ลุกมาน มะ โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้(DSJ)
มูฮำหมัด ดือราแม สำนักข่าวประชาไท
ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง หลายองค์กรพยายามจัดเวทีให้นักการเมืองแต่ละพรรคมาแสดงวิสัยทัศน์และแนวนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนได้ทราบ
ในเวทีสาธารณะ เรื่อง"ไฟใต้ดับได้ด้วยการกระจายอำนาจ" ก็เป็นเวทีหนึ่งที่สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า จัดขึ้นร่วมกับองค์กร เมื่อที่ 4 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมาที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ก็ได้เชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ มาแสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย โดยเฉพาะในเรื่องการกระจายอำนาจ
ครั้งนี้มีตัวแทน 6 พรรคการเมืองที่ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผศ.จิระพันธ์ เดมะ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา เป็นผู้ดำเนินรายการ ตัวแทนทั้ง 5 พรรค ได้แก่
นายมูฮำหมัดอารีฟีน จะปะกียา ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี เขต 2 พรรคมาตุภูมิ
นายมูฮำมัดซูลฮัน ลามะทา ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ(ปาร์ตี้ลิสต์) ลำดับที่ 78 พรรคชาติไทยพัฒนา
นายถาวร เสนเนียม ผู้สมัครเขต 6 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
นายนาเซ บากา ตัวแทนพรรคดำรงไทย
นายอัซโตร่า โต๊ะราแม ผู้สมัครเขต 4 นราธิวาส พรรคความหวังใหม่
แต่ละพรรคมีแนวนโยบายอย่างไร มีเนื้อสรุปได้ดังนี้
นายมูฮำมัดซูลฮัน ลามะทา พรรคชาติไทยพัฒนา
พรรคชาติไทยพัฒนาจะตั้งศูนย์บริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ครบวงจร รูปแบบคล้ายรัฐบาลส่วนหน้าที่มาตั้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมาพรรคสนับสนุนการออกพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ พ.ร.บ.ศอ.บต. พรรคจึงพยายามนำเสนอนโยบายที่ทำได้ใน 4 ปี ไม่อยากเสนอโมเดล(รูปแบบ) ที่ทำไม่ได้ใน 4 ปีหลังจากเลือกตั้ง
ความแตกต่างของบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ครบวงจรกับศอ.บต.(ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) คือ ศอ.บต.มีงบประมาณของตัวเอง กระทรวงต่างๆก็มีงบประมาณของตัวเอง ต่างก็วางงบประมาณของตัวเอง ไม่มีความเป็นเอกภาพ สิ่งที่พรรคเสนอคือการวางงบประมาณตรงนี้ และมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการตัดสินใจ
ถามว่าการกระจายอำนาจอยู่ตรงไหน ก็อยู่ที่การมีส่วนร่วมของประชาชน และของทุกภาคส่วน มีอำนาจจริงๆในการวางกรอบงบประมาณ แม้ศอ.บต.มีสภาที่ปรึกษาในการวางกรอบงบประมาณ แต่ก็เฉพาะงบประมาณของศอ.บต. และศอ.บต.ก็ไม่สามารถไปควบคุมงบประมาณกระทรวงอื่นได้ แต่ศูนย์บริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ครบวงจรมีอำนาจเบ็ดเสร็จมากขึ้น
เป็นการยกระดับศอ.บต.ขึ้นมาเป็นศูนย์บริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ครบวงจร ซึ่งทำได้แน่นอนในระยะเวลา 4 ปี โครงสร้างคือ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยอาจมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ
นายถาวร เสนเนียม พรรคประชาธิปัตย์
หลายเวทีที่มีนักการเมืองและนักวิชาการเรียกร้อง ให้มีการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ โดยรวม 3 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและ 4 อำเภอของสงขลา เป็นปัตตานีมหานครเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นใหญ่ จะมีรูปแบบอย่างไร ดูในเรื่องพื้นที่ก่อน คือ มีพื้นที่รวม 11,000 ตารางกิโลเมตรเศษ เทียบกับกรุงเทพมหานครที่มีพื้นที่ 1,500 ตารางกิโลเมตร ต่างกันมาก ประชาชนใน 3 จังหวัด มี 1.8 ล้านคน กรุงเทพมหานครมีเกือบ 6 ล้านคน 3 จังหวัดมี 32 อำเภอ กรุงเทพมหานครมี 50 เขต รูปแบบที่แต่ละคนเสนอยังไม่มีรายละเอียดที่พอจะวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร
พรรคประชาธิปัตย์ก็กระจายอำนาจ หนึ่งคือ มีอบจง อบต. เทศบาล มี 200 กว่าภารกิจ ที่ส่งมอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเห็นได้ว่า ในท้องถิ่นมีพี่น้องมุสลิมเป็นผู้นำอยู่ ในเขตเทศบาลก็มีพี่น้องไทยเชื้อสายจีนเป็นผู้นำ ผมคิดว่าการกระจายอำนาจแบบนี้น่า จะใช้ได้ แต่ถ้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของให้กระจายอำนาจเพิ่มอีกเป็น 300 ภารกิจ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่น่าจะยาก ยินดีที่จะเพิ่มภารกิจให้
อย่างเช่น เรื่องการศึกษาท้องถิ่น อยากให้มีโรงเรียนสองภาษา คือ ภาษามลายูถิ่นหรือภาษายาวีควบคู่กับภาษาไทย อันนี้ทำแล้วและตั้งใจจะเพิ่มทุกพื้นที่ สอง หลักสูตรที่ท้องถิ่นต้องการคือวิถีชีวิตมุสลิม อันนี้ได้ สาม ในพ.ร.บ.ศอ.บต.ได้เขียนให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ อยากได้เขตเศรษฐกิจที่ไร้แอลกอฮอล์ ปลอดอบายมุข ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตมุสลิมก็ทำได้ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล
ยังมีเรื่องที่กระจายอำนาจได้อีก คือ ตอนนี้หลายคนต้องการให้มีศาลชารีอะห์จากหลักนิติธรรมทั่วไป ในเรื่องครอบครัวและมรดก ตอนนี้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ลงนามในร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลชารีอะห์แล้ว ค้างอยู่ในสภาแล้ว สาระสำคัญคือ พี่น้องที่เป็นมุสลิมสมัครใจที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมที่ศาลชารีอะห์เมื่อมีข้อพิพาทในเรื่องครอบครัวและมรดก จะมีแผนกศาลชารีอะห์อยู่ทั่วประเทศ วิธีพิจารณาความก็ต้องตามหลักศาสนาอิสลามและผู้พิพากษาก็ต้องเรียนจบหลักสูตรกฎหมายอิสลาม
ถามว่า ศอ.บต.กระจายอำนาจการปกครองและการบริหารงบประมาณมาหรือยัง กฎหมายเขียนไว้อีกว่า ให้คณะกรรมการรัฐมนตรีภาคใต้ มี 34 คน มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา มีตัวแทนประชาชนอีก 5 คน
เรื่องที่อำนาจส่วนกลางเปิดโอกาสให้นายอำเภอกำกับดูแลการจัดทำงบประมาณของ อบต. และผู้ว่าราชการมากำกับดูแลการจัดทำงบประมาณของอบจ.เป็นเรื่องปลีกย่อย สามารถแก้ไขกฎหมายได้ โดยให้สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของศอ.บต. จำนวน 49 คน เสนอแก้ไขได้ เพราะในกฎหมายฉบับนี้ บอกว่า การจัดทำนโยบายของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชน ศาสนา วัฒนธรรม อัตลักษณ์ ชาติพันธ์ ประติศาสตร์และสอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
ถ้าจะหยิบเอากฎหมาย องค์กรและโครงสร้างที่สามารถดำเนินการได้เลยทันที ไม่ต้องออกกฎหมายใหม่ ตั้งมหานครปัตตานี ไม่ต้องจัดตั้งทบวงซึ่งต้องใช้เวลาจัดตั้งร่วม 2 ปี ใช้อันนี้ไปก่อน ถ้าใช้แล้วเห็นว่าไม่ดี ก็ค่อยๆวิวัฒนาการได้
ข้อสังเกต คือ การจัดการในรูปแบบการกระจายอำนาจ ต้องใช้งบประมาณเป็นมหาศาล ตัวอย่างเช่น ถ้าจะมีการเลือกตั้งในมหานครปัตตานี จะหาเสียงกันอย่างไร ต้องมีการลงทุนที่สูง ยกเว้นถ้าไม่มีการซื้อเสียง การติดต่อราชการกับสำนักงานมหานครปัตตานี ชาวบ้านจะทำอย่างไร เพราะมีสภาหลายชั้น ชาวบ้านที่อยู่ไกล จะเดินทางมาอย่างไร
นายอีรฟาน สุหลง พรรคเพื่อไทย
ประเด็นการกระจายอำนาจ ได้มีการพูดถึงในนโยบายการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยการนำของ นายบุรฮานุดิง อุเซ็ง สมาชิกพรรคเพื่อไทย นโยบาย คือ การเพิ่มงบประมาณให้องค์กรส่วนท้องถิ่น 25 เปอร์เซ็นต์จากงบประมาณแผ่นดิน
เพราะวันนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งงบหายไป อย่างเช่นองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เมื่อปีที่แล้ว งบประมาณหายไป 35 ล้านบาท เพราะตัวเงินไม่มีมีแต่ตัวเลขงบประมาณ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ได้ 25 %
นโยบายของพรรคเพื่อไทยมีทั้งหมด 36 นโยบายหลัก ในส่วนประเด็นนโยบายมหานครปัตตานีนั้น แม้จะยาก แต่เราจะพยายามทำ โดยรวม 3 จังหวัด เป็นนครปัตตานี โดยจะมีรูปแบบของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด เปรียบเสมือนองค์การบริหารส่วนตำบลใหญ่ แต่องค์กรปกครองท้องถิ่นเดิม คือ อบต. อบจ.และเทศบาล ยังอยู่เหมือนเดิม
พรรคเพื่อไทยพูดถึงนครปัตตานี ไม่ใช่นครรัฐปัตตานี เราไม่คิดแบ่งแยกดินแดน แต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ในส่วนประเด็นศอ.บต. ที่มีอยู่แล้วนั้น จะปรับให้ผู้อำนวยการมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งต่างกับของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผู้อำนวยการ ซึ่งปัจจุบันคือเลขาธิการมาจากส่วนกลาง ตอนนี้ศอ.บต.ทำดีแล้ว แต่ถามว่า ผู้แทนที่อยู่ในสภาที่ปรึกษาของ ศอ.บต. มีมุสลิมอยู่กี่คน
วันนี้สังคมไทยมีปัญหามาก จะทำอย่างไรที่จะให้ท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองได้ แต่รูปแบบที่พรรคเพื่อไทยจะทำนั้น เราเปลี่ยนนิดเดียวเอง และนโยบายเหล่านี้ ไม่ใช่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนคิด แต่มาจากทีมงานของเราที่คิดขึ้นมา ต้องขอบคุณพล.อ.ชวลิต ที่เป็นคนเสนอแนวคิดนี้ ตอนนี้ความคิดนี้ยังอยู่ แม้พล.อ.ชวลิตไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไปแล้ว
พรรคมีนโยบายเพื่อปากท้อง 30 ข้อ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ จบปริญญาตรีได้เงินเดือน 15,000 บาท ส่วนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคนมุสลิม คือ จะโค้วต้าผู้ประกอบพิธีฮัจย์ จะยกระดับมาตรฐานการส่งเสริมกิจการฮัจย์ โดยจะสร้างที่พักใกล้กับมัสยิดฮารอมในประเทศซาอุดิอาระเบีย และจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบีย
นายมะเซะ บากา พรรคดำรงไทย
ต้นเหตุของปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ การใช้กฎหมายพิเศษต่างๆ ดังนั้นนโยบายของพรรคเกี่ยวกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีอย่างเดียว คือ การยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่
