Skip to main content

แม่ทัพภาค4 แถลงยืนยันผลสรุปของคณะกรรมการฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีสี่ศพ ประชาชนบริสุทธิ์ เยียวยารายละห้าแสน  ดันตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์อิสระเพื่อดึงความเชื่อมั่นชาวบ้าน  พร้อมดำเนินการให้แพทย์ตรวจสภาพจิตใจทหารที่ทำงานใต้ความกดดันตึงเครียด

 

 

             .

              พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 mso-bidi-language:AR-SA" dir="RTL"> กล่าวถึงข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ที่ทหารพรานยิงชาวบ้าน 4 คนเสียชีวิตที่บ้านกาหยีว่า เหตุการณ์นี้ “ เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ สำหรับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์  สาเหตุที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากสำคัญผิด เพราะว่าสภาพแวดล้อมในขณะนี้มืด  ประจวบกับเวลาที่เกิดนั้นค่อนข้างจะดึก”

การแถลงข่าวมีขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 21 มีนาคม 2555 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 AR-SA" dir="RTL">  ส่วนหน้า  ค่ายสิรินธร จังหวัดปัตตานี  โดยมีนายประมุข ลมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) นายกิตติ สุระคำแหง ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานยุติธรรม ศอ.บต. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและ นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเข้าร่วมแถลงด้วย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้านกาหยี ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา  อาสาสมัครทหารพรานสามคนได้กราดยิงเข้าใส่รถกระบะของชาวบ้านซึ่งกำลังเดินทางในละหมาดศพในตอนค่ำทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คนและบาดเจ็บ 5 คน  เพราะเข้าใจว่าเป็นรถของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้ได้รับการแต่งตั้งโดยกอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า มีนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีเป็นประธาน และมีกรรมการอีก 13 ท่าน ซึ่งรวมถึงตัวแทนจากฝ่ายทหาร ศอ.บต. ศูนย์ทนายความมุสลิม และองค์กรภาคประชาสังคมอื่นๆ และตัวแทนชาวบ้าน โดยคณะกรรมการได้ร่วมกันลงนามรับรองรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปในวันอังคารที่ผ่านมาที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี

“คณะกรรมการได้ให้ความเชื่อถือต่อคำให้การของพี่น้องประชาชนมากกว่าคำให้การของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งผมยอมรับว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการชุดนี้ เพราะคณะกรรมการชุดนี้ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจและคณะกรรมการชุดนี้ได้รับความเชื่อถือจากพี่น้องประชาชน” พล.ท.อุดมชัยกล่าว

 

               แม่ทัพภาคสี่ได้ระบุถึงข้อจำกัดของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์  โดยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะตรวจศพของชาวบ้านสองรายที่เสียชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่ามีเขม่าดินปืนหรือไม่ได้  เพราะชาวบ้านเชื่อว่าขัดต่อหลักการทางศาสนา   

          ในการให้ข้อมูลกับคณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้ระบุว่ามีเสียงปืนดังขึ้นมาก่อนหนึ่งนัด  ทำให้พวกเขาต้องยิงตอบโต้  ในขณะที่ชาวบ้านปฏิเสธว่าไม่มีใครพกอาวุธไปในรถ  แต่หลังเกิดเหตุกลับพบอาวุธปืนอาก้าและปืนพกสั้นอย่างละหนึ่งกระบอกอยู่ในรถ พร้อมปลอกกระสุนจำนวนหนึ่ง  จากการประมวลหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ คณะกรรมการได้ระบุว่าปลอกกระสุนปืนจำนวนสามปลอกที่ตกอยู่ในห้องโดยสารไม่ได้ถูกยิงมาจากปืนอาก้าที่พบในรถ  แต่กลับถูกยิงมาจากปืนสามกระบอกของทหารซึ่งเป็นของกลางที่อยู่ในที่เกิดเหตุนั่นเอง  นอกจากนี้ยังไม่พบเขม่าดินปืนจากปืนกระบอกนั้น ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าปืนนั้นไม่ได้ผ่านการยิงในขณะเกิดเหตุ   

ส่วนปืนพกสั้นที่พบในรถนั้น จากการตรวจสอบเขม่าดินปืนพบว่ามีการยิงจากปืนกระบอกดังกล่าวจริง  แต่จากการเก็บตัวอย่างไม่พบเขม่าดินปืนจากมือของผู้ได้รับบาดเจ็บสามคนทำให้ยืนยันได้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้ยิง แต่คณะกรรมการไม่สามารถตรวจสอบเขม่าดินปืนที่ศพชาวบ้านสองคนที่เสียชีวิตที่ด้านหลังรถได้  เพราะญาติไม่ยินยอมให้ตรวจพิสูจน์   จึงไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ยิงปืนพกสั้นในรถหรือไม่

          “ในอนาคตมีความจำเป็นที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้นำศาสนา ควรได้ออกมาวินิจฉัยในเรื่องต่างๆ  เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นว่าไม่ได้ทำผิดหลักศรัทธา  เป็นเรื่องที่ผู้นำศาสนาควรจะได้ออกมาดำเนินการอย่างจริงจัง” แม่ทัพภาคสี่กล่าว 

          นอกจากนี้ พล.ท.อุดมชัยยังได้กล่าวถึงความจำเป็นในการจัดตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นโดยให้เป็นสถาบันที่มีความอิสระ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้นำศาสนา และผู้นำท้องถิ่นเข้ามาร่วมกันเพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือ  พร้อมทั้งจะได้มีการดำเนินการให้แพทย์เข้ามาดูแลในเรื่องสภาวะจิตใจของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อย่างกดดันและตึงเครียดเป็นเวลานาน

นายประมุข รองเลขาธิการ ศอ.บต.  แถลงว่า  ทาง ศอ.บต.จะจ่ายค่าเยียวยาเบื้องต้นสำหรับผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้คนละ 500,000  บาท  โดยทางจังหวัดปัตตานีได้มอบให้แล้ว 100 ,000 AR-SA" dir="RTL"> บาท และจะได้มีการมอบให้อีก 400,000 บาท  พร้อมทั้งจะได้มีการเยียวยาช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ต่อไป