เลขาฯยูเอ็นประณามคาร์บอมบ์ภาคใต้ เข้าข่ายก่อการร้าย ยันเป็นพฤติกรรมเลวร้ายอย่างยิ่ง ตำรวจรู้ตัวสองมือบึ้มลีการ์เดนส์ พลาซ่า บุกค้น“ปอเนาะ”ยะลาหาหลักฐานโยงคาร์บอมบ์ “เลขาศอ.บต.” ปัดไม่ได้คุยแกนนำบีอาร์เอ็น
เลขาฯยูเอ็นประณามคาร์บอมบ์เมืองไทย
นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกมาประณามเหตุการณ์คาร์บอมบ์ในภาคใต้ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 แถลงการณ์ที่ออกโดยโฆษกเลขาธิการสหประชาชาติระบุว่า เลขาธิการฯ ขอประณามเหตุการณ์คาร์บอมบ์ในจังหวัดสงขลาและยะลา ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ที่เสียชีวิตอย่างน้อย13 คน บาดเจ็บหลายร้อยคน เลขาธิการฯ เห็นว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการก่อการร้าย ซึ่งเป็นสิ่งเลวร้ายอย่างยิ่ง พร้อมกับขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับรัฐบาลไทยและชาวไทย รวมทั้งผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป
รายงานข่าวจากจังหวัดสงขลาแจ้งว่า จนถึงวันที่ 3 เมษายน 2555 ยังมีผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดโรงแรมลีการ์เด้นส์ พลาซ่า ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ 54 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยหนัก 19 ราย
เคลียร์โรงแรมให้รับรถคืน
ส่วนบรรยากาศที่หน้าโรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ได้เปิดถนนรอบโรงแรมลีการ์เด้นส์ พลาซ่าให้สัญจรได้ตามปกติแล้ว ขณะเดียวกันทางเทศบาลนครหาดใหญ่ได้ประกาศให้เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่นำเข้าไปจอดไว้ในลานจอดรถใต้ดินชั้นบี 1–บี 5 ของโรงแรมลีการ์เด้นส์ พลาซ่า เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและนำรถออกมาได้แล้ว หลังจากทหารและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเคลียร์พื้นที่ลานจอดรถแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ มีประชาชนเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์มาเฝ้ารอรับรถหลายร้อยคน โดยอนุญาตให้เฉพาะนำรถจักรยานยนต์ออกเท่านั้น ส่วนรถยนต์ยังไม่อนุญาตให้นำออกมาจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน เนื่องจากมีหลายคันที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่อนุญาตให้เจ้าของลงไปดูสภาพรถ และตรวจสอบทรัพย์สินที่อยู่ภายในรถได้ มีเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทยอยรับรถและตรวจสอบทรัพย์สินที่อยู่ภายในรถอย่างต่อเนื่อง
พ.ต.อ.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากการตรวจสอบจนถึงขณะนี้ ไม่มีรถที่เอกสารหลักฐานไม่ตรงกับตัวรถหลายสิบคันตามที่เป็นข่าว พบเพียงรถบางคันไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเท่านั้น
อาจต้องทุบบี2 บี 3
นายสุกิจ วัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักการช่างเทศบาลนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า ทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธามาร่วมตรวจสอบโครงสร้างของโรงแรม โดยเฉพาะชั้นใต้ดินที่เกิดเหตุระเบิดว่า ยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ หรือต้องปรับปรุงโครงสร้างส่วนใดบ้าง
นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า ได้เชิญวิศวกรจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เข้าไปตรวจสอบโครงสร้างของโรงแรม ลีการ์เดนส์แล้ว พบว่า โครงสร้างยังแข็งแรง มีเฉพาะชั้นบี 2 และบี 3 ที่ได้รับแรงระเบิดอาจจะต้องทุบทิ้ง แต่ต้องรอวิศวกรผู้เชี่ยวชาญพร้อมเครื่องมือพร้อม เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งในเร็วๆ นี้
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่องชนิดเอ็มโฟ ใช้สารแอมโมเนียไนเตรทผสมน้ำมันบรรจุถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม 2 ถัง ขณะนี้กำลังหาเบาะแสของผู้ต้องสงสัยจากภาพกล้องวงจรปิดที่จับภาพไว้ได้ ทั้งสองคนเป็นแนวร่วมที่มีประวัติอยู่แล้ว
รู้ตัวสองมือบึ้มลีการ์เดนส์ พลาซ่า
รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แจ้งว่า ล่าสุดตำรวจทราบตัวสองคนร้ายที่ขับรถคาร์บอมบ์แล้ว จากเบาะแสของกล้องวงจรปิด ทั้งสองคนมีความเชี่ยวชาญในการก่อวินาศกรรมและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากต่างประเทศ ลักษณะของคาร์บอมบ์ต้องการที่จะให้เกิดความสูญเสียให้มากที่สุด เนื่องจากจุดที่คนร้ายขับรถลงไปจอดบริเวณชั้น บี 3 เป็นจุดกึ่งกลางบริเวณลานจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดินทั้ง 5 ชั้น ต้องการให้ประกายไฟจากแรงระเบิดกระจายลุกลามไปติดรถยนต์คันอื่นๆ ที่ใช้น้ำมันหรือแก๊ส
เก๋งคาร์บอมบ์ประกอบจากรือเสาะ
สำหรับรถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุประกอบระเบิดคาร์บอมบ์จากอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมกับรถยนต์กระบะอีกคัน ที่เตรียมนำไปก่อเหตุที่ว่าการอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส แต่เกิดประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ ที่อำเภอหาดใหญ่มีอย่างน้อย 5 คน ที่ตำรวจทราบชื่อแล้วคือ นายสบาเฮ นายิง ชาวอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และนายเจะมะ หรือไคโร หรือมาค่อม ยานิ ชาวอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ทั้งสองมีหมายจับคดีลอบยิงนายสุนันท์ แก้วละเอียด นายช่างชลประทานลางา ที่ตำบลสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ
ผู้ว่าฯสงขลา ตั้งค่าหัว 1 ล้าน
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ได้ตั้งรางวัลนำจับผู้แจ้งเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งสองคน คนละ 5 แสนบาท ขณะเดียวกันได้เรียกประชุมหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดสงขลา เพื่อฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่และหามาตรการรักษาความปลอดภัย โดยได้ขอให้ห้างร้านต่างๆ ปรับปรุงทางเข้าออกให้เหลือน้อยที่สุด จะได้ง่ายต่อการควบคุม พร้อมกับเตรียมจัดอบรมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในการตรวจสอบยานพาหนะ
สำหรับการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตนั้นจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2548 ผู้เสียชีวิตที่เป็นข้าราชการจะได้รับการเยียวยารายละ 5 แสนบาท ส่วนประชาชนรายละ 1 แสนบาท ผู้บาดเจ็บสาหัสรักษาตัวเกิน 20 วัน จ่าย 50,000 บาท หากน้อยกว่า 20 วัน จะจ่ายลดหลั่นกันลงมา เบื้องต้นทางจังหวัดได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้ง 337 คน ไปแล้วรายละ 14,000 บาท ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ส่วนทรัพย์สินของประชาชนที่เสียหาย จะจ่ายตามความเป็นจริง สามารถแจ้งได้ที่กองอำนวยการหน้าห้างลีการ์เดนส์ พลาซ่า ถ้าหากเกิน 7 วันให้ไปแจ้งที่อำเภอหาดใหญ่
เผาศพนักท่องเที่ยวมาเลเซีย
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่วัดศรีสว่างวงศ์ หรือวัดเกาะเสือ อำเภอหาดใหญ่ นายสุรพล พนัสอำพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานพิธีฌาปนกิจนายโลเกียงโฮ ชาวมาเลเซียที่เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า พร้อมกับนางยุพิน พุทธิมา ภรรยาชาวไทย ซึ่งนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักเขต เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ในพิธีฌาปนกิจได้มีพี่ชายและญาติเดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย นำอัฐิกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย ขณะเดียวกันตัวแทนโรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า ได้มอบเงินจำนวน 1.5 แสนบาท ช่วยเหลือครอบครัวของนายโลเกียงโฮด้วย สำหรับนายโลเกียงโฮ ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
เลขา ศอ.บต.ปัดไม่ได้คุยกับแกนนำบีอาร์เอ็น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ข่าวตนไปเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็น ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาตนพบกับคนหลายฝ่าย ทั้งในประเทศและประเทศมาเลเซีย แต่ไม่ใช่แกนนำบีอาร์เอ็น ที่มาเลเซียตนไปพบกลุ่มต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปประกอบอาชีพเปิดร้านอาหารในมาเลเซีย เพื่อช่วยเหลือให้ทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะมีจำนวนมากที่เข้าไปอยู่ไม่ถูกต้อง
ส่วนคนในพื้นที่ได้พบปะพูดคุยกับผู้นำกลุ่มต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับแต่ละกลุ่ม แต่ไม่ได้พูดคุยกับแกนนำบีอาร์เอ็น ที่มีข่าวว่าตนแต่งตั้งนายนัจมุดดีน อูมา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พรรคเพื่อไทยเป็นที่ปรึกษาก็ไม่เป็นความจริง ตั้งแต่มารับตำแหน่งยังไม่มีการแต่งตั้งใครเป็นที่ปรึกษาแม้แต่คนเดียว ส่วนการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นยอมรับว่ามี เพราะต้องการทุกคนมีส่วนร่วมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ค้น“ปอเนาะ”ยะลาหาหลักฐานโยงคาร์บอมบ์
บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยพ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน ที่ 41 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ชุดทหารพรานที่ 41 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจพิสูจน์หลักฐานที่ 10 จังหวัดยะลา ชุดสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลากว่า 150 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นโรงเรียนตาร์เบียตุลวาตันมูลนิธิ เลขที่ 89 หมู่ที่ 1 ตำบลบันนังสาเร็ง อำเภอเมืองยะลา
เนื่องจากชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งจากพยานว่า รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซุซุดีแม็ก สีบรอนซ์ และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ สีขาว ที่นำไปเป็นคาร์บอมบ์ก่อเหตุที่ถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลเมืองยะลา พร้อมรถจักรยานยนต์อีก 2 คัน ที่ต้องสงสัย ว่าคอยดูเส้นทางและรับคนร้ายที่นำรถยนต์คาร์บอมบ์ไปจอดที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด เป็นจักรยานยนต์ที่ขับออกมาจากโรงเรียนตาร์เบียตุลวาตันมูลนิธิ
หลังจากใช้เวลาตรวจค้นนานกว่า 2 ชั่วโมงพบว่า บริเวณโรงเรียนดังกล่าวมีร่องรอยสติกเกอร์ถูกแกะตัวเลขตรงกับป้ายรถยนต์คาร์บอมบ์ นแกจากนี้ยังพบเศษสายไฟ แผงวงจรไฟฟ้า แผงวงจรอิเลคทรอนิคส์ เศษเหล็กเส้นที่ตัดแล้วจำนวนหนึ่ง น็อตตัวผู้–ตัวเมีย ปุ๋ยยูเรีย และสีโป้วรถยนต์ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 จึงตรวจยึดสิ่งของทั้งหมดนำไปตรวจสอบ และเปรียบเทียบดีเอ็นเอว่า ตรงกับหลักฐานทั้งหมดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย
ผู้ต้องสงสัย/ผู้ต้องหาความมั่นคงยะลารายงานตัว 10 ราย
วันเดียวกัน ที่ศูนย์ยะลาสันติสุข ห้องประชุมปกครอง ชั้น 2 อาคารศาลากลางจังหวัดยะลาหลังเก่า นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ยะลาสันติสุข ได้รับตัวผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดยะลาที่เข้ารายงานตัว 10 ราย มีนายนฤพล แหละตี ปลัดจังหวัดยะลา พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา พ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ข้าราชการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้นำศาสนาเข้าร่วม
สำหรับผู้เข้ารายงานตัว แยกเป็น 1.ราษฎรที่ถูกต้องสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถออกหมายจับ 2 คน ประกอบด้วย นายมูอำหมัด แวกาจิ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/1 หมู่ที่ 2 ตำบลพร่อน อำเภอเมือง จังหวัดยะลา 2.นายอับดุลตอฟา อุเซ็ง อายุ 44 อยู่บ้านเลขที่ 205/2 หมู่ที่ 1 ตำบลกาบัง อำภอกาบัง จังหวัดยะลา
2.ราษฎรที่มีหมายจับของทางราชการในคดีความมั่นคงขอเข้ามอบตัวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ซึ่งทางจังหวัดได้ออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ประกอบในการยื่นคำขอปล่อยตัวชั่วคราว และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากพนักงานสอบสวนหรือศาล 3 คน ประกอบด้วย 1.นายบูรฮัน เดวอสนุน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/1 หมู่ที่ 1 ตำบลยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา 2.นายมูฮัมหมัดฮัมดี กาหลง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 5 ตำบลกาบัง อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา 3.นายสุขทา บากา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 2 ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
