Skip to main content

ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้

           การหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งถือเป็นหลักหมุดสำคัญของสถานการณ์ความรุนแรงที่ชายแดนภาคใต้ ในวาระครบรอบเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นปีที่ 4 การย้อนความถึงคำพูดของเขาต่อสาธารณะอีกครั้งอาจทำให้เรามองเห็นแง่มุมของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนอยู่ในการเสวนาในหัวข้อ "แบ่งแยกดินแดนหรือแบ่งกันกิน" ที่มูลนิธิสันติชน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 ก่อนหน้าการหายตัวไปของเขาประมาณ 2 สัปดาห์

           แม้ว่าสถานการณ์ในขณะนี้อาจไปไกลเกินกว่าที่สมชายเคยผ่าน แต่สิ่งที่เขาสะท้อนก็มีเค้าลางให้มองเห็นได้ในปัจจุบัน  สถิติการฟ้องร้องมายังศูนย์ทนายความมุสลิมระบุว่า มีเรื่องร้องเรียนความไม่เป็นธรรม 310 คดี นับตั้งแต่ปี 2548 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ในจำนวนนี้มีคดีเกี่ยวกับซ้อมทรมาน 59 เรื่อง ซึ่งยังสะท้อนว่าประชาชนในพื้นที่ยังมุ่งหวังกับกระบวนการยุติธรรมอยู่ไม่น้อย

............

 

สมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม

 

ความจริงผมไม่ใช่นักวิเคราะห์และไม่ใช่นักวิชาการ ถ้าพูดถึงปัญหาภาคใต้ร้อยแปดปัญหา ผู้แทนฯของเราเก่งกาจ ตั้งกระทู้ถาม ไม่ว่าวุฒิ รัฐบาลก็ตอบ ขอบผนังของรัฐสภา ถ้ามันพูดได้ มันด่าแล้ว ว่าไอ้พวกนี้โกหกกันทั้งนั้น ไม่เห็นทำ ขอโทษ "ห่า" อะไรซักอย่าง นี่คือสิ่งที่เหมือนหลอกพี่น้องของเรา 

ยิ่งกว่านั้น ที่จัดหัวข้อว่าแบ่งแยกดินแดนหรือแบ่งกันกิน มุสลิมถูกติดคุกไม่ได้อะไรเลย ดินแดนก็ต้องซื้อไม่ได้ฟรี ปัญหาที่มันเกิดขึ้นทุกวันนี้ มันเป็นเหยื่อของผู้อธรรมที่กลั่นแกล้งมุสลิม เพราะเนื่องจากว่าความคิดที่เกิดจากการอธรรมต่อพี่น้อง  ที่จะต่อสู้ ดิ้นรน เราก็ไม่สามารถที่จะดิ้นรนได้สำเร็จ  แต่มันเห็นช่องทางเหล่านี้ มันจึงต้องไปหากินกันต่อ

ผมได้มีโอกาสทำคดีการเมืองเกี่ยวกับภาคใต้ เป็นต้นว่าขบวนการพูโล บีอาร์เอ็น บีเอ็นพีพี วาฮาบี อิหร่านหัวรุนแรง มาคดีเจไอ  ผมเดินอยู่ที่ศาลเกือบยี่สิบปี  ศาลก็ดี ทนายก็ดี คนที่ไปที่ศาลก็ดี มันบอกว่าผมเป็น"ทนายโจรแขก" แต่อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ (ขอสรรเสริญต่ออัลลอฮ์) ผมไม่ได้ท้อถอย เชื่อมั้ย บางคดีนอกจากมันจะเอาตำรวจ มันเอาทหาร มันเอาหน่วยอะไรต่ออะไรมาเต็มหมดเลย  ผมว่าเอ้ ทำไมมันถึงข่มเหงพี่น้องมุสลิมกันถึงขนาดนี้ บางคดีมีปืนแล้วไม่พอ เอาตำรวจหมามาด้วย มาล้อมรอบศาลเลย ผมบอกว่าศาลเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่ปรากฎว่าศาลกลับขาดความไม่มั่นคงแล้ว นี่คือสิ่งที่เขายัดเยียดทำ  จนกระทั่งผมยื่นคำร้องที่ศาล บอกว่า ศาล! ขอให้ทหารกลับบ้าน เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหาร เสียงบประมาณ ผมแกล้งมันเล่น ผมก็เอา

สิ่งที่ผมได้เห็น คือคดีของเราไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หืดขึ้นคอกว่าจะเดินจบแต่ละคดี 5 ปี 7 ปี ล่อถึงศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมันเล่นเราติดคุกเต็มๆ ไม่ว่าคดีไหน เจ๋งๆ ทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ผมขึ้นล่องภาคใต้ จนกระทั่งพี่น้องมุสลิมมาพูดยาวีกับผม ผมบอกผมพูดไม่เป็น ไอ้ทนายแถวใต้พูดภาษาใต้กับผม ผมก็พูดภาษากลาง มันก็ยังบอกว่าไอ้สมชายนี่มันลืมถิ่น ไม่ยอมพูดใต้ ด้วยความภูมิใจครับ  ผมว่าความมาจนกระทั่ง ศาลก็ดี ทนายด้วยกันที่เป็นคนต่างศาสนิก จับมือผม "สมชายอย่าท้อถอย" แต่ผมเสียดายคนที่ทำงานกับผมไม่ค่อยมี มาด้วยกันกับผมก็หลุดไปมั่ง ไอ้อุดมการณ์ใหม่ก็เข้ามามั่ง นี่คือสิ่งที่ผมเสียดายว่า ผมไม่สามารถปลูกวิญญาณทนายความมุสลิมใน 4 จังหวัดภาคใต้ได้

ในหลายเรื่อง เป็นต้นว่าพูโล บีอาร์เอ็น หรือในขบวนการต่างๆ โกหกทั้งนั้น  ผมมีข้อมูล ไม่รู้เรื่องในขบวนการพูโลเลย แต่ผมอาเล็ม (มีความรู้) ผมกล้าพูดได้เลย มีสายความมั่นคงทหาร มีสายความมั่นคงตำรวจ มันให้ขบวนการเหล่านี้ไม่เหมือนกัน แต่ว่ามาถาม บางคนบอกว่า ขบวนการเหล่านี้เหลืออยู่เท่าไหร่ ไม่รู้ เกิดเท่าไหร่ ไอ้หัวหน้าตายแล้ว อยู่ที่ไหน แล้ววันหนึ่งมีคนออกไปกี่คน ไม่รู้เรื่องทั้งนั้น แต่รู้จากสายข่าว ไอ้ข่าวก็แม่นซะอีก บอกว่าพวกนี้พูโล  ผมอยากจะรู้ทำไมไม่เอาไอ้ตอนหิ้วระเบิดมาจับให้ผมดูซักทีซิ

หลายครั้งหลายข่าวยิ่งกว่านั้น  ท่านเชื่อหรือไม่ครับคดี 4 โต๊ะครูที่ภาคใต้ ที่ระเบิดที่หาดใหญ่ มีโต๊ะครูคนหนึ่งที่ถูกเล่นงานหนัก คือดาโอ๊ะ กรงปีนัง คนยะลา จบซีเรีย คนนี้ได้หลักฐานคืออะไรรู้มั้ยครับ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ขณะนี้ยศพลโท ซัดกับผมมาแล้ว เอาอะไรมาเบิกความครับ เอาประกาศขบวนการปฏิวัติของขบวนการพูโลมาเบิกความที่ศาล แต่ละฉบับๆ เกือบสิบฉบับ  เชื่อมั้ยครับ ผมแปลแล้วเป็นคุฏบะฮ์ (คำเทศนาระหว่างการละหมาดวันศุกร์ของมุสลิม) ของดาโอ๊ะ แล้วที่ท่านเห็นทุกวันนี้ มีการค้นหนังสือ คำสอนพูโลภาษาอาหรับ ท่านตามท่านมั้ยข่าวนี้  ผมดูแล้วมันคือคัมภีร์กรุอ่านเล่มเล็กเอง  นี่คือความบัดสีของพวกเหล่านี้

ในเรื่องของการจับสะมะแอ ท่าน้ำ และดาโอ๊ะ ท่าน้ำมา ไอ้พวกนี้หนีเพราะกลัวตำรวจไปสิบๆ ปีแล้วครับ เหตุที่หนีเพราะเนื่องจากว่ากลับมาเป็นโต๊ะครูแล้วขัดใจกับตำรวจ แต่ว่าคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ภาคใต้ ท่านรู้มั้ยครับ ตั้งแต่ปี 36 - 37 ที่ยังไม่ขาดอายุความเนี้ยะ เป็นคดีที่ยิงกัน ฆ่ากัน แล้วจับตัวไม่ได้ นับเป็นร้อยๆ คดีในภาคใต้ เขาเอาคดีเหล่านั้นมาลงกับสะมะแอ ท่าน้ำและดาโอ๊ะ ท่าน้ำ แล้วก็พวกเหล่านี้ก็ไปรับสารภาพ เพราะถูกทำร้ายร่างกาย ไอ้รับสารภาพกับที่มันกล่าวหามันคนละเรื่อง ไม่ตรงกัน ท่านเชื่อมั้ย ขณะนี้ดาโอ๊ะก็ดี สะมะแอก็ดี หะยีบาโดก็ดี 3 คน 2 คนหลุดไป อยู่ที่บางขวาง จำคุก 20 ปี จำคุกมาแล้ว 7 ปี มีนายทหารยศพลโทอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายชายแดนติดต่อกับผม ให้ดาโอ๊ะประกันตัว ผมถามเอาไปทำอะไร เขาบอกว่าเอาไปเจรจาไอ้โจรข้างนอกที่มันทะเลาะทุกวันนี้ ผมบอกว่ามันอยู่ในคุกจะรู้เรื่องได้อย่างไร เขาบอกไม่ได้ มันต้องเอามา เพราะว่าทหารกับตำรวจมันทะเลาะกัน ผมบอกเอามั้ยล่ะ ผมจะทำให้ เรื่องนี้มันประกันตัวไม่ได้ คุณเขียนมาว่าดาโอ๊ะเป็นคนดีของประเทศชาติ  ผมจะได้เอาถวายฎีกาซะ ขณะนี้เชื่อมั้ยว่า ดาโอ๊ะ สะมะแอ ชื่อหอมในบางขวาง  ขาใหญ่เลยครับ มีใครก็ไปพบ นี่คือสิ่งที่เขาจะหลอก

