนการตั้งถิ่นชาวยิวในเขตยึดครอง ปิดกั้นและคอยสร้างอุปสรรคในการเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ เดวิด แฮริส ผู้อำนวยการคณะกรรมการยิวอเมริกันได้กล่าวในตอนเปิดสาขาใหม่ในบรัสเซลส์ว่า “เราต้องอยู่ที่นี่ด้วย เช่นเดียวกันกับที่เราอยู่สหประชาชาติ”

ในปี ๒๕๔๗ บินยามิน อีล๊อน (Binyamin Elon) นักการเมืองขวาจัดและสมาชิกสภาเนสเสธของอิสราเอลได้จัดตั้งมูลนิธิพันธมิตรอิสราเอล (Israel Allies Foundation) ต่อมา มูลนิธินี้ได้ร่วมมือกับนักการเมืองอเมริกันและจัดตั้ง Congressional Israel Allies Caucus (CIAC) ซึ่งคอยทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงและแทรกแซงสภาคองเกรสของสหรัฐฯ องค์กร CIAC ได้กลายเป็นต้นแบบให้เกิดองค์กรที่ทำหน้าแทรกแซงรัฐสภาให้ดำเนินตามนโยบายของอิสราเอลเกิดขึ้นในสามสิบประเทศทั่วโลก รวมทั้งรัฐสภาสหภาพยุโรป

ในด้านสื่อประชาสัมพันธ์ ได้มีการจัดตั้ง สมาคมสื่ออิสราเอล-ยุโรป (Europe Israel Press Association-EIPA) ขึ้นในปี ๒๕๕๕ สมาคมนี้ให้การสนับสนุนนักข่าวและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสื่อในการนำเสนอข่าวในเชิงสนับสนุนอิสราเอล สมาคมสื่ออิสราเอล-ยุโรปยังได้ทำงานร่วมกันกับศูนย์วิจัยการสื่อสารอิสราเอลแห่งอังกฤษ (British Israel Communications and Research Centre-BICOM) ซึ่งมีอยู่ในกรุงลอนดอน BICOM ซึ่งคอยแทรกแซงสื่อหลักๆของยุโรปในการเสนอข่าวสาวในรูปแบบที่มีท่าทีเห็นใจอิสราเอล      

ในปี ๒๕๔๘ ได้มีการจัดตั้ง มูลนิธิแห่งยุโรปเพื่อประชาธิปไตย (European Foundation for Democracy-EFD) องค์กรนี้เป็นเรี่ยวแรงหลักอีกองค์กรหนึ่งที่คอยลอบบี้รัฐสภายุโรป และทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักการเมืองที่มีหัวอนุรักษ์นิยมใหม่และนักกิจกรรมต่อต้านอิสลาม นอกจากนี้แล้วยังมีการจัดตั้งแนวร่วมชาวคริสต์ที่มีชื่อว่า แนวร่วมแห่งยุโรปเพื่ออิสราเอล (European Coalition for Israel) เพื่อดำเนินการตามผลประโยชน์ของอิสราเอล องค์กรนี้คอยให้การช่วยเหลือทางการเงินในการสร้างนิคมชาวยิวในเขตยืดครองในเวสท์แบงค์ของปาเลสไตน์ ด้วยความร่วมมือกับอีกองค์กรหนึ่งที่มีชื่อว่า คริสเตียนเพื่ออิสราเอลสากล (Christian for Israel International)

ชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า แลรี่ เจ ฮอชเบิร์ก ได้ร่วมมือกับชาวอิสราเอลคนหนึ่งที่ชื่อว่า รานาน อีเลียซ จัดตั้งเครือข่ายผู้นำแห่งยุโรป (European Leadership Network-ELNET) ในปี ๒๕๕๐ องค์กรนี้มีจุดประสงค์ในการลดกระแสหรือระงับการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของอิสราเอลที่เกิดขึ้นในยุโรป องค์กรนี้ได้รับเงินทุนจากองค์กรที่สนับสนุนอิสราเอลทั้งในสหรัฐฯและยุโรป และในปี ๒๕๕๔ ได้เกิดอีกองค์กรหนึ่งในกรุงบรัสเซลส์ที่ชื่อว่า European Jewish Parliament โดยมหาเศรษฐีชาวยูเครนสองคนซึ่งเป้าหมายในการสร้างเอกภาพให้กับชาวยิวและองค์กรยิวยุโรป

ส่วนอีกองค์กรหนึ่งที่คอยทำหน้าที่ล๊อบบี้รัฐสภายุโรปที่ถูกล่าวถึงในรายงานคือ ศูนย์ยุทธการข่าวกรองและความมั่นคงยุโรป (Europe Strategic Intelligence and Security Center) แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กรนี้ได้กล่าวว่า องค์กรของตนมีเป้าหมายหลักในการหาข้อมูลและต่อสู้กับการก่อการร้าย แต่ก็เจ้าหน้าที่ผู้นี้ก็ไม่ปฎิเสธถึงการวิ่งเต้นขององค์กรในรัฐสภายุโรปเช่นเดียวกัน

รายงานฉบับนี้ยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับอิสราเอลไว้ในส่วนที่ ๔ อิสราเอลนำเข้าสินค้าจากอียูมากถึงร้อยละ ๓๓.๙ ของสินค้านำเข้าทั้งหมด ในปี ๒๕๕๗ อียูมีรายได้จากการส่งออกสินค้าไปยังอิสราเอลมากถึง ๑๖,๙๘๒ ล้านยูโร ผลประโยชน์ทางการค้ากับอิสราเอลทำให้อียูไม่ดำเนินการมาตราเข้มงวดทางการค้าใดๆกับอิสราเอลจากกรณีที่อิสราเอลถล่มโจมตีกาซ่า

อียูเป็นลูกค้ารายหลักของอิสราเอลที่นำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร โดยเฉพาะอากาศยานไร้พลขับหรือโดรน บริษัทผลิตอาวุธของอิสราเอลหลายบริษัทมีส่วนร่วมในการวิจัยกับบริษัทผลิตอาวุธในยุโรป กรรมาธิการด้านวิจัยของอียูรายหนึ่งยอมรับว่าการวิจัยโดรนได้รับการสนับสนุนจากอิสราเอลแต่มีจุดประสงค์ในทางพลเรือนไม่ใช่ทางการทหารแต่อย่างใด แต่จากการตรวจสอบ โดรนที่ได้รับการวิจัยผลิตเหล่านี้ใช้ในการทหารเสียเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม อียูเองก็มีความพยายามในการต่อต้านการสร้างนิคมชาวยิวในเขตยึดครองที่ราบสูงโกลาน และเวสท์แบงค์โดยอิสราเอล โรงงานหรือบริษัทของอิสราเอลที่จัดตั้งบนที่ดินเหล่านี้ไม่สามารถขอรับทุนและความร่วมมือทางการค้ากับอียู แต่แผนการนี้โดนโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มลอบบี้ยิวโดยเฉพาะ American Jewish Committee Transatlantic Institute

ในส่วนที่ ๕ ของรายงานได้กล่าวถึงความพยายามใดๆที่เป็นการต่อต้านอิสราเอลถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย รวมทั้งการพยายามปิดช่องทางการสนับสนุนด้านการเงินแก่กาซ่าผ่านองค์กรฮามาส ตัวอย่างเช่นกรณีของมูลนิธิ Holy Land Foundation ของสหรัฐที่ถูกฟ้องว่าได้สนับสนุนเงินซากาตให้กับฮามาสซึ่งอเมริกาถือว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ในปี ๒๕๔๕ กลุ่มก๊อซซัมบริดเกด (Al Qassam Brigade) และกลุ่มอัลอักซอมาเทอร์ (Al Aqsa Martyr) ซึ่งเป็นกองกำลังของฮามาสในฉนวนกาซ่าของปาเลสไตน์ได้ถูกขึ้นบัญชีกลุ่มผู้ก่อการร้ายของสหภาพยุโรป การพิจารนาในการขึ้นบัญชีกลุ่มผู้การร้ายของสหภาพยุโรปเกิดจากการร่วมมือของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของสหภาพยุโรปและอิสราเอล ผ่านการล๊อบบี้ของกลุ่ม “มิตรสหายของอิสราเอล” และองค์กรที่โปรอิสราเอลที่ปฏิบัติงานในยุโรป นอกจากองค์กรฮามาสแล้ว กลุ่มฮิซบุลลอฮฺ (Hizbullah) ที่ฐานอยู่ในเลบานอนและเป็นองค์กรชีอะห์เองก็ถูกจัดอยู่ในบัญชีกลุ่มก่อร้ายของสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน

ในตอนสุดท้ายของรายงานได้กล่าวถึงการโยนความผิดให้กับกลุ่มที่อิสราเอลเรียกว่า กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง กลุ่มลอบบี้ยิสต์อิสราเอลมักเลี่ยงประเด็นว่า การโจมตีหรือการรณรงค์วิพากษ์อิสราเอลนั้นได้รับการสนุนจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง แม้ว่ากลุ่มองค์กรที่โปรปาเลสไตน์จะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมก็ตาม เช่นกรณีการเรียกร้องให้ บอยคอต ถอนทุนและแซงชั่น (Boycott Divesment and Sanction) ต่ออิสราเอลที่กำลังลามในยุโรป กลุ่มล๊อบบี้ยิสต์อิสราเอลพยายามสร้างให้คนยุโรปรู้สึกถูกคุกคามจากอิสลาม   

กล่าวโดยสรุปคือ ในรอบเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา เกิดองค์กรมากมายในยุโรปที่มีจุดประสงค์หลักร่วมกันคือแทรกแซงและครอบงำองค์กรหรือบุคคลให้ดำเนินไปวาระและนโยบายที่สนับสนุนอิสราเอล รวมทั้งการล๊อบบี้ประเด็นต่างๆในรัฐสภายุโรปให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอิสราเอล แต่อย่างไรก็ตามนโยบายต่างๆของอิสราเอลทำให้เกิดการต่อต้านอย่างหนักจากประชาคมโลกเช่นเดียวกันโดยเฉพาะจากกลุ่มเอ็นจีโอและประชาชน

ในปี ๒๕๔๕ ได้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในประเทศต่างๆของยุโรปโดยการสุ่มตัวอย่าง ๗,๕๐๐ คน ในหัวข้อประเทศใดที่คุกคามความมั่นคงของโลก ผลจากการสำรวจพบว่า ร้อยละ ๕๙ ตอบว่า อิสราเอล แต่การทำการสำรวจดังกล่าวซึ่งได้รับงบสนับสนุนจากอียูได้สร้างความโกรธแค้นอย่างมากต่อกลุ่มที่สนับสนุนอิสราเอล รวมทั้งรัฐบาลอิสราเอล

 

รายงานฉบับเต็ม (ไฟล์พีดีเอฟ) สามารถดาวน์โหลดได้จากลิงค์ข้างล่างนี้                        

http://europalforum.org.uk/en/post/1191/The+Israel+lobby+and+the+Europea...