3.ราษฎรที่ตกเป็นจำเลยในคดีความมั่นคงและอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ซึ่งจังหวัดได้ออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ประกอบในการยื่นคำขอปล่อยตัวชั่วคราวในคดีความมั่นคง และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาล 1 คนคือ นายอาสือหมาน บุหงา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/4 หมู่ที่ 6 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
4.ราษฎรที่ตกเป็นจำเลยในคดีความมั่นคง และปัจจุบันศาลได้พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด แต่ยังมีความหวาดระแวงในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิต 4 คน ประกอบด้วย 1.นายอิบรอเฮง ลือมูซอ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 7 ตำบลกาบัง อำเภอกาบัง 2.นายซอมะ อาภิบาลแบ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ที่ 1 ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา 3.นายดอเลาะ อภิบาลแบ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 1 ต.บาเจาะ อำเภแบันนังสตา 4.นายย๊ะยา อับดุลราซิ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนเบาะเบาะ ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา
นายเดชรัฐ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 ถึงวันที่ 25 มกราคม 2555 มีผู้มาแสดงตนแล้ว 199 ราย ทางจังหวัดยะลายืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เข้ารายงานตัวทุกๆ คน พร้อมกับจะดูแลเรื่องการประกอบอาชีพของผู้ที่เข้าแสดงตนด้วย เพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในพื้นที่ได้อย่างมีความสุข
จับผู้ต้องสงสัยมือบึ้มตำรวจแม่ลาน
พล.ต.ต.พิเชษฐ ปิติเศรษฐพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เปิดเผยความคืบหน้าคดี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้สนธิกำลังติดตามไล่ล่าผู้ต้องสงสัย ]v[วางระเบิดร้านอาหารหน้าโรงพักสถานีตรวจภูธรแม่ลานปัตตานี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.จิตรกานต์ เกื้อก่อยอด รองผู้กำกับการปราบปราม สถานีตำรวจภูธรแม่ลานได้รับบาดเจ็บ ตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด สามารถควบคุมตัวได้ 1 ราย คือนายซัมลี ฮูลูดือเระ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่ที่ 4 ตำบลโกตาบารู อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ได้ที่บริเวณร้านค้าส่วนราชการอำเภอแม่ลาน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร
ภายหลังจากการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพัก พบของกลางจำนวนหลายรายการ เมื่อนำภาพถ่ายผู้ต้องสงสัยให้ผู้เสียหายดู หด้รับการยืนยันว่าเป็นคนเดียวกัน เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยยังคงให้การปฏิเสธ ขณะนี้นำตัวไปควบคุมที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี เพื่อซักถามและขยายผล และขออนุมัติหมายจับจากศาลปัตตานี
วางระเบิดเล่นงานทหาร
เมื่อเวลา 19.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรยะรัง จังหวัดปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นหน้าปั๊ม ปตท. ริมถนนสายปัตตานี–ยะลา หมู่ที่ 5 บ้านพงสตา ตำบลยะรัง จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณสวนต้นไม้ข้างปั้ม พบหลุมระเบิดกว้าง 30 เซนติเมตร และชิ้นส่วนกล่องเหล็กบรรจุดินระเบิด สะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ รวมทั้งกระเด็นไปถูกกระจกรถยนต์ ยี่ห้อฮุนได ทะเบียน ฮน 7105 กทม. ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากการสอบสวนพบว่า ขณะที่ทหาร 3 นาย ออกรักษาความปลอดภัยบริเวณข้างปั้ม คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมที่นำมาฝังไว้