ผลกระทบชาวพุทธจากเหตุไม่สงบชายแดนใต้
เหตุลอบวางระเบิดจนเกิดไฟไหม้บ้านและร้านค้าของนางสุปราณี เพชรวิไล ชาวอำเภอยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เป็นเหตุรุนแรงครั้งที่สองในรอบ 2 ปี ที่เชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเจตนาขับไล่ให้ออกจากพื้นที่หรือเลิกอาชีพค้าขาย ซึ่งล่าสุดได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดร้านเฟอร์นิเจอร์ชาวไทยพุทธอีกหนึ่งราย แต่โชคดีที่พบวัตถุต้องสงสัยทำให้ไม่เกิดความเสียหาย เครือข่ายชาวไทยพุทธเพื่อสันติภาพมองว่า แม้จะมีความพยายามกดดันชาวไทยพุทธให้ย้ายถิ่นฐาน แต่ในระดับชุมชนที่มีความเข้มแข็ง สะท้อนบทเรียนสันติภาพที่ต้องมาจากชุมชนด้วย
https://www.facebook.com/3mitinews/videos/1890427424323595/?fref=mentions
.
บ้านที่เหลือแต่โครงหลังคา ว่างเปล่า เต็มไปด้วยข้าวของในกอง เถ้าถ่าน ไม่เหลือร่องรอยของบ้าน และ ร้านค้าที่เป็นลมหายใจของครอบครัวเพชรวิไลมากว่า ถ53 ปี ตั้งแต่รุ่นแม่จนถึงนางสุปราณี ในวัย 68 ปี มันมอดสลายไปกับระเบิดที่ทำให้เพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ และเกือบจะทำให้นางสุปรานี เพชรวิไล และบุตรชาย เสียชีวิตท่ามกลางกองเพลิง
“ถ้าป้านีไม่รู้สึกก็ย่างสดแหละลูกวันนั้น นึกไม่ออกว่าตัวเองจะนอนตายอย่างไร” นางสุปรานี เพชรวิไล
30 มีนาคม 2559 ร้านค้าของนางสุปราณี ถูกระเบิดและไฟไหม้บางส่วน จึงสามารถฟื้นฟูและกลับมาขายใหม่ได้ ผ่านมา 2 ปี เหตุระเบิดและไฟไหม้ครั้งนี้ ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่เสื้อผ้า จนนางสุปราณี ต้องไปอาศัยอยู่บ้านพี่สาว โดยยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างไร และนี่เป็นเพียงสมบัติที่เหลือจากกองเพลิงที่พอจะเก็บรักษาไว้ได้
“เอาเงินที่ไหนมาทำบ้านใหม่ ทำร้านใหม่ ถ้าจะให้ทำต้องเยียวยา มาให้ป้าณีก่อน จะได้คิดว่าทำยังไง บ้านจะให้เขาเช่า ให้เขาค้าขายเสียก็ได้ ถ้าเขาไม่อยากมห้เราทำ แต่เราคงไม่ย้ายไปไหน ดินก็ไม่ขายเพราะของแม่ ก็อยากรักษาไว้” นางสุปรานี เพชรวิไล
นางสุปราณี เชื่อว่า เหตุระเบิดไฟไหม้ 2 ครั้งที่ผ่านมา เป็นกลุ่มคนไม่หวังดีจากนอกพื้นที่ ที่ไม่หวังดีต้องการกดดันให้ชาวไทยพุทธย้ายออกไป และเลิกทำกิจการค้าขาย ซึ่งเหตุที่เกือบถึงกับความตายในครั้งนี้ ทำให้เธอจะเลิกอาชีพค้าขาย แล้วเปิดให้เช่าร้านค้าแทน แต่ตัวเธอยังยืนยันจะอาศัยในอำเภอยะหริ่งต่อไป เพราะเกิดและโตที่นี่ และเพื่อนบ้านชาวมุสลิมก็ยังมีน้ำใจต่อเธออย่างดี
“ก็เหลือแค่นี้ เป็นของเก่าของคุณแม่ ก็ต้องรักษาไว้ก่อน” นางสุปรานี เพชรวิไล
นี่คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวไทยพุทธ ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ คนร้ายได้นำระเบิดกระเป๋า ไปซุกซ่อนไว้ข้างตู้เย็นในร้านเฟอร์นิเจอร์ของนาง ขนิษฐา กูลเกื้อ หรือครูติ๋ว แต่โชคดีที่ลูกค้าซึ่งเป็นหญิงชาวมุสลิมพบกระเป๋าต้องสงสัย ลูกชายของครูติ๋ว และคลินิกแพทย์ ตรงข้ามบ้าน จึงช่วยกันตรวจสอบ พบมีวงจรไฟภายในกระเป๋า จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาทำลาย พบเป็นระเบิดตั้งเวลาไว้เวลา 2 นาฬิกา 30 นาที จึงไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งชาวบ้านที่ช่วยเหลือครูติ๋ว ต่างเป็นเพื่อนบ้านชาวมุสลิม ที่กำนันตำบลยามู อ.ยะหริ่ง ยืนยันว่าที่นี่ไม่มีความแตกแยกทางศาสนาอละชุมชนอยู่ร่วมกันได้
