Skip to main content

 

ชาวยะลาไว้อาลัยผู้เสียชีวิตในเหตุระเบิดตลาดพิมลชัย

 

มารียัม อัฮหมัด
ยะลา
 
 
 
 
180123-TH-mourners-620.jpg
ประชาชนในจังหวัดยะลา วางดอกไม้แสดงความไว้อัย ณ จุดที่มีผู้เสียจากเหตุระเบิดในตลาดพิมลชัย วันที่ 23 มกราคม 2561
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชาวยะลา ได้ร่วมไว้อาลัยกับเหตุระเบิดตลาดพิมลชัย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บกว่า 20 ราย เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เข้ามอบดอกไม้ให้กับพ่อค้า และชาวยะลาจำนวนหนึ่งได้รณรงค์ต่อต้านความรุนแรง ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเผยว่า พบว่ามีผู้ต้องสงสัยก่อเหตุครั้งนี้ 3 ราย ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งติดตามนำตัวมาลงโทษ

นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายพงศ์จักร ยิ่งจงเจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เจ้าหน้าที่ และประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา ได้เดินรณรงค์ต่อต้านการใช้ความรุนแรง มอบดอกไม้ให้กับ พ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดพิมลชัย หรือตลาดรถไฟ อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อให้กำลังใจ หลังจากที่วานนี้ ตลาดพิมลชัยถูกวางระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

“อย่าอ้างศาสนา ไม่มีศาสดาองค์ใดสอนให้ฆ่าคน” ส่วนหนึ่งของป้ายรณรงค์ ที่ตลาดพิมลชัยวันอังคารนี้

นางลม้าย มานะการ ชาวจังหวัดยะลา กล่าวว่า ตลาดและพื้นที่สาธารณะควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย รู้สึกผิดหวังและเสียใจที่กลุ่มก่อความไม่สงบใช้พื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาดสดพิมลชัยเป็นพื้นที่ก่อเหตุ

“รู้สึกเสียใจที่เสียงเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่ไม่ถูกรับฟัง เขาบอกว่าตลาดเป็นพื้นที่ของทุกคน ทั้งเด็ก บุรุษ สตรี และคนทุกศาสนาอยู่ร่วมกัน ที่ผ่านมาได้เปิดเวทีรับฟังเสียงของประชาชน ซึ่งทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า ตลาดและพื้นที่สาธารณะเหล่านี้ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติปฏิบัติการทางทหาร หยุดใช้อาวุธ และความรุนแรง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด และประชาชนต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย” นางลม้ายกล่าว

นางรอฮานา กามา แม่ค้าในตลาดพิมลชัย เปิดเผยว่า เหตุระเบิดเมื่อวานนี้ ทำให้การจับจ่ายซื้อขายในตลาดซบเซากว่าปกติ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ค้าในตลาด

“บรรยากาศวันนี้ค่อนข้างเงียบ ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตามปกติประชาชนในพื้นที่การจับจ่ายก็น้อยอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเหตุการณ์ หดหายไปเลย ยิ่งน้อยเข้าไปอีก แต่ก็ต้องขายของ ต้องทำมาหากินทุกคนต้องสู้ เพราะชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า” นางรอฮานากล่าว

ด้านนายกิฟลี มะระเปะ พ่อค้าขายเนื้อไก่ ในตลาดพิมลชัย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับรายได้ และสภาพซบเซาเช่นนั้นเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานหลายปีแล้ว ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการโจมตีผู้บริสุทธิ์ของคนร้าย

“ไม่เห็นด้วยการกระทำของผู้ก่อเหตุ เพราะสถานที่นี้ มีแต่ผู้บริสุทธิ์ เราคนค้าขายหาเช้ากินค่ำ ยังไงก็ต้องขาย เมื่อก่อนค้าขายได้วันละ 10,000 บาท ตอนนี้ 2,000 ก็ได้บางวัน เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ยิ่งมาเกิดเหตุที่เราขายอีก วันนี้ยังไม่ได้สักบาท” นายกิฟลีกล่าว

ขณะเดียวกัน นายสมนึก ระฆัง ประธานเครือข่ายชาวพุทธกล่าวว่า เพื่อการแก้ปัญหา เครือข่ายเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดการร่วมมือทุกฝ่ายอย่างแท้จริง

“เรียกร้อง ศอ.บต. ตามคำเชิญของ นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อสถานการณ์เหตุการณ์ความไม่สงบให้พี่น้องทั้งใน และต่างประเทศได้เข้าใจ ควรตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหา” นายสมนึกกล่าว

ภาพคนร้ายในทีวีวงจรปิด

ต่อความคืบหน้าในการนำตัวผู้ก่อเหตุระเบิดมาลงโทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งรัด นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษแล้ว โดยเบื้องต้น ทราบแล้วว่า มีผู้ต้องสงสัยกี่คน

“ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ได้สั่งการให้ไปสืบต่อในเรื่องของขบวนการต่างๆ ผู้ต้องสงสัย 3 คน ที่ผ่านมามันก็เรียบร้อยมาพอสมควรแล้ว การพูดคุยมันก็อาจจะมีหลายส่วนหลายพวกที่ก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น อาจมีพวกที่อาจจะไม่ยอมก็มีอยู่นั่นแหละ การแก้ปัญหาภาคใต้เราทำทุกมิติ อยู่ระหว่างการสอบสวนว่า มันเกิดจากอะไร เรื่องความมั่นคง หรือว่าเรื่องอื่น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ยะลา กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดทำให้รู้ว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุ และมีผู้อำนวยความสะดวก แต่ยังไม่สามารถระบุตัวได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในตลาดให้เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำ

“ภาพจากกล้องวงจรปิด พบตัวผู้ก่อเหตุ และกลุ่มผู้สนับสนุนผู้ก่อเหตุ ขั้นต้นยังไม่สามารถระบุตัวได้ เนื่องจากสวมใส่หมวกกันน็อค และใส่ผ้าปิดปาก แต่มีเส้นทางการเข้าก่อเหตุชัดเจน รวมทั้งเส้นทางหลบหนีหลังจากก่อเหตุ ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง” พล.ต.ต.กฤษฎากล่าว

“เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ได้มีการกำหนดเส้นทางเข้าออกตลาดเพื่อควบคุมประชาชนมาจ่ายตลาด และรถจักรยานยนต์ที่เข้าออก มีการเพิ่มแผนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เขตเมืองยะลา เมืองเบตง และชุมชนต่างๆ” พล.ต.ต.กฤษฎากล่าวเพิ่มเติม

จากการรวบรวมของเบนาร์นิวส์ นับตั้งแต่ปีใหม่ 2561 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์รุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว 12 ราย และบาดเจ็บ 42 ราย

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่ benarnews.org