Skip to main content

Original Face Book Noi Thamsathien  18/7/2559

เริ่มวันนี้ 18 ก.ค. ชมสารคดี "เส้นทางสันติภาพ"แต่ก่อนอื่น ขอให้พื้นที่เปิดความในใจคนทำก่อน เกือบสองปีแล้วที่กลุ่มเอฟทีมีเดียเริ่มทำสารคดีชุดนี้ "เส้นทางสันติภาพ" ให้กับไทยพีบีเอส สารคดีที่เกิดในวันที่สันติภาพยังไม่เกิด มันจึงมีแต่คำว่า "เส้นทาง" และบนเส้นทางอันนี้ ใครต่อใครหลายคนต่างช่วยกันถากทาง ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งด้วยความเข้าใจและไม่เข้าใจ ... เหมือนๆคนที่ทำสารคดีนั่นแล

 สารคดีนี้มีสามตอน ผลิตโดยกลุ่มผู้ผลิตกลุ่มเล็กๆ เล็กมากคือมีแค่สี่คน อุปกรณ์ก็ไม่เทพ ภายใต้เงื่อนไขหลายอย่าง ทุลักทุเลกันพอประมาณ มาวันนี้กลุ่มเราแตกกระจายไปแล้วหลังการทำสารคดีชิ้นนี้ จะบอกว่าทำจนเจ๊งก็กระดากปาก เอาเป็นว่า นี่อาจจะเป็นและดูเหมือนจะเป็นสารคดีชุดสุดท้ายภายใต้ทีมงานชุดนี้ เว้นเสียแต่จะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นในชีวิต

สารคดีคงไม่เทพ ขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมา มีหลายปัจจัยที่ทำให้มันออกมาเช่นนี้ แต่เราพยายามเต็มที่แล้ว

การทำงานมันไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว ถ้าง่ายจะมาทำทำไม แต่งานนี้ "หิน" กว่าที่คิด กินอย่างมหัศจรรย์และมันมาเพราะหลายปัจจัยเหมือนต้มยำกุ้งปัญหาใต้นั่นแหละ มันกดดันจนบอกได้ว่ามีหลายหนทีเดียวที่อยากวางมือแล้วหันหลังให้ อยาก "กลับบ้าน" ใจหนึ่งถามตัวเองเลยว่า นี่เราจะเอาชีวิตและงานมาทิ้งกับสารคดีแค่สามตอนนี้เชียวละหรือ แต่ในที่สุดเราก็ไม่ได้ทำ พอถึงนาทีสุดท้ายก็จะบอกตัวเองว่า "ทนอีกนิด" คิดถึงคำพูดที่เคยอ่านไว้นานแล้วว่า บางที ความสำเร็จอาจจะรออยู่แค่นาทีถัดไป เพียงแต่คุณต้องอึดให้พอ ถ้าวางมือไปอาจจะต้องเสียดายอย่างใหญ่หลวง บอกตัวเองว่า ถ้าจะเป็นมืออาชีพก็ต้องทำงานให้เสร็จ และต้องเสร็จอย่างดีที่สุดเท่าที่พลังของตัวเองจะส่งไปให้ถึง

สำหรับเรามันก็ยังไม่ถือว่าสำเร็จ สารคดียังไม่ได้ฉาย ฉายแล้วก็ยังอาจโดนด่าอย่างเมามัน แต่สำหรับในนาทีนั้น นาทีที่ยาวนาน นาทีที่นั่งทำงานในบ้านสลัวๆในซอยที่อยู่ระหว่างบิ๊กซีและโรงแรมซีเอส นาทีที่มืด เงียบ จมจ่อมกับความรู้สึกใกล้จะล้มเหลว การแค่ได้ทำให้เสร็จมันกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เหลือหลาย แต่บนเส้นทางของการทำสารคดีสามตอนนี้ เราก็ได้เก็บเกี่ยวหลายสิ่งหลายอย่างที่เหลือเชื่อ

การอยู่ปัตตานีสามปีเพิ่มรายละเอียดให้กับความเข้าใจในพื้นที่ การทำงานกับทีมงานอีกสามคน สองคนในนั้นคือ บรีและกูยิที่เป็นคนในพื้นที่ ได้เห็นชีวิตบางด้านของพวกเขาโดยละเอียด มันเติมความรู้และมันท้าทายความคิด ได้พบเพื่อนๆในพื้นที่ทั้งพุทธมุสลิมหลายคนที่แน่นอนว่า “ต่าง” ไปจากเพื่อนคนอื่นๆที่เรามี สิ่งเหล่านี้มันเปลี่ยน perspective ของชีวิตไปเยอะมาก พูดได้ว่ามันเป็น "โอกาสทอง" ที่มาพร้อมกับโปรเจคทำงานที่เพื่อนๆหลายคนบอกว่า "ทุกขลาภ" และถึงที่สุดแล้ว เราก็รู้สึกขอบคุณที่มีโอกาสได้ทำงานแบบนี้ ขอบคุณน้องๆที่ทำงานด้วยกันและให้บทเรียนความรู้หลายอย่าง และในที่สุดก็สรุปกับตัวเองว่า ยังอยากทำสารคดีอยู่ และยังอยากทำงานเรื่องภาคใต้ต่อไป

 พอทุกอย่างผ่านไปได้ ก็รู้สึกว่า ที่จริงมันไม่เท่าไหร่หรอก (ฮา) หวนคิดย้อนกลับไป ถ้าวันนั้นวางมือ วันนี้คงไม่สามารถมาเชิญชวนเพื่อนๆให้ดูสารคดีสามตอนนี้ได้

สารคดีชุดนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจากเพื่อนพ้องพี่น้องทั้งในกรุงเทพฯ สามจังหวัด เรื่อยไปจนถึงอาเจะห์และมินดาเนา ต้องพูดว่ามันเป็นสารคดีที่ผลิตขึ้นมาได้เพราะความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ซึ่งถือว่าเป็นกำลังใจอย่างใหญ่หลวง และความช่วยเหลือที่พวกเขามอบให้นั่นเองที่ทำให้ทีมเราทะลุทะลวงผ่านมาได้ ขอให้เพื่อนๆทุกคนรับคำขอบคุณอย่างหนักหน่วงจากคนทำ ไม่ว่าคนช่วยถ่าย ช่วยจัดหา ให้สัมภาษณ์ ร่วมให้ความเห็นและข้อมูล ช่วยนัดหมาย แต่งเพลง ทำกราฟฟิค และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งอีกหลายคนที่เป็นพลังลำเลียงอาหารและน้ำ จะว่าไปแล้วถ้าจะบอกว่า สารคดีสามตอนนี้เป็นผลงานร่วมกันของพวกเราในทีม กับคนทำงานในภาคใต้ อาเจะห์และมินดาเนา ก็อาจจะพูดไม่ผิดนัก มันเป็นโปรเจคการทำงานที่ถือว่าเป็นการ “ร่วมด้วยช่วยกัน” ครั้งใหญ่ บนเส้นทางของการผลิตงานชิ้นนี้ เราเก็บเกี่ยวมิตรภาพมากมาย ที่สำคัญเราสะสมพลังการทำงานร่วมระหว่างคนนอกและคนในให้เพิ่มศักยภาพมากขึ้นไปอีก ผลพวงของการทำงานชิ้นนี้

นอกจากสารคดีสามตอนแล้ว ถือได้ว่ามันเป็นการเพิ่มพูนศักยภาพของคนที่อยากทำงานในด้านการสื่อสารทั้งที่ลงมือทำโดยตรงและโดยอ้อม เรื่องราวที่นำเสนอวันนี้ มันคงจะไม่ถูกใจคนในกระแสหลัก และมันอาจจะไม่ถูกใจคนในพื้นที่จำนวนหนึ่งด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยเชื่อว่ามันจะเป็นอาหารสมองได้บ้าง และที่สำคัญ มันเป็นส่วนหนึ่งของ “การแสวงหา” วิถีการสื่อสารเรื่องราวของคนในให้ไปสู่คนนอก มันคงไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์ แต่มันจะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการแสวงหาคำตอบว่า การสื่อสารเรื่องราวของคนในให้ไปสู่ “คนนอก” นั้นเราควรจะทำอย่างไรบ้าง

ในการทำงาน ต้องบอกด้วยว่ามีหลายคนที่เราไปถ่ายแล้วกลับต้องตัดเรื่องราวของพวกเขาออก อันนี้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้จริงๆ สารคดีห้าสิบนาทีมันไม่อาจกวาดรวมทุกอย่างได้ มันไม่ได้แปลว่าเรื่องของพวกเขาไม่สำคัญ ตรงข้าม มันสำคัญเกินกว่าที่จะเอามาใส่เป็นกับแกล้มไว้ในงาน เราหวังว่าสักวันจะได้ทำเรื่องราวของคนเหล่านั้นอย่างจริงๆจังๆ

 สำหรับเพื่อนๆที่ยังทนอ่านมาได้จนถึงบรรทัดนี้ ก็ขอเชิญชวนให้ดูสารคดีนะคะ สามวัน สามตอน เริ่มวันนี้ วันจันทร์ที่ 18 ก.ค.เป็นตอนแรก เป็นเรื่องราวของคนสร้างสันติภาพ อ.อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง ตอนที่สองพรุ่งนี้ เป็นเรื่องของพุทธและมุสลิมกับทัศนะของพวกเขาต่อเรื่องความเป็นธรรม ในตอนนี้มีกลุ่มคนพุทธอยู่หลายคน และมีเรื่องราวของรอมละห์และอันวาอยู่ในนั้นด้วย ตอนที่สาม จะเป็นการเก็บเกี่ยวบทเรียนจากอาเจะห์และมินดาเนา

เวลาบ่ายโมงหลังข่าวเที่ยง ทางไทยพีบีเอส ฝากไว้ในอ้อมใจของเพื่อนๆด้วยค่ะ