Skip to main content

ญี่ปุ่น ฤดูใบไม้ร่วง 2017 | 

 

 

*หมายเหตุขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจากฝีมือการถ่ายของมิตรสหายนาม BREE

 

ไม่ว่าผู้คนจะให้ความหมายเรื่องการเดินทางไว้แบบไหนหรืออย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้ออกไปเดินทางจริงๆ ยิ่งในยุคที่การเดินทางนั้นสะดวกสบายมีราคาถูกลง ก็ยิ่งให้น่าเสียดายถ้าจะพลาดโอกาสการไปสัมผัสผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากตัวเอง 

 

ผมและมิตรสหายอีกสามท่านเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นอันยอดฮิต นอกจากโตเกียวอันเป็นหมุดหมายที่ใครๆเขาก็ไปกันแล้วเรายังได้เดินไปยังเมืองอันเงียบสงบอย่างอากิตะเพื่อเยี่ยมเยือนมิตรสหายท่านหนึ่งในห้วงฤดูกาลที่ความเหน็บหนาวค่อยๆย่างกรายจนใบไม้เริ่มผลัดสีและร่วงหล่นสู่พื้นดิน 

 

ทริปนี้เริ่มขึ้นเมื่อเราได้มีโอกาสต้อนรับการมาเยือนของมิตรสหายชาวฮาวายที่มีชื่อว่าโนอาห์ เขาเดินทางลงมาหาเรื่องราวและเสียงเรียกร้องในหัวใจยังดินแดนที่สำหรับผมและอีกหลายๆคนเรียกมันว่าบ้าน ในวันหนึ่งของการออกไปสัญจรกับโนอาห์ที่ศรีสาคร ในจังหวะที่เรากำลังดำผุดดำว่ายในลำธารอันเงียบสงบ บทสนทนาของการเดินทางไปญี่ปุ่นก็ได้เริ่มต้น และแผนที่การเดินทางก็ถูกวาดขึ้นอย่างหยาบๆ จากนั้นก็เป็นช่วงของการวางแผนจัดการภารกิจการงาน การเงิน รวมทั้งการหาโจทย์สำหรับการเดินทาง แม้ในตำราโบราณจะพูดถึงการเป็นนักเดินทางไว้ราวกับว่าการเดินทางนั้นจะต้องเดินทางไปอย่างไม่กำหนดทิศ การเดินทางคือการออกไปจาริกตามหาความหมายแห่งชีวิตและการมีอยู่ แต่สำหรับข้อจำกัดของการใช้ชีวิตที่พันผูกกับผู้คนมากมาย การเด็ดเดี่ยวฟังแต่เสียงของหัวใจอาจหมายถึงการไม่เคารพการมีอยู่ของคนอื่น หนำซ้ำอาจถูกมองว่าไม่มีความรับผิดชอบก็เป็นได้ 

 

 

หลังจากที่ไปเผชิญกับความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว พวกเราก็นั่งรถบัสข้ามคืนเพื่อไปเยือนเมืองที่เงียบสงบอย่างอากิตะ ภารกิจแรกเมื่อมาถึงคือการไปฉายหนังสารคดีที่มิตรสหายซึ่งเดินทางไปด้วยกันเป็นหนึ่งในทีมผู้ผลิต เราฉายหนังสารคดีกันที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในคลาสรูมของโนอาห์ และจากนั้นก็ถึงเวลาที่เราได้เผชิญหน้ากับความสงบสุขอย่างแท้จริงเมื่อเราเข้าไปตระเวนในเมืองที่ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากนัก พร้อมๆกับปรอยฝนและสายลมที่พาดผ่านในวันที่อุณหภูมิลดลงมาจนใกล้เคียงกับเลขตัวเดียว 

 

ใบไม้ในเมืองอากิตะกำลังเข้าสู่ช่วงแห่งการเปลี่ยนสี ผลัดใบ อันเป็นสัญญาณที่บอกว่าเหมันตฤดูกำลังค่อยๆคืบคลานเข้ามา ฤดูหนาวที่กำลังเดินทางมาถึงคงหนาวเหน็บและเงียบเหงาน่าดูู แต่มิตรภาพที่เราได้รับนั้นกลับอบอุ่นยิ่ง โนอาห์อนุญาตให้พวกเราพักอาศัยด้วยแถมภรรยาของเขายังทำกับข้าวให้พวกเรากินอีกต่างหาก พวกเราจึงต้องงัดฝีมือสำแดงการทำอาหารเพื่อเป็นการตอบแทน แต่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าคือการที่ภรรยาของโนอาห์อบขนมพายซึ่งมีตัวอักษร BNHR อันเป็นตัวอักษรย่อของชื่อพวกเราทั้งสี่คนแปะไว้บนหน้าของขนม 

 

โนอาห์ เป็นชาวฮาวายแต่กำเนิด นิสัยดีมาก โชคชะตานำพาให้เราได้รู้จักกันผ่านการเดินทาง ผ่านมิตรสหายอีกท่านหนึ่ง เฉกเช่นกับหลายเหตุการณ์ในชีวิต บ่อยครั้งเราได้รู้จักผู้คน และหมายรวมถึงความรู้ความเข้าใจผ่านการเดินทาง การทำงาน หรือ ความสนใจร่วมและที่สำคัญผ่านการแนะนำของมิตรสหายต่อๆกันมา จะมีสักกี่คนเชียวที่ตระหนักได้ว่าเราเป็นเราได้เพราะมีคนอื่นๆ และเฉกเช่นเดียวกันที่เราก็อาจเป็นปัจจัยบางอย่างแก่ผู้คนที่รายล้อม โลกอาจสงบสุขหากเราเรียนรู้ที่จะมองเห็นคนอื่นๆสำคัญเท่าๆกันกับตัวเราและสำคัญเท่าๆกันกับอัตตาของเราเอง