Skip to main content

 

รู้จักประเพณีจีนในวันตรุษจีน ตอนที่ 1

 

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน

 
 
 

คนเราอยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมชาติกัน รู้จักกันไว้ย่อมดีกว่าไม่รู้จักกันเลย รู้จักกันแล้วจะได้เป็นเพื่อนกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ยอมรับความแตกต่างของกันและกัน ก็อย่างคนไทยกับคนมุสลิมและคนจีนนั่นไง อยู่ด้วยกันมานานนับร้อยนับพันปี น้อยครั้งที่จะมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน คนไทยมุสลิมมักรู้จักวัฒนธรรมของคนต่างศาสนิกค่อนข้างน้อย หากได้แนะนำตัวกันบ้างโอกาสที่จะสมัครสมานสามัคคีย่อมมีสูง ผมอาศัยความที่มีเชื้อสายจีนอยู่บ้าง ขออนุญาตแนะนำเทศกาลตรุษจีนของคนไทยเชื้อสายจีนให้พวกเราที่ไม่เคยทราบเรื่องได้รับรู้ ว่าเขาทำอะไรกันบ้างในวันตรุษจีน

ช่วงนี้คือเทศกาลตรุษจีนซึ่งก็คือวันปีใหม่ของคนจีน หากนับกันจริงๆส่วนที่เป็นวันปีใหม่ในวันตรุษจีนมีแค่วันเดียวคือวันถือหรือวันเที่ยว มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า “ชิวอิก” ซึ่งก็คือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 คนจีนพากันเฉลิมฉลอง ไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง เด็กๆจะได้รับของขวัญที่เรียกกันว่า แตะเอีย ที่แปลว่าของผูกเอว เหตุที่เรียกกันอย่างนั้นก็เพราะสมัยก่อนสตางค์มีรูตรงกลาง ผู้ใหญ่เอาด้ายแดงมาร้อยสตางค์แล้วก็ผูกกับเอวเด็กกลายเป็นแตะเอียอย่างที่เรียกกัน ถึงยุคใหม่สตางค์รูไม่มีให้เห็นกันอีกแล้ว เด็กๆอยากได้ธนบัตรเป็นของขวัญปีใหม่มากกว่า ธนบัตรเอาด้ายแดงร้อยไม่ได้ก็ต้องเอาใส่ซองแดงที่เรียกกันว่า อังเปา แจกกันในวันชิวอิก เด็กจีนทุกวันนี้จึงรู้จักอังเปามากกว่าแตะเอีย

อันที่จริงตรุษจีนมีวันสำคัญมากกว่าวันฉลอง โดยวันตรุษจีนมีวันสุกดิบถึงสองวัน วันแรกเรียกกันว่าวันจ่ายหรือ “ตือเส็ก” เป็นวันสุกดิบของวันสิ้นปีซึ่งในปีนี้วันจ่ายคือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ส่วนวันสิ้นปีคือวันไหว้ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์คือวันปีใหม่หรือชิวอิก คนจีนนับวันตามจันทรคติแบบจีนซึ่งต่างจากจันทรคติแบบไทยและแบบอิสลาม การคำนวณวัน ทดวัน เลื่อนวันค่อนข้างซับซ้อน วันตรุษจีนจะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 21 มกราคมถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ใครที่นับวันไม่เป็นไม่มีปัญหาเพราะทางการจีนเขานับให้ ตรุษจีนสำหรับคนจีนทั่วโลกจึงตรงกัน

ในวันนี้คือวันสิ้นปีซึ่งเป็นวันไหว้ คนจีนที่ยึดถือประเพณีจะทำการไหว้เจ้าทั้งวันในวันสิ้นปี มีทั้งไหว้เทพยดาฟ้าดินที่เรียกกันว่า “เล่าเอี้ย” โดยจะไหว้กันตอนเช้ามืดเรียกกันว่า “ไปเล่าเอี้ย” คำว่าไปหรือไป๊แปลว่าการเซ่นไหว้ ซึ่งจะใช้หมู เป็ด ไก่ มีสุราและน้ำชารวมอยู่ด้วย การเชิญเทพยดาลงมายังบ้านนั้นเขาทำกันโดยการจุดธูปตั้งแต่หัวค่ำของวันจ่ายหรือตือเส็ก คิดจะไหว้เทพยดาต้องเชิญล่วงหน้าจะเชิญกันปุบปับไม่น่าจะเหมาะ ไหว้เจ้าที่เจ้าทางเทพยดาฟ้าดินแล้วก็กินอาหารเช้าร่วมกันระหว่างคนในครอบครัว ถึงเวลาใกล้เที่ยงจึงไหว้บรรพบุรุษซึ่งเรียกกันว่า “ไปเปบ๊อ” จะไม่ใช้หัวหมูเป็ดไก่เหมือนไหว้เจ้า แต่จะใช้อาหารคาวหวาน มีน้ำชา กาแฟหรือสุรา เหมือนการให้อาหารคนมีชีวิต ผีบรรพบุรุษนั้นไม่ต้องอัญเชิญกันข้ามคืนเพราะสิงสถิตกันอยู่ในบ้านอยู่แล้ว คนที่กตัญญูมากๆ ไหว้บรรพบุรุษกันบ่อยๆ ผีบรรพบุรุษจะไม่หนีไปไหน การอัญเชิญก็ง่าย ความเชื่อเป็นกันอย่างนั้น

ไหว้บรรพบุรุษเสร็จก่อนเที่ยงจากนั้นจึงกินอาหารเที่ยงด้วยกันในหมู่ญาติพี่น้อง สุดท้ายของวันคือการไหว้ผีพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว มีการใช้ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมหวานอื่นๆ มีสุรา ชา ร่วมด้วยเรียกการไหว้ครั้งนี้ว่า “ไปฮ้อเฮียตี๋” บางบ้านไหว้ในบ้านเสร็จแล้วยังออกมาไหว้ผีไม่มีญาติหน้าบ้านต่อ บางบ้านถึงกับตั้งเครื่องไหว้นอกถนน คนจีนยุคเก่ารวมทั้งคนจีนในเมืองไทยจึงไหว้กันทั้งวันในวันนี้ซึ่งเป็นวันไหว้ หากไปดูคนจีนในเมืองจีน ประเพณีการไหว้ลักษณะนี้แทบไม่มีให้เห็นกันอีกแล้ว เพราะถูกล้างไปแทบหมดในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมเมื่อหลายสิบปีก่อน