“ผมก็เสียใจไม่น้อยกว่าคนในพื้นที่ ผมก็ดูอาร์กับพระเจ้าตลอด อย่าให้เกิดในพื้นที่ของเรา และที่นี่ตั้งแต่ก่อนปี 2547 เราก็อยู่กันได้ เราไม่มีความแตกแยก เป็นชุมชนพหุวัฒนธรรม ที่ผมไม่อยากให้มีใครมาทำลายมัน “ สาเหะยามัน อัลยุฟรี กำนันต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
“พื้นฐานคนที่นี่อยู่ด้วยกันมานาน เขาไปมาหาสู่กันบ่อยระหว่างคนพุทธและมุสลิม ผมว่านี่สำคัญมาก อย่างที่พี่ณีว่าคือกำลังใจสำคัญที่สุด และภาครัฐก็ต้องเร่งเยียวยาให้เร็ว นอกเหนือจากชาวบ้านให้กำล้งใจกันเอง”มูฮัมหมัด อายุป ปาทาน ประธานสภาสังคมชายแดนใต้
ตำบล ยามู อ.ยะหริ่ง จึงชุมชนตัวอย่างที่เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ และสภาประชาสังคมชายแดนใต้ มองว่า ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนเป็นกลไกสำคัญของการสร้างสันติภาพ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าในรอบ 14 ปี ตั้งแต่ปี 2547-2561 เกิดเหตุรุนแรง 19,702 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 6,736 คน บาดเจ็บ 13,334 คน เป็นชาวไทยพุทธ 53 % มุสลิม 43 % โดยรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาเกิดเหตุต่อเนื่อง ตั้งแต่ระเบิดตลาดพิมลชัย ที่จ.ยะลาห้างซุปเปอร์ที่จ.นราธิวาส และร้านคนชาวไทยพุทธในอ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
“ประเด็นการก่อเหตุอาจมาการกดดันให้คนพุทธ คนจีนออกนอกพื้นที่ และ กดดันทางรัฐว่าเกิดเหตุแบบนี้ รัฐก็ดูแลคนพุทธในพื้นที่ไม่ได้ รัฐก็ต้องมาดูแลไม่ใช่แค่มาเยี่ยม ส่วนคนมุสลิมเองก็ต้องบริหารความรู้สึกของคนพุทธด้วย อย่างเช่นที่เกิดในยะหริ่ง เมื่อรู้ว่าป้าลำบากคนมุสลิมก็มาช่วย คนที่เคยติดหนี้ 100-200 ก็มาคืนให้ นี่แหละครับ” รักชาติ สุวรรณ ประธานเครือข่ายไทยพุทธเพื่อสันติภาพ
แม้จะมีกำลังใจจากชุมชน แต่มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาที่รวดเร็วจากภาครัฐ ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะสองอาทิตย์ผ่านไป บ้านของนางสุปราณี ยังเต็มไปด้วยกองเถ้าถ่าน แม้ทางจังหวัดปัตตานีจะมีแผนสร้างบ้านให้ใหม่และมอบเงินเยียวยาแล้ว 50,000 บาท แต่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ท่ามกลางแรงกดดันและไฟของความรุนแรงที่ยังคุกรุ่น จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีมาตรการที่รวดเร็วกว่านี้ เพื่อต่อลมหายใจของชาวไทยพุทธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ครูติ๋ว ยังเปิดให้บริการต่อไป แต่ครูติ๋วก็ต้องปรับปรุงร้านติดกล้องวงจรปิดป้องกันเหตุร้ายด้วยตัวเอง
ช่วยเหลือป้าสุปราณี
ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี นางสุปราณี เพชรวิไล
เลขที่บัญชี 9071962253
https://www.facebook.com/3mitinews/videos/1890427424323595/