เหตุที่ต้องการยกเลิกเนื่องจากพรรคมีนโยบายส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งแม้พรรคดำรงธรรมเป็นพรรคเล็ก แต่พร้อมทำงาน ส่วนหลังจากยกเลิกไปแล้ว จะทำอะไรต่อไปนั้น ต้องถามประชาชนอีกที แต่ผมต้องการให้พวกเรามีสิทธิเสรีภาพก่อน อย่างอื่นไม่มีอะไร ต้องถามพี่น้องประชาชน
เมื่อยกเลิกไปแล้ว ก็ทำให้เรามีสิทธิเสรีภาพ แต่ถ้าปัญหายังมีอยู่และอยากใช้พระราชกำหนดนี้อีก ก็ใช้ได้
นายมูฮำหมัดอารีฟีน จะปะกียา พรรคมาตุภูมิ
ในมุมมองของพรรคมาตรภูมิ ประเด็นปัญหาภาคใต้เป็นวาระของชาติและเป็นนโยบายหลักของพรรคมาตุภูมิปัญหาภาคใต้ไม่ใช่ปัญหาไม่มีจะกิน แต่เป็นเรื่องความจริง ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาไม่มีเอกภาพและไม่ต่อเนื่อง มีความขัดแย้งและแข่งขันอยากมาทำงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการแก้ปัญหาไม่นำเอาคำสอนในคำภีร์อัลกุร-อาน มาเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหา และ กำหนดประเด็นปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น นโยบายหลัก คือ การสร้างความเข้าใจและสามัคคี
นโยบายของพรรคมาตุภูมิ คือการตั้งทบวงบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ 3 จังหวัดและ 4 อำเภอของสงขลา ผู้ที่เป็นหัวหน้าของทบวงต้องเป็นรัฐมนตรี มาประจำอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชุมที่นี่ รัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลประชาชน
ประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสิทธิเป็นรัฐมนตรี โดยคนที่จะเป็นรัฐมนตรีจะต้องมีศาสนา คนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีทบวงนั้น ต้องเป็นส.ส. จะมาจากจังหวัดไหนก็ได้ แต่ต้องมาอยู่ที่นี่
การพิจารณางบประมาณก็ต้องผ่านทบวงนี้ โดยกรมต่างๆ ก็ต้องมาอยู่ที่นี่ ส่วนจังหวัดยังเป็นข้าราชการ ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะไม่แตะต้อง และจะคงไว้ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
พรรคมาตุภูมิเห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ ซึ่งการกระจายอำนาจของพรรคคือการเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม
นายอัซโตร่า โต๊ะราแม พรรคความหวังใหม่
นักการเมืองคนแรกที่พูดเรื่องการกระจายอำนาจและมหานครปัตตานี คือ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่และเป็นนักการเมืองที่ไม่เหมือนคนอื่น ในอดีตคนที่คิดเรื่อง การกระจายอำนาจ คือ หะยีสุหลง โต๊ะมีนา แต่สุดท้ายถูกมองว่า ต้องการแบ่งแยกดินแดน
พรรคความหวังใหม่ เป็นพรรคที่มาจากรากหญ้าจริงๆ ไม่ใช่มาจากส่วนบน และ ต้องการการปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ รูปแบบมหานครปัตตานี ที่มีความหลากหลาย ทางศาสนาและเชื้อชาติ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้
พรรคความหวังใหม่ต้องการมีมหานครปัตตานี เพื่อคนไทยพุทธและมุสลิม และเราจะมีเมืองใหม่นูซันตารา ซึ่ง ผมคิดเอง จะเป็นเมืองไหร่ก็ได้ แต่นี่คือนากือรี(เมือง)ของเราเอง
เราจะมีมหาวิทยาลัยของคนพุทธ มุสลิม มีมัสยิดที่ใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีวัดที่ใหญ่ด้วย จะให้มีการสอนภาษามลายูมาตรฐาน