ผมจะพูดถึงคดีเผาโรงเรียนซักนิด  ผมตั้งข้อสังเกตุมาโดยตลอดว่าที่มันเอามา มันเอามาแหกตา มันเอามาเชือดไก่ให้ลิงดู  ในวันที่มีการเผาโรงเรียนเมื่อวันที่ 1 สิงหา ปี 36  จับมาอย่างนี้ 3 คดี โดยมีเหตุการณ์แปลกจากกัน  วิธีการเผา วิธีการเกิดเหตุเหมือนกัน แต่มีคนเห็นต่างกัน 3 เรื่อง 3 รส  หนึ่ง คือการจับกูเฮงมา  บอกว่ามีคนร่วมกับกูเฮงเป็นประจักษ์พยานสำคัญในคดีนั้น บอกว่ากูเฮงมีนามสกุล "กอตอนีลอ" ไปตรงกับนามสกุลของ "ตวนกูบีรอ" (ตวนกูบีรอ กอตอนีลอ ผู้ก่อตั้งขบวนการพูโล) เข้าขบวนการพูโล สอง จับดอฮะ ซึ่งเป็นคนอำเภอสายบุรี เดิมเป็นคนอำเภอมายอ มีพยานว่าดอฮะเป็นคนเผาโรงเรียน หลังจากเผาแล้วมีคนเห็นเชื่อมไปเชื่อมมา บอกว่าดอฮะอยู่บ้านโต๊ะมาลา อ.สายบุรี  ว่าเป็นพรรคพวกกับ "อารีย๊ะ โต๊ะบาลา" อยู่ในขบวนการพูโลใหม่ สืบไปสืบมาไอ้ดอฮะมันคนมายอ  เพิ่งจะมีเมียได้ 3 เดือน แล้วมันจะไปรู้จักอารีย๊ะ โต๊ะบาลาได้ไง สืบไม่ออก

อีกคดีนึง คดีเผาโรงเรียนที่โคกโพธิ์ จับหมัดรูดินกับสะมาแอ ปรากฎว่าในคดีนี้  บอกว่าเห็นสองคนไปดุ่มๆ มองๆ ก่อนเกิดเหตุ แล้วก็มีคนไปเห็นและดักดูแต่ไม่เห็นว่ามันไปทำอะไร คนที่ไปดูกลับมารุ่งเช้ารู้ว่าไฟไหม้ เลยเหมาสองคนนี้ไปเป็นคนเผาโรงเรียน  มันอยู่ในขบวนการใหนรู้มั้ย อยู่ในขบวนการวาฮาบี เพราะว่าทั้งสองคนมันทะเลาะกับอีหม่ามที่นั้น มีเรื่องเกิดเหตุร้องเรียนไปถึงนายกฯว่าไม่ให้ฝังพ่อมัน เพราะไอ้สองคนเป็น"คณะใหม่" ไม่ฟังคุฎบะฮ์ที่สุเหร่าโคกโพธิ์  แต่ไปแอบฟังที่ยะลา ดูซิมันเอาอีหม่ามมาเบิกความแหกตากันได้ นี่คือความเจ็บใจ ในที่สุดกว่าจะผ่านได้ เชื่อมั้ยครับ ติดคุกกัน 3 ปี 4 ปี เราได้อะไรครับ  แต่ไอ้คนชั่วได้ดี ได้พลโท

มีคดีนึง เกี่ยวกับระเบิดซีโฟร์ จับผู้ร้ายอิหร่านเป็นอิหร่านหัวรุนแรง  ติดคุก ศาลชั้นต้นสั่งประหารชีวิต ศาลอุทธรณ์ยืน ศาลฎีกายกฟ้อง นายตำรวจท่านนี้ได้พลโทเหมือนกัน อ่านประวัติในหนังสือพิมพ์มติชน บอกว่าภูมิใจที่สุดเลยได้ทำคดีซีโฟร์ เพราะรักษาบ้านเมืองทำให้ผู้ต้องหาติดคุกตลอดชีวิต นั่นคือขณะที่เขาได้พลโท แต่หลังจากนั้นผมไม่รู้ว่าเขาจะได้พลเอกหรือเปล่านะ  คดีนั้นยกฟ้อง  ผมอยากจะให้เขาคืนบ่าออกมาบ้าง มันโกหกเกินไป

มาพูดถึงทุกวันนี้เลย  คดีที่เกิดขึ้น 4 มกรา (กรณีปล้นปืนที่กองพันทหารพัฒนาที่ 4 ค่ายปิเหล็ง) มันจับคนร้ายไม่ค่อยได้ แปลกใจนะ ตำรวจไทยมันเก่งบรรลัยเลย เชื่อมั้ย มันเชือดคอกันในส้วมที่ประตูน้ำ  เอาไส้มาทิ้งที่คลองตัน  กะโหลกไปทิ้งที่โกลก ซี่โครงไปทิ้งที่เชียงราย สามารถเชื่อมต่อทางวิทยาศาสตร์กันถูกต้อง  นั่นคือความเก่งของตำรวจไทย ทำได้ มีฝีมือ  แต่ถ้าทำเลวระยำก็พังเหมือนกับคดีซาอุฯ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องเปิดเผยไว้เรื่องหนึ่ง  คือความเลวที่ทำไว้แล้วตอบปัญหากับซาอุฯไม่ได้ ไปตอบได้อย่างไร คนไทยนี่ ประเทศไทยโฆษณาว่าเป็นประเทศท่องเที่ยว ไม่ใช่ประเทศสงคราม มีชาวซาอฯ นักธุรกิจมาท่องเที่ยว แสตมป์เข้า แต่ไม่ได้แสตมป์ออก  เราก็ถามว่าหายไปไหน มันเมืองท่องเที่ยวนะ ไม่ใช่เมืองสงคราม ตอบไม่ได้ว่าไปไหน  และผมเข้าใจว่าเมียของนักธุรกิจไปร้องเรียนกับกษัตริย์ว่าผัวเขาตาย จะทำไง จะแต่งงานได้หรือเปล่า จะร้องสาบสูญได้มั้ย  ทางนี้เสือกตอบว่าตาย ออกใบตายมาหน่อยซิ ใครกล้าออกมั้ย ไม่มีใครกล้าออก แต่ซาอุฯ ก็หลอกน่าดูเลย  ถ้าคุณทำได้สำเร็จผมจะให้คนงาน  ความจริงซาอุฯหลอก โจร จะเอาไปทำไม ในมักกะฮ์เขาไม่ใช้แล้ว เขาใช้คนถูกๆ กว่าคนไทยด้วย  นี่คือรัฐบาลก็ดื้อด้านอยากจะแสดงความสามารถ  แต่สิ่งที่มันโกหก มันก็ตอบไม่ได้  และคนที่โกหกทุกวันนี้ก็เป็นนายตำรวจดีๆ

เกี่ยวกับคดีปล้นปืน  ฟังแล้วก็มันน่าเป็นจริง แต่ผมบอกได้ว่า นายกฯรู้ก่อนจะมีการปล้นปืนหลายเดือน  เพราะนางเมกาวาตี นายกฯของอินโดฯ มาพบทักษิณตั้งนานแล้ว  บอกว่าปืนในประเทศเขามาจากเมืองไทย แล้วท่านเคยได้ยินข่าวมั้ย มีการลักลอบนำอาวุธสงครามไปทางสตูล จับคนร้ายไม่ได้เลย ไม่ต่างกับคดีเผาโรงเรียนในปี 36 ท่านเชื่อมั้ยครับ มีหลายคดีที่เป็นฝีมือ อส. (อาสาสมัครรักษาดินแดน) เรื่องเงียบ 

วันนี้ปืนหาย ทหารมีหน้าที่รับผิดชอบแผ่นดินของประเทศไทย ไม่ได้มีหน้าที่อื่นใดสำคัญเลย แล้วก็ให้ปืนมันด้วยเพื่อที่จะรักษา  ปืนที่หายก็ไม่ใช่ว่าเป็นปืนที่ยิงคนหรือมาจ้องอยู่ที่ข้างถนนนะ ถ้าเป็นอย่างนั้น โจรถีบและเอาปืนไปกิน แต่นี่เก็บอยู่ในคลัง มันมีคนเฝ้า มันมีกุญแจ นี่คือสิ่งที่ทำกัน  แต่วันนี้ รู้อยู่แหง๋ๆ แล้ว ไม่มีใครล้วงตับทหารได้หรอกครับ นอกจากทหารนั่นแหละทำกันเอง เพราะเมื่อจะจับทหาร ตำรวจก็จะต้องเป็นคนมีอำนาจ วันนี้ทหารมันใหญ่ ฉวยโอกาสประกาศกฎอัยการศึก  ซึ่งมีความหมายคือ หนึ่ง ให้อำนาจทหารใหญ่กว่าตำรวจและพลเรือนในการปราบปรามอาชญากร สองมีอำนาจตรวจค้น ตรวจยึด ควบคุม ได้ทุกอย่าง ตรวจค้นเวลาไหนก็ได้ ไม่ต้องมีหมาย ไม่ต้องมีคำสั่งศาล สิ่งที่ประชาชนเขาปวดร้าย สามารถกักขังได้ถึง 7 วัน แต่สิทธิที่กฎหมายรัฐธรรมนูญทีเขียนไว้ว่าประเทศไทยมันถึงตรงนี้แล้ว  ในการตรวจค้น ในการยึด ในการจับกุม ต้องมีหมายศาล นอกจากเป็นความผิดซึ่งหน้า  ในการตรวจค้นต้องเป็นเวลากลางวัน เป็นเวลากลางคืนไม่ได้ เว้นแต่มันพ่วงเวลากันต่อไปจนกว่าจะเสร็จ  ในเคหสถานบ้านช่องเรา เข้าไม่ได้ แต่ปรากฎว่าอำนาจของทหารได้หมดเลย เราเห็นมั้ยครับสั่งรถถังวิ่งไปทั่ว เอาไปโชว์เหมือนงานวันเด็ก ไม่พอครับ สั่งจักรยานเร็วเข้าไป ผมถามว่าจะไปยิงใครว่ะ โจรอยู่ที่ไหนว่ะ  เหมือนอย่างที่มันโซร์ (มันโซร์ สาและ ผู้ร่วมอภิปราย) พูด เหมือนกับพฤษภาทมิฬ หรือ เหตุการณ์ 6 ตุลาอย่างงี้ครับ

ผมไปปัตตานีเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เชื่อมั้ยครับ ตั้งแต่หนองจิก มันเป็นบังเกอร์เหมือนในสงคราม  แต่ทหารที่นั่นทำไงครับ เอาผ้าขาวม้าผูกเชือกทำเปลแขวนนอนแกว่ง ผมว่ามันจะตายเหมือนทหารที่ตายในอิรัก  แล้ววันนี้ตอบคำถามหน่อย ที่เข้าไปปราบโจร จับโจร ยิงโจรได้มั้ย  แล้วจะถอนมา กองทัพว่าไง สำเร็จกิจแล้วหรือยัง แล้วที่เสียงบประมาณไปเท่าไหร่ ไปไหน แล้วทหารเอาไปจากไหน  เอาไปจากสุราษฎร์ฯ จากพัทลุง พวกนี้ไม่รู้เรื่อง นี่คือสิ่งที่ปรากฎอยู่ 

ปัญหาขณะนี้เกิดขึ้น ผมเสียดายตรงที่ว่า ในขณะที่ประชาชนถูกทำร้าย ถูกความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น เงียบสงัด ถามว่าตอนนี้ใครเป็นผู้ปกครองของประชาชน เป็นที่พึ่งของประชาชน กลายเป็นโต๊ะอีหม่าม โต๊ะครู เขาไม่ได้เรียนวิชาการเมือง เขาไม่ได้เรียนวิธีการต่อสู้มา แต่เขามีหัวใจความเป็นธรรม ปรากฎว่าบางครั้งแข็ง ก็ถูกตำรวจบีบ ก็ชักเข้าชักออก นี่คือสิ่งที่ปรากฏอยู่  และสิ่งที่ผมทวงถามไปที่ผู้แทนฯ มุสลิม ไม่ว่าเป็น สว.  ผมบอกว่าท่านเป็นตัวแทนของประชาชน อ้างว่าเป็นผู้คุ้มครองดูแล วันนี้หายไปไหน

ผมไม่ได้คุยตะกับโบร (โอ้อวด) นะ วันที่จับสะมะแอ ท่าน้ำ จับ ดาโอ๊ะ ท่าน้ำ เข้ามาในกรุงเทพฯ เชื่อมั้ยครับว่า ในภาคใต้เงียบฉี่เลย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะอีหม่าม ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง จนกระทั่งบาบอ (โต๊ะครู) ท่านนิมุกตาร์ (นิมุกตาร์ วาบา ปัจจุบันเป็น ส.ส.ปัตตานี) ได้ข่าวว่าผมไปเยี่ยมทั้งสองคน เขาบอกเขาดีใจเหลือเกิน มีญาติติดต่ออยากจะไปพบสะมะแอที่กรุงเทพฯ ทำไง ผมบอกว่ามาเลย ที่ไหนก็ได้ ผมจัดการให้ แล้วถ้าไม่ได้ความเป็นธรรม ผมจะชี้แจง ผมจะบอกให้ ท่านบอกว่า ตอนนี้เขาจะให้สมชายเป็นผู้ดูแลปักษ์ใต้แล้ว นี่คือที่ต่างกันเลย ปรากฏว่าผมไปถามผู้แทนผู้แทนนั่งเงียบ แล้วผมบอกได้เลยว่าพี่เด่น (เด่น โต๊ะมีนา) กับดาโต๊ะอูมา (อูมา ตอยิบ อดีต ส.ว.นราธิวาส) กับนัจมุดิน (นัจมุดดิน อูมา ส.ส.นราธิวาส)  เข้ามาฟัง มานัดประชุมกัน มาอธิบายปัญหาภาคใต้ ผมบอกไม่ต้องแล้ว วันนี้ต้องลุยกันแล้ว เอาไงก็เอา

ผมได้มีโอกาสไปพูดเรื่องสิทธิมนุษยชน กับคณะกรรมการสิทธิมนุษยนแห่งชาติ พอดีเป็นเพื่อนกันเมื่อวันศุกร์ที่แล้วที่ มอ.ปัตตานี พูดแล้วบอกแล้วต้องทำอะไร ขณะนี้ที่เขาเดือดร้อนคือการใช้อำนาจอันมิชอบ  แค่ตำรวจอย่างเดียวก็ปวดหัวพออยู่แล้ว เอาทหารเข้ามาอีก ผมบอกเลยว่าผมขอประชามติเลย ล่ารายชื่อห้าหมื่นรายชื่อ ให้ยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกเถอะ  เพราะว่าทางรัฐสภา ทางผู้แทนฯ ต่างๆ ก็ทวงถามนายกฯ นายกฯก็บอกว่าไม่มีความจำเป็น ยังใช้ได้ แถมวันนี้มีข่าวท่านประธานคณะกรรมการอิสลาม บางจังหวัด บอกว่าขอให้กำลังอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่าไปกินหมากอะไรจากทหาร  นี่คือสิ่งที่มันสะเทือนใจ ปรากฎว่าวันนี้มีการประชุมกัน ไม่มีผู้แทนที่กล้าอาสาว่าเป็นผู้แทนจากประชาชนมาฟัง มีท่านเด่น อูมาร์ และนัจมุดิน ผมว่าถ้าหากคุณทำอะไรไม่ได้ คุณจะกลับไปตอบอะไรกับประชาชน ได้อย่างไร  แล้วก็คุณเป็นผู้แทนฯไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ก็หมดโอกาสแล้ว ไม่รุ้ว่าจะไปทำอะไรดี  แต่นัจมุดินบอกว่าอัลฮัมดุลิลลาฮ์ (ขอสรรเสริญต่ออัลลอฮ์) ผมอยู่เอาตัวรอดนี่ก็บุญแล้ว

เชื่อมั้ยครับ  ผู้ต้องหาต่างๆ ที่ถูกจับในภาคใต้ ผมขอร้องทนายความในภาคใต้ ให้เข้าไปฟังหน่อย ไปสอบหน่อย อ้อมแอ้มๆ ผมไม่มีคำตอบ ไอ้ห่า คนมาถึงกรุงเทพผมเข้าไปพบแล้วครับ  ห้าคนที่มากรุงเทพฯ 3 คนเป็นเด็กวัยรุ่นขังอยู่ที่กองปราบ ผมได้ทำหนังสือถึงผู้บังคับการกองปราบเมื่อวานนี้ (26 .. 2547) และได้พบเช้านี้ (27 .. 2547) ไอ้สามคนนี้บอกว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เห็นแล้ว พูดตรงๆ ได้แค่คนกวาดถนนน่ะ ที่มันเอามา ไอ้ตำรวจกองปราบที่มันขังมันยังขำเลย แล้วก็บอกว่ามาฝากขังในข้อหาแบ่งแยกดินแดน เป็นกบฎ เป็นอั่งยี่ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ

เอาคำรับสารภาพที่เป็นข่าวนะ  คนนึงโรยตะปู อีกคนนึงไปเลื่อยต้นไม้ ถามว่าเป็นความผิดกบฏเรื่องอะไร แล้วกบฎครั้งนี้เป็นขบวนการ ขบวนการอะไร ขบวนการพูโล บีอาร์เอ็น แต่ไอ้ขบวนการวันนี้มันคือขบวนการปล้นปืน ไอ้คนปล้นมันเป็นทหาร แล้วไอ้พวกเหล่านี้มันเข้ากันได้ไง ไอ้ทหารมันจะจับโจร แต่ถ้าจะมีความผิด ก็ผิดตรงที่ตัดต้นไม้ ทำลายทรัพย์ของกรมทางหลวง จำคุกไม่กี่เดือนหรอกครับ รับสารภาพได้เลย สอง สร้าง วางสิ่งของอันน่าจะเกิดอันตรายบนทางสาธารณะ อ้าว ! บอกว่าไม่ได้ ไอ้พวกนี้ต้องอยู่ในขบวนการ ถ้าหากว่าไอ้พวกนี้รู้ว่าจะถูกติดคุก 7 พันเอามั้ย  ไม่มีใครโง่   เอาล่ะ ในเรื่องขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำ  ถามว่าคนที่จะไปปล้นทหารมันจะเอาไอ้ขี้ยาอย่างนี้มาร่วมได้มั้ย มันก็วงแตกซิ ข่าวมันแตกแน่นอน

แต่เชื่อมั้ยคนเหล่านี้ เห็นผมดีใจ ร้องไห้ ร้องไห้เลยครับ มันบอกว่ามันรับสารภาพ  มันไม่รู้เรื่อง มันไม่ได้อยู่บ้านด้วย และผมก็ได้สอบข้อเท็จจริง

วัยรุ่น 20 -21 ปี 3 คน  แต่ผู้ใหญ่มี 54 คนนึง และ 43 คนอีกคนนึง ขังอยู่ที่เรือนจำตำรวจนครบาลบางเขน ที่อ้างว่าเป็นหัวหน้า  มันบอกว่ามันถูกซ้อม  เยี่ยวใส่ปากมัน  ให้มันนอนแล้วเยี่ยวใส่ แล้วเอาตีน ขอโทษนะ มันเอาตีนลูบหน้า นี่คือทำกับผมครับ มันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเลย  ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้โจรขนาดนี้มันถอดหัวใจไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ได้รับ

ผมอยากจะฝากถึงรัฐมนตรีมหาดไทยด้วยนะ  ท่าน อยู่ข้างหลังนี่  ผมบอกเลย ผมเคารพท่านอาจารย์วันนอร์ (วันมูหะมัดนอร์ มะทา) นะ แต่ว่าอย่าไปฟังเขาว่ารับสารภาพ  ถ้าเป็นผมนะ ผมจะไปสอบจริงๆ เลย ไม่ต้องบอกใคร บอกอาจารย์วันนอร์ติดต่อผมก็ได้ ผมติดต่อกองปราบ ไปด่วนเลย  เอามั้ย  แล้วพูดยาวีให้มันฟัง  มันจะได้พูดเยอะๆ ว่าไอ้คนเหล่านี้มันทำอะไรมัน นี่คือสิ่งที่เราได้รับ เชื่อมั้ยครับ ผมไปคนเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไร ตำรวจบอกโอ้โหมันอยู่กันลำบาก อะไรต่ออะไร ไม่มีใครช่วยเหลือมัน พวกผมไปกันสี่ห้าคนต้องควักกระเป๋าทำบุญคนละห้าร้อย ก็สงสารกับมันน่ะ ญาติมันก็ไม่มี ทำไมพี่น้องเราถึงต้องถูกกลั่นแกล้ง ถูกรังแกกันอย่างนี้  ผมจะยื่นคำร้องเรื่องนี้ต่อศาล  เพราะถ้าหากว่าไม่ทำแล้ว มันจะเป็นสูตรสำเร็จ  อ้าว คุณไปรับสารภาพไว้ คุณไปทำแผนไว้ เรียบร้อยเลยครับ แล้วยากที่จะสู้  แต่ว่าคดีเผาโรงเรียนมันดีอย่าง  มันปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น ถึงจะแกล้งมันยังไงมันก็สู้

จะหาว่าผมเข้าข้างคนร้ายหรือเปล่า ผมว่าความนี่ ผมควักกระเป๋านะครับ ผมไม่ได้ค่าจ้างจากมันนะ แต่ผมนอนไม่หลับเพราะพี่น้องผมถูกรังแก  ผมบอกว่าบอกกับผมนะว่าคุณทำจริงหรือไม่จริง วัลลอฮิ(สาบานต่ออัลลอฮ์)นะ  มันบอกวัลลอฮิ ผมไม่ได้ทำ ผมถูกแกล้ง นี่คือผมอยากจะให้พี่น้องได้ยิน  แต่ว่าพี่น้องเราเป็นเหยื่อตลอด คนชั่วได้ดีเพราะว่าฆ่าพี่น้องมุสลิม  แล้วผมก็บอกเลยว่าต่อไปนี้  ผมส่งนามบัตรให้เลย ใครจะสอบสวนมาหาทนายนี่ อย่าไปให้กัน พอแล้ว วันนี้ผมบอกคุณถูกรังแกที่ไหน บอกถูกกระทืบถูกทำร้ายที่ตันหยง  ปรากฎว่าเขาได้พบกับผม เขาดีใจ เขาบอกเขาไม่กลัวใครแล้ว มันจะแกล้งยังไงให้ตายที่นี่ เหมือนอย่างที่เป็นข่าวบอก  มันบอกฆ่ามันให้ตายมันก็ไม่พูด มันไม่ได้เป็น มันไม่รู้เรื่อง สิ่งเหล่านี้เหมือนเดิม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องการใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจตามอำเภอใจ อันนั้นเป็นหน้าที่ที่ผมจะช่วยแก้ไข ช่วยเหลือเขา อินชาอัลลอฮ์ (หากอัลลอฮ์จะประสงค์) สำเร็จแค่ไหน วัลลอฮุอะลัม (อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้)

ผมทำได้แค่ไหน มันก็มีขีดจำกัด ผมไม่ได้เก่ง อัลลอฮ์เท่านั้นที่จะให้เขา วันนี้เข้ามาอีกหนึ่งแล้ว เมื่อตอนบ่ายมานี่ มีการจับที่ยะลา ประชาชนล้อมที่ยะลา มานี่แล้วครับ เพราะมากรุงเทพฯ มันเชือดไก่ให้ลิงดู แล้วข่าวทั้งหมด  ภูมิใจ  ท่านวันนอร์ภูมิใจจับคนร้ายได้จริง  ผมว่าไม่น่าเลย เหมือนกับเจไอ  ไปบอกว่ารับสารภาพ ผมไปฟังมาแล้ว ผมบอกว่า เอ้ อาจารย์วันนอร์ไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวน  ผมฟังจากปากมันแล้วไปฟังจากคนอื่นได้ไง  ท่านบอกว่าท่านฟังจากตำรวจ มันก็หมดท่า

ผมฝากเลยนะครับ อาจารย์วันนอร์ไปกับผมเถอะ ผมบอกพวกผู้แทนฯทั้งหมดเลย ไปกับผมได้มั้ย ไปด่วนเลย อย่าไปบอกให้เจ้าหน้าที่มาจับ  ไปกองปราบกับผมเลย  ผมใช้อำนาจทนายความเข้าพบแป๊บเดียว  ยิ่งมีรัฐมนตรีมาผมจะได้เบ่งในกองปราบได้บ้าง  แล้วอาจารย์วันนอร์จะได้พูดได้ว่า เอ้  ที่ผมทราบมาไม่ใช่อย่างนี้ก็พอแล้ว  ไม่ต้องไปบอกเขาอย่างอื่นก็ได้ นี่คือสิ่งที่เราต้องต่อสู้ในเรื่องเหล่านี้ อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ก็อย่างที่ผมรับปาก 

แต่เรื่องทางใต้ ผมบอกไม่ได้ ผมไม่มีทุน ไม่มีความสามารถ ที่จะไปสู้กับมัน เชื่อมั้ยครับ ผมเดินทางจะไปสู้กับไอ้พวกเหล่านี้ เป็นเวลา 5 - 6 ปี ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีรายได้หรือค่าจ้าง  ผมก็นั่งเครื่องบินไปสู้กับพวกอธรรมเหมือนกัน  สู้กันจนตลอด  อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮ์ มีคนช่วยค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการทำ  ด้วยความชูโกร(ความเมตตา) ของอัลลอฮ์ทั้งนั้น แต่กว่าจะจบได้ก็หลายปีเหมือนกัน

กูเฮงติดคุก  มาที่กรุงเทพฯ คนมองเหมือนกับเลวสิ้นดี  โจร โจรปักษ์ใต้ ไอ้ทรยศต่อแผ่นดิน ผมเป็นทนายของคดีวางระเบิดซีโฟร์ มีชาวบ้านมีตำรวจมาเต็มเลย ด่าผม บอกว่าไอ้ทนายชั่ว ช่วยโจรที่ทำลายประเทศไทย มึงได้ค่าจ้างเท่าไหร่  กูจะจ่ายให้ ผมจำจนบัดนี้ ผมบอกว่าผมไม่ได้ค่าจ้างนะ แต่เสือกไป ไอ้ที่มาผมไม่รู้จักหรอก ผมเสือก เขียนไปว่าผมรับติดต่อจากญาติ เชื่อมั้ย คนที่ติดต่อหาผม  เป็นนักข่าว เล่าให้ผมฟังว่า พี่ลองดูซิที่มันขึ้นไปกรุงเทพฯ บ้านมันผมไปดูแล้วเป็นกระต๊อบเล็กๆ หลังเขา มันมีปัญญาที่ไหนจะไปก่อการคิดกบฏต่อแผ่นดิน นี่นักข่าวขอร้องผม บอกข้อมูลผม ผมไปทันที มันก็ตกใจ พวกเหล่านี้ก็ตกใจ  มาได้ไง ผมแนะนำตัวเองผมเป็นทนายความ ชมรมนักกฎหมายมุสลิม ผมก็พาไปสี่ห้าคน  มีคนพูดยาวีได้  ก็พูดยาวีเลย แต่ผมไปตำรวจหลายคนก็เกรงใจผม  ไม่ได้ตะกับโบร(โอ้อวด) นะครับ แต่หลายคนรู้จักยี่ห้อผม และเขาก็ให้เกียรติ  นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ  และเขาก็รู้ว่าเราเข้าไปทำอะไร เราให้ความเป็นธรรม จะผิดจะถูก ว่ากันที่ศาล ผิดติดคุกเลยครับ แต่ไอ้คนที่ไม่ผิดแต่ติดคุกก็แยะนะครับ

เพราะฉะนั้น สิ่งที่อธรรมทั้งหลายเขาทำได้ทั้งหมด  เครื่องมือเครื่องไม้ อำนาจรัฐ รวมทั้งพวกเราที่เป็นเหยื่อให้เขา  แล้วคนที่จะเป็นพยานคือมุสลิมนี่แหละครับ แล้วมุสลิมพวกนี้ไม่มีอะไรมากล่ะครับ เหล้าคนละขวดก็เมาแล้ว เราก็ไม่รู้จะไปด่าใคร  เพราะฉะนั้นผมขอฝาก  ฝากคนที่มีอำนาจใหญ่กว่าผม ฝากคนที่บอกว่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชน ดูแลเขาหน่อยได้มั้ย วันนี้ผมมีความตั้งใจเลยว่า อยากจะให้พี่น้องมีความรู้สึกเจ็บช้ำต่อการที่รัฐใช้อำนาจไม่เป็นธรรมต่อประชาชน  ขอให้ลงชื่อ 5 หมื่นรายชื่อ ไปยื่นต่อประธานรัฐสภา ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ เกี่ยวกับการที่รัฐใช้อำนาจไม่ถูก  ความเสียสละตรงนี้ นิดเดียว ไม่มากเลย  ถ้าหากว่าท่านมีแบบฟอร์ม เขียนไป ช่วยกันถ่ายเอกสาร  ออกกันคนละบาทสองบาทเท่านั้นแหละครับ แต่ความสำนึกกันวันนี้  ถ้าหากเรารวมได้  เราจะมีเครื่องมือ มีพลัง ที่จะต่อต้านการกระทำบางอย่างของรัฐที่ละเมิดสิทธิของพวกเรา เป็นต้นว่า ขณะนี้มีงบประมาณหลายพันล้านที่จะลงไปภาคใต้ จะไปพัฒนาท่องเที่ยว อัลลอฮูอักบัร (อัลลอฮ์ผู้ยิ่งใหญ่)  การท่องเที่ยวก็คือซ่อง ขายเหล้า ขายคาราโอเกะ เอาไปก็พัง เหมือนกับเพชรบุรีตัดใหม่ที่พี่น้องมุสลิมเราพังไปแล้ว  เอามั้ย ความเจริญบางอย่าง บ้านผมอยู่ที่หนองจอก เลิกทำนา มันซื้อที่นาหมด เป็นที่เจ๊ก มันจัดสรรกันหมดแล้ว เชื่อมั้ย ในมัสยิดบางมัสยิด กรรมการมัสยิดเลือกไม่ได้ มันมีแต่ไอ้พวกที่วากัฟ นี่คือสิ่งที่มันเปลี่ยน ทำให้วัฒนธรรมกระจายหมด เพราะฉะนั้น ด้วยความสำนึกของพวกเราที่จะช่วยเหลือกันได้  ถ้าหากจะช่วยกันทำงานในเรื่องสิทธิในบ้านเมือง นอกจากดุอาอ์ (การขอพร) แล้ว  ลงชื่อกัน รณรงค์

วันนี้ผมไปพูดที่สภาผู้แทน ท่านเด่นพร้อมที่จะรณรงค์ เพื่อที่จะนำมาคัดค้านการใช้อำนาจของรัฐบาล ที่เป็นอธรรมต่อพี่น้องมุสลิมครับ