Skip to main content


 

 

เหตุการณ์ความไม่สงบของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงวันที่ 1 – 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเดือนรอมฎอนของชาวไทยมุสลิม ทั้งยังมีกระแสการเจรจากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่ทางผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องหลายๆ ฝ่ายได้ให้สัมภาษณ์ จนหลายๆคนรู้สึกว่าใน ช่วง 15 วันแรกของเดือน เหตุการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มลดลง

 

แต่ในความเป็นจริงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกลักษณะการก่อเหตุที่เคยเกิด ขึ้น ทั้ง ลอบยิง วางเพลิง และลอบวางระเบิด โดยเฉพาะเหตุการณ์ลอบยิงที่เป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าสมาชิกในครอบครัวและทำให้สมาชิกในครอบครัวได้รับบาดเจ็บไปด้วย

 

เริ่มเหตุการณ์ความรุนแรงของเดือนตุลาคม เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ต.ค.49 เวลา 18.00 น. คนร้ายเป็นชายวัยรุ่นจำนวน 4 คน ขี่รถจยย.ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 11 หมู่ 8 บ.ลือมุ ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ของส.ต.อ.เกียรติภูมิ สาหะ  อายุ 33 ปี ตำรวจสภ.อ.กรงปินัง จ.ยะลา ซึ่งกำลังล้างรถยนต์ส่วนตัวอยู่ที่หน้าบ้านดังกล่าวโดยมีบุตรสาวนั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ คนร้ายจึงชักอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบยิงส.ต.อ.เกียรติศักดิ์ เสียชีวิตและกระสุนยังได้พลาดไปโดน ดญ.ฟิรดาว สาหะ อายุ 4 ปี บุตรสาวของ ส.ต.อ.เกียรติภูมิ ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้าขวา 1 นัด อาการสาหัสจากนั้นคนร้ายจึงได้หลบหนีไป

 

เหตุการณ์ลอบยิงเจ้าหน้าที่รัฐอีกเหตุการณ์ในช่วงเย็นของวันที่ 3 ต.ค.ขณะที่ ส.ต.ท.หญิง ศิริพร สังฆะหะรัตน์ อายุ 33 ปี   ตชด.โรงเรียนนิคมพิทักษ์ราษฎร์ บ.บาตูปูเต๊ะ ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา ไปรับบุตรชาย ด.ช.ศักดิ์นรินทร์ สังฆะหะรัตน์  อายุ 13 ปี ที่โรงเรียนธารโตวัฒนวิทย์ในตัวอำเภอธารโต เพื่อเดินทางกลับบ้าน 

 

ในขณะที่ขี่จยย.โดยมีบุตรชายเป็นผู้ขี่ มาถึงที่เกิดเหตุที่หมู่ 1ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา  คนร้ายจำนวน 2 คน ขี่จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ ตามประกบที่ด้านหลังพร้อมชักอาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดยิงใส่จากทางด้านหลังจำนวน1 นัด กระสุนเข้าที่ต้นแขนขวาของ ส.ต.ท.หญิง ศิริพร แล้วทะลุไปเข้าที่กลางหลังของ ด.ช.ศักดิ์นรินทร์จนได้รับบาดเจ็บทั้งสองคน จากนั้นคนร้ายก็ได้หลบหนีไป

 

นอกจากนี้การใช้รูปแบบของการก่อเหตุความรุนแรงในลักษณะการฆ