Skip to main content

 

 

 

 

ระยะทาง 7 กิโลเมตร บนถนนสาย 409 (ยะลา-บ้านเนียง) อ.เมือง จ.ยะลา หรือเพียง 10 นาที จากเขตเทศบาลนครยะลา เราก็จะเดินทางมาถึงวัดคูหาภิมุข (พุทธไสยานุสรณ์) ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา หรือวัดที่รู้จักกันว่า “วัดหน้าถ้ำ” วัดที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของ จ.ยะลา

 

 

 

เมื่อเดินทางมาถึงภายในวัดเราก็จะสัมผัสได้ถึงความสวยงามต่างๆ โดยเฉพาะถ้ำ ที่ถือเป็นจุดขายของที่นี่ ที่จะต้องเดินขึ้นบันไดไปกว่า 100 ขั้น ผ่านยักษ์วัดถ้ำ หรือพ่อเจ้าเขา ที่ยืนตะหง่าน ถือไม้ตะบอง สูงนับสิบเมตร เฝ้าอยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำ
  

 

 
ภายในถ้ำซึ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ อากาศเย็นสบาย ซึ่งเราจะเห็นพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอนองค์ใหญ่ อยู่ภายในถ้ำ รวมทั้งองค์พระขนาดใหญ่ และขนาดต่างๆจำนวนมา สำหรับพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอนองค์นี้มีลักษณะของส่วนประกอบที่แปลกออกไปจากพระนอนองค์อื่นคือมีพญานาคแผ่พังพานอยู่เหนือเศียรพระนอนทำให้มีผู้สันนิษฐานถึงที่มาของพระนอนองค์นี้ว่าเดิมอาจเป็นเทวรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ตามศาสนาพราหมณ์ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้ามายังดินแดนส่วนนี้จึงได้ดัดแปลงเทวรูปดังกล่าวให้เป็นพระพุทธรูปดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
 

 

 อาจารย์เนาวรัตน์ น้อยพงษ์  ชาวบ้านตำบลหน้าถ้ำ เปิดเผยว่า  ประวัติของพ่อท่านบรรทม หรือพระพุทธไสยาสน์ วัดคูหาภิมุข  สร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัย โดยมีเจ้าเมืองของกรุงศรีวิชัย ท่านหนึ่งในขณะนั้น ผู้ครองนครปาเล็มบัง ไม่ปรากฏว่าชื่ออะไร แต่มีการเรียกขานว่า พระเจ้าปาเล็มบัง เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสร้างพ่อท่านบรรทม ประมาณปี 1300 ที่ผ่านมา ในขณะนั้น หัวเมืองต่างๆในภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นกลันตัน ตรังกานู  ไทรบุรี แต่อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในขณะนี้คือ ศรีวิชัย อยู่ที่นครศรีธรรมราช  ก็ได้มีการเกณฑ์ให้เจ้าเมืองต่างๆในภาคใต้ ไปร่วมสร้างพระธาตุ เจ้าเมืองที่ได้รับเกณฑ์ก็นำแก้วแหวนเงินทองต่างๆไปร่วมสร้าง แต่ในขณะที่เดินทางก็มาพบถ้ำแห่งนี้ก่อน จึงได้รวบรวมเจ้าเมืองต่างๆที่เดินทางมาด้วยกันสร้างพระพุทธไสยาสน์ไว้
 

 

 

 

“พ่อท่านบรรทม องค์นี้ตามหลักฐานแล้วพบว่าไม่ใช่องค์เดิม องค์เดิมจริงๆแล้วอยู่ภายใน โดยมีองค์ปัจจุบันนี้เป็นพระพุทธไสยาสน์ของนิกายหินยาน สร้างทับองค์เดิม ซึ่งเป็นมหายาน ที่ผ่านมาในสมัยพระครูพงษ์ทอง  บริเวณอกของพ่อท่านบรรทมถูกน้ำหยดลงมาใส่จนพังเสียหาย จึงทำให้เห็นองค์พระองค์เดิมภายใน ที่เป็นพระพุทธรูปองค์เล็ก ที่มีสร้อยสังวาลต่างๆ  โดยมีองค์ปัจจุบันที่ทำโครงไม้ไผ่และดินเหนียวสร้างครอบเอาไว้ และหลักฐานที่เห็นชัดเจนว่าเป็นมหายาน ก็คือพญานาคที่มี 2 เศียร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่แปลกคือ องค์พระพุทธรูปเป็นหินยาน แต่มีหลักฐานทางมหายาน  ซึ่งมองดูแล้วสวยงามกลมกลืนกันของสองลัทธิ” อาจารย์เนาวรัตน์ กล่าว 
 
 
 
 
 
อาจารย์ท่านนี้ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเคยพบปัญหาองค์พระแตก เนื่องจากน้ำจากเพดานถ้ำหยดลงมาที่องค์พระ ล่าสุดก็ยังพบว่ามี เนื่องจากองค์พระมีความเก่ามาก แต่ที่ดีใจก็คือเมื่อก่อนที่พื้นภายในห้องโถงพ่อท่านบรรทม มีการนำหินอ่อนมาปูทับ เพื่อความสวยงาม ปรากฏว่าเมื่อทางกรมศิลป์มาเห็น ก็บอกว่าถ้ายังปล่อยเอาไว้แบบนี้ อีก300-400 ปี องค์พระจะพังลงมา สาเหตุก็เนื่องมาจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หินอ่อนซึ่งสวยงามแต่เมื่อนำมาปูไว้ที่พื้น ก็ทำให้ความชื้นจากพื้นไม่สามารถขึ้นมาได้  จะอาศัยความชื้นจากผนังถ้ำก็ไม่เพียงพอ จะต้องอาศัยความชื้นจากพื้นด้วย จึงได้ทำการรื้อหินอ่อนออกทั้งหมด เพื่อรักษาความชื้นเอาไว้ ทำให้เราทราบว่าทำไม 1300 ปีผ่านมา องค์พระถึงไม่พัง
 
