Skip to main content

โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถ่านการณ์ภาคใต้ (DSJ)

 

นายกฯ ลงเยี่ยมนบพิตำ รับปากผู้ว่าเมืองคอน เร่งให้ความช่วยเหลือ 3 โครงการด่วน คนพะโต๊ะโวยน้ำป่าถล่มถนนขาด ไม่มีใครเหลียวแล อีกรายดินถล่มทับบ้านกลางป่า รอดตายหวุดหวิด

 k,

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 มกราคม 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะได้เดินทางมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช

มีพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยให้การต้อนรับ ท่ามกลางประชาชนที่นำโดยอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคเพื่อไทยทั้ง 9 เขตเลือกตั้งมารอรับจำนวนมาก

 

นายกฯรับ3ข้อเสนอผู้ว่าฯนคร

นายกรัฐมนตรีได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์แบล๊คฮอร์ค ไปลงที่องค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นขึ้นรถยนต์ไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปากลง หมู่ที่ 6 ตำบลกรุงชิง ระหว่างทางได้แวะตรวจสภาพสะพานแบริ่งที่ใช้เป็นเส้นทางชั่วคราว จากการก่อสร้างของทหารช่างและกรมทางหลวง

ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปาหลง นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 15 อำเภอ 115 ตำบล 1,062 หมู่บ้าน 118,391 ครัวเรือน 353,200 คน อพยพ 2,659 คน บ้านเสียหายทั้งหลัง 11 หลัง บางส่วน 50 หลัง เรือประมงเสียหาย 45 ลำ มูลค่าความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท ในส่วนของพื้นที่อำเภอนบพิตำ มีความเสียหายใน 4 ตำบล 38 หมู่บ้าน 6,185 ครัวเรือน 19,767 คน เสียหายทั้งหลัง 8 หลัง เสียหายบางส่วน 19 หลัง สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่เสียหายใช้การไม่ได้ 2 จุด

นายวิโรจน์ รายงานต่อไปว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชต้องการของบประมาณสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี 3 ส่วนคือ 1.สร้างสะพานข้ามคลองกลาย 2 แห่ง มูลค่า 53 ล้านบาท 2.ขอใช้พื้นที่ป่าสงวน หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง 133 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา ย้ายชาวบ้านแหลมตะลุมพุกที่ประสบภัยคลื่นลมถล่ม 3.ขอยกเว้นระเบียบกระทรวงการคลังขออนุมัติปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์ สร้างแนวหินป้องกันกัดเซาะชายฝั่ง 4 โครงการเป็นเงิน 9.89 ล้านบาท” ผวจ.นครศรีธรรมราชกล่าว

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเป็นภาษาถิ่นว่า “หวังเหวิดคนใต้จังหู” หมายความว่า “เป็นห่วงคนใต้มาก” จากนั้นได้กล่าวเป็นภาษากลางว่า ติดตามสถานการณ์มาตลอด รัฐบาลมีความห่วงใยความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งในภาวะปกติและภาวะภัยพิบัติ จะพยายามช่วยเหลือทุกด้าน และจะรีบดำเนินการฟื้นฟู ส่วน 3 โครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชขอมา จะรีบดำเนินการทันที ไม่มีข้อขัดข้อง และให้ดำเนินการเร่งด่วน

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้มอบเงินให้กับประชาชนและแจกจ่ายถุงยังชีพ และเดินทางกลับทันที รวมเวลาที่อยู่ในพื้นที่ประมาณ 1 ชั่วโมง

 

คนพะโต๊ะโวยถูกตัดขาด

สำหรับจังหวัดชุมพร มีน้ำท่วมในอำเภอละแม อำเภอหลังสวน อำเภอพะโต๊ะ อำเภอทุ่งตะโก และอำเภอสวี รวม 27 ตำบล 277 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อนกว่า 6 หมื่นคน พื้นที่การเกษตร ทรัพย์สินของประชาชน และสิ่งสาธารณประโยชน์ เสียหายมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

ล่าสุดพบว่า หมู่บ้านคลองเงิน หมู่ที่ 5 ตำบลพระรักษ์ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ซึ่งมีถนนลูกรังเพียงเส้นทางเดียวแยกจากถนนสายหลักทางหลวงหมายเลข 4006 หลังสวน–ระนอง ลึกเข้าไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีบ้านเรือนราว 50 หลังคาเรือน ราษฎรกว่า 400 คน เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด จากน้ำป่าไหลทะลักกัดเซาะพังเสียหายใช้การไม่ได้นับสิบจุด รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทำให้หมู่บ้านขาดการติดต่อโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง 5 วันแล้ว

นายพินิจ เย็นบ้านควน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 บ้านคลองเงิน หมู่ที่ 5 ตำบลพระรักษ์ อาชีพทำสวนยาง เปิดเผยว่า เส้นทางถูกตัดขาดมาตั้งแต่คืนวันที่ 2 มกราคม 2555 เมื่อแจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลพระรักษ์ได้รับคำตอบว่า งบประมาณไม่เพียงพอ ต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน จนถึงขณะนี้ ชาวบ้านยังไม่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกไปส่งพ่อค้าได้ ขณะที่เด็กๆ ก็ไม่สามารถไปโรงเรียนได้เช่นกัน

“ไฟฟ้าก็ใช้การไม่ได้มาหลายวันแล้ว มีหน่วยงานรัฐเข้ามาสำรวจข้อมูลกลับไปแล้วก็เงียบหายไปเลย ตอนนี้ผมและชาวบ้านนึกถึงทหารเป็นที่พึ่งสุดท้าย ของให้มาช่วยพวกเราด้วย เพราะเกินความสามารถของชาวบ้านที่จะดูแลตัวเองได้” นายพินิจกล่าว

 

ดินถล่มทับบ้าน

วันเดียวกัน นายสุธรรม ทิพย์มโนสิงห์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปังหวาน อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุดินจากภูเขาถล่มทับบ้านเลขที่ 2/1 หมู่ที่ 4 ตำบลปังหวาน จึงนำหน่วยกู้ภัยไปตรวจสอบ พบที่เกิดเหตุอยู่กลางหุบเขาห่างจากทางหลวงหมายเลข 4006 สายหลังสวน–ระนอง บ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายจรินทร์ เพ็งสกุล อายุ 47 ปี และนางมาลี เพ็งสกุล อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา ถูกดินถล่มลงมาทับบริเวณบ้าน มีชาวบ้านหลายคนกำลังช่วยขนย้ายทรัพย์สินภายในบ้านออกมาเก็บในที่ปลอดภัย

ที่เกิดเหตุเป็นเชิงเขาลาดลงมาถึงหลังบ้าน มีดินไหลถล่มลงมาทับหลังบ้านสูงราว 3 เมตร จนผนังปูนหลังบ้านพังเป็นช่องกว้างกว่า 2 เมตร ดินไหลทะลักเข้าไปทับเครื่องครัว เตาแก๊ส ตู้เย็นและทรัพย์สินอื่นๆ เสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

นางมาลี กล่าวว่า หลังจากที่ตนกับสามีตื่นขึ้นมาตอนเช้า ทำกิจวัตรประจำวัน จากนั้นตนได้เดินไปชงกาแฟในครัวให้สามี ปรากฏว่า จู่ๆ มีเสียงดังคล้ายกับฝนตกลงมาห่าใหญ่ หลังจากนั้นก็มีดินถล่มลงมาทับหลังบ้านจนผนังบ้านที่ทำด้วยปูนพังคลื่นลงมาทับสิ่งของเครื่องใช้ ตนและสามีตกใจมากต่างพากันวิ่งหนีออกมาทางหน้าบ้านคนละทิศละทางเพื่อเอาตัวรอดโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ ทางจังหวัดชุมพรและกรมทรัพยากรธรณี ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว ระมัดระวังจากภูเขาถล่มและดินสไลด์ทับที่อยู่อาศัย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตอันตราย โดยให้สองสามีภรรยาไปอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นเทือกเขาพะโต๊ะ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักหลายวันจนดินอุ้มน้ำ