หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลปัจจุบันคือต้องการเปลี่ยนการต่อสู้ที่ใช้ความรุนแรงมาเป็นแนวทางสันติวิธี ซึ่งประชาชนคือ ผู้ได้รับประโยชน์และเป็นคำตอบสำคัญของการแก้ปัญหา
พลเอกอักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กล่าวถึงโลกนี้จะอยู่ได้ด้วยความรักไม่ใช่ความเกลียด ดังนั้นการแก้ไขปัญหาทุกอย่างในโลกใบนี้จึงต้องมองโลกในแง่ดีปราศจากอคติจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้แม้ต้องใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม เช่นเดียวกับปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องใช้แนวทางสันติวิธี โดยยึดถือยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมากลุ่มผู้เห็นต่าง จากรัฐได้ใช้ความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องก็เพราะเขา “อยากจะคุย” จึงใช้ความรุนแรงเป็นเงื่อนไขยื่นข้อเสนอต่อรองรัฐบาล โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานที่แอบติดต่อผ่านตัวแทนแหล่งข่าวและมีแนวร่วมในพื้นที่ให้การสนับสนุนช่วยกันสร้างความรุนแรงแบบป่วนเมือง ขยายความขัดแย้งไปทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งถ้าเราไปคุยกับคนพวกนี้ก็เท่ากับเรานั่นแหละสนับสนุนการใช้ความรุนแรง เพราะรัฐบาลต้องการยุติความรุนแรงจึงไม่ให้ความชอบธรรมกับพวกใช้ความรุนแรงและประกาศใช้แนวทางสันติวิธีคือ ยินดีคุยกับพวกที่ไม่ใช้ความรุนแรงซึ่งการเปลี่ยนกระบวนทัศน์นี้ ทำให้รัฐบาลสามารถดึงกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เกือบร้อยละ ๙๐ เข้ามาพูดคุยและร่วมกันสร้างสันติสุขด้วยการสร้าง Safety Zone ที่ทุกฝ่ายสามารถ แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับพื้นที่สาธารณะปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น (Common Space) สำหรับทุกคนที่ภาควิชาการมักถามหาและนี่คือเสียงเรียกร้องจากประชาชนอย่างแท้จริง
“ผมขอเรียนอีกครั้งว่า คณะพูดคุยฯ ไม่เคยมีวาระของตัวเองได้แต่นำเสียงของประชาชนที่ต้องการ ความปลอดภัยและสันติสุขในการดำเนินชีวิตประจำวันไปบอกกับผู้เห็นต่าง ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ให้ยุติการใช้ความรุนแรงและหันมาสร้างพื้นที่ปลอดภัยร่วมกัน ปัญหาสำคัญคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง ๓ ส่วน คือ เจ้าหน้าที่รัฐ นักวิชาการ สื่อมวลชนและประชาชน ยังมีผู้ไม่เชื่อมั่นกระบวนการพูดคุย ไม่ไว้ใจคณะพูดคุยฯ ไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่ไว้ใจประเทศเพื่อนบ้านและในที่สุดก็ไม่ไว้ใจแม้กระทั่งกระบวนการก่อการร้าย กลุ่มคนเหล่านี้จึงเป็นปัญหาความรุนแรงส่วนหนึ่งของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำให้ขยายความขัดแย้งไปเรื่อยๆ จนตกเป็นแนวร่วมมุมกลับของกลุ่มโจรก่อการร้ายที่หวังผลประโยชน์โดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันรัฐบาลได้บีบบังคับให้ขบวนการผู้เห็นต่างจากรัฐเหลือเพียงช่องทางเดียวที่จะบรรลุความต้องการของเขาคือ “แนวทางสันติวิธี”และยุติการใช้ความรุนแรง เพราะผู้ที่ได้รับผลประโยชน์คือประชาชนที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงอีกต่อไป
ผมขอเรียนทำความเข้าใจว่าการพูดคุยนั้นไม่สามารถยุติความรุนแรงได้ เพียงแค่เปลี่ยนการต่อสู้ที่ใช้ความรุนแรงมาเป็นแนวทางสันติวิธี แต่การต่อสู้ยังคงดำรงอยู่ต่อไปและประชาชนเท่านั้นคือคำตอบของการต่อสู้ในแนวทางสันติวิธีว่าจะเลือกอนาคตอย่างไร ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ายังมีคอลัมนิสต์บางท่านพยายามบอกสังคมให้เชื่อว่าพี่น้องมุสลิมยอมรับได้กับการสูญเสียเพื่ออุดมการณ์ คือ มีตายบ้าง บาดเจ็บบ้าง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของ BRN แต่ท่านถามคนเหล่านั้นหรือยังว่าเขาเห็นด้วยกับท่านหรือไม่ เพราะคอลัมนิสต์ดังกล่าวได้ตกเป็นแนวร่วมสนับสนุนโจร..ให้ใช้ความรุนแรงไปแล้วโดยไม่รู้ตัวและยังพยายามชี้นำสังคมให้เชื่อตามอีกด้วย แต่ถ้าหากเราสามารถกำหนดพื้นที่ปลอดภัยที่มีทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่และนักวิชาการเข้ามาช่วยกันปฏิเสธกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงร่วมกันแล้ว สันติสุขก็จะค่อยๆ เกิดขึ้นได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรมในที่สุด