 

 

 
“พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ สำคัญเป็น 1 ใน 3 ของภาคใต้ คือพระบรมธาตุไชยา พระธาตุนครศรีธรรมราช และพระพุทธไสยาสน์  ของศรีวิชัย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนตำบลหน้าถ้ำ ภาคภูมิใจ การเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลของชาวตำบลหน้าถ้ำ  ทุกวันพระชาวบ้านก็จะมาร่วมกันทำความสะอาดวัด หากทาง อบต.หน้าถ้ำ สามารถฟื้นฟูการท่องเที่ยววัดคูหาภิมุข กลับคืนมาได้ โครงการยุวมัคคุเทศก์ ซึ่งขณะนี้ก็ไม่ได้เงียบหายไป ยังบรรจุเป็นหลักสูตรท้องถิ่น เรียนในห้องเรียน  หากมีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ เดินทางมาทัศนศึกษา ก็จะมียุวมัคคุเทศก์ ไปให้ความรู้ อธิบายเรื่องราวต่างๆ  ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ภาคภูมิใจของท้องถิ่นมาก  อยากให้สามารถฟื้นฟูการท่องเที่ยวกลับมา รวมทั้งให้ที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของคนทั่วไป” อาจารย์เนาวรัตน์ กล่าว
 

 

 
 
 
นายชัชพงศ์ เพชรกล้า นายก อบต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา เปิดเผยว่า ในส่วนการสนับสนุนการท่องเที่ยววัดคูหาภิมุข หรือวัดถ้ำ นั้น ก็เป็นนโยบายหลักและเป็นนโยบายสำคัญ ที่ฝ่ายบริหารของอบต.หน้าถ้ำ ที่เพิ่งเข้ามารับงานนี้  ก็มีความตั้งใจกันว่าจะฟื้นฟูการท่องเที่ยววัดคูหาภิมุข ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง  หลังจากที่ผ่านมาประสบปัญหาเกี่ยวกับความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันที่ปัญหาความไม่สงบเริ่มคลี่คลายไป นักท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมา แต่ยังไม่มากนัก ซึ่งวัดคูหาภิมุข ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ยะลา  เพราะมีสิ่งที่เป็นมรดกของโลกที่สำคัญ ความรับผิดชอบของ อบต.หน้าถ้ำ ก็ดูแลปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบ รวมทั้งสระน้ำ  

 

 
 
 
“โครงการฟื้นฟูการท่องเที่ยววัดคูหาภิมุข ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ ที่ต้องการให้ดำเนินการโดยด่วน แต่ปัญหาของทาง อบต.หน้าถ้ำนั้น  เนื่องจากเป็น อบต.ขนาดเล็ก ที่งบประมาณในการพัฒนาก็มีไม่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามก็จะมีการประสานงานกับหน่วยราชการต่างๆ เพื่อขอการสนับสนุน โดยเฉพาะจาก อบจ.ยะลา ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างเริ่มการปรับปรุง เพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยว ที่มีแผนการทำงานอยู่แล้ว ทางโยธาจังหวัด ก็มีโครงการเข้ามาช่วยเหลือปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณโดยรอบสระน้ำ โดยจะทำเป็นทางเท้าโดยรอบ ซึ่งตามนโยบายในอนาคตหลังจากที่สามารถฟื้นฟูการท่องเที่ยววัดคูหาภิมุข ให้กลับมาได้ โครงการต่อไปก็จะสร้างบรรยากาศของตลาดน้ำ ที่บริเวณสระน้ำนื้  เพื่อเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง” นายก อบต.หน้าถ้ำ กล่าว   
 
 
 
นายชัชพงศ์ เพชรกล้า  ยังกล่าวอีกว่า นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาวัดคูหาภิมุข นี้ ส่วนใหญ่จะต้องการมากราบไหว้ พระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน ซึ่งองค์พระนี้ตามประวัติสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พศ.1300   สมัยศรีวิชัย ถ้ำมืด หินงอกหินย้อย รวมทั้งสระแก้ว สระน้ำที่นำน้ำจากสระแห่งนี้ไปเป็นน้ำที่ใช้ในพิธีต่างๆ โดยน้ำจากสระแห่งนี้เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์   โดยโครงการข้างต้นหากสามารถดำเนินการได้ ก็จะมีการพัฒนาการท่องเที่ยวให้สะดวกมากขึ้นในอนาคต
 

 
ถึงแม้ความหวังในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  จะเป็นเรื่องที่ถูกมองว่ายังอีกห่างไกล  แต่คนในพื้นที่เหล่านี้ ก็ยังมีความหวัง รอคอยที่จะนำความภาคภูมิใจของพวกเขา บอกกล่าวเล่าขาน ให้กับคนไทยอีก 73 จังหวัด ได้รับรู้เรื่องราวอันสวยงาม และทรงคุณค่าในพื้นที่.......ปลายขวาน