Skip to main content
September 8, 2014 at 3:39am
Original link CLICK HERE
 
ความคืบหน้าของการจัดการพูดคุยเพื่อสันติภาพ หรือสันติสุขเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เมื่อกลุ่มบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนทส่งสัญญาณออกมาแล้วว่าพร้อมร่วมวงพูดคุย
 
บีบีซีได้รับข้อความจากผู้ประสานงานของกลุ่มที่ระบุว่า กลุ่มกำลังพูดคุยกันภายในเพื่อหารือเรื่องของการเข้าร่วมพูดคุยเพื่อสันติภาพกับฝ่ายไทย กลุ่มนำเสนอด้วยว่า การพูดคุยหนใหม่นี้ อยากให้ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมแบบ “มือเปล่า” คือไม่มีการตั้งเงื่อนไขใดๆ
 
“ครั้งที่แล้วฝ่ายไทยผูกมัดเราด้วย “กรอบภายใต้รัฐธรรมนูญไทย” และยังเรียกร้องตลอดเวลาให้ลดความรุนแรง ซึ่งหลายคนไม่สบายใจ แต่บีอาร์เอ็นก็ยินยอมเข้าร่วมวงด้วยและได้เสนอข้อเรียกร้องเบื้องต้นห้าข้อเป็นการตอบกลับ” ทั้งสองอย่างนี้ข้อความจากผู้ประสานงานบีอาร์เอ็นระบุว่า เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะทำดังนั้น และว่ากระบวนการควรจะเริ่มที่การสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกันแทนที่จะเริ่มต้นที่การเรียกร้อง
 
“ทั้งสองฝ่ายควรจะเข้าร่วมการพูดคุยด้วยเจตนาที่แท้จริงว่าจะสร้างสันติภาพด้วยกัน และหาทางแก้ปัญหาที่เป็นรากเหง้าของความขัดแย้ง ไม่ใช่แค่มาขอให้ลดความรุนแรงหรือขอให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่”
 
ทางกลุ่มระบุว่ากำลังรอดูว่าฝ่ายไทยจะสื่อสารอะไรบ้าง ขณะที่ฝ่ายตนก็กำลังพูดคุยหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป
 
รายงานจากกลุ่มแสดงการรับรู้ข่าวที่ว่า พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ อดีตที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบกจะไม่เป็นหัวหน้าทีมพูดคุยฝ่ายไทย แต่จะทำหน้าที่ที่ปรึกษาของทีม ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ต่อต้านรัฐได้เสนอว่าพล.อ.อกนิษฐ์ไม่เหมาะในการเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายไทยเพราะคัดค้านการพูดคุยมาโดยตลอด 
 
 
 
ส่วนประเด็นที่ว่า หากรูปแบบการหารือเปลี่ยน คือจากการพูดคุยแบบเปิดอย่างที่เคยทำมา ไปเป็นการพูดคุยแบบปิดลับ บีอาร์เอ็นและตัวแทนกลุ่มต่างๆที่เคยเข้าร่วมพูดคุยจะรับเงื่อนไขและเข้าร่วมหรือไม่ คำตอบก็คือ ยอมรับได้ให้มีการพูดคุยแบบเปิดอย่างเป็นทางการ ขณะทีอีกด้านก็พูดคุยกันอย่างปิดลับควบคู่กันไปในประเด็นที่สนับสนุนวงพูดคุยหลัก แต่ไม่ใช่หันไปพูดคุยแบบปิดลับอย่างเดียว
 
ในการส่งสัญญาณครั้งแรกต่อเรื่องการเข้าร่วมการหารือเพื่อสันติภาพของกลุ่มต่อต้านรัฐที่นำโดยกลุ่มบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนทและผู้เข้าร่วมจากกลุ่มอื่น กลุ่มได้แสดงเจตนารมณ์ในการสร้างสันติภาพ ร่วมพูดคุยหาทางออก
 
“..พวกเรา  นักรบปาตานี ยึดมั่นต่อกระบวนการสันติภาพและมองว่ากระบวนการสันติภาพเป็นทางออกที่เป็นไปได้ในอันที่จะต่อรองหาข้อยุติความขัดแย้งปาตานีเพื่อให้ได้มาซึ่งทางออกที่เป็นธรรม ยั่งยืนและรอบด้าน”
 
และยังเสนอว่า การพูดคุยหนใหม่อาจจะเริ่มด้วยการสานต่อในจุดที่ค้างกันเอาไว้แต่เดิม หรือไม่ก็เริ่มใหม่หมด แต่ “ไม่ว่าจะเริ่มอย่างไร สำหรับหนนี้อยากจะให้ ทุกฝ่าย เข้าร่วมวงการพูดคุยแบบ “มือเปล่า” กล่าวคือไม่มีเงื่อนไข ไม่มีแรงกดดันหรือการข่มขู่คุกคามใดๆ”
 
“ทุกฝ่ายควรจะมาร่วมด้วยความสมัครใจ เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพจะดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับสากล”
 
ก่อนหน้านี้ทางฝ่ายไทยคือพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ระบุว่า ทางฝ่ายไทยใกล้จะได้ตัวบุคคลเข้าร่วมในทีมพูดคุยซึ่งคสช.เรียกว่า เป็นการ “พูดคุยเพื่อสันติสุข” ตามรายงานข่าวพล.อ.อกนิษฐ์เป็นหนึ่งในรายชื่อที่สื่อมวลชนคาดกันว่าอาจจะมาเป็นหัวหน้าทีมพูดคุยฝ่ายไทย แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่ยืนยัน  นอกจากนี้ยังมีนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งในรายงานข่าวหลังสุดให้สัมภาษณ์ว่าได้รับมอบหมายจากคสช.ให้เป็นผู้พูดคุยกับ “ผู้เห็นต่าง”
 
ข่าวจากทางฝ่ายไทยกล่าวด้วยว่า ไทยเสนอให้มาเลเซียใช้คนของฝ่ายทหารเข้ามาทำหน้าที่แทนดาโต๊ะซัมซามินเนื่องจากเห็นว่าหากเป็นทหารด้วยกันจะทำให้ทุกฝ่ายสะดวกราบรื่นมากขึ้น แต่ยังไม่มีข่าวว่ามาเลเซียตัดสินใจเรื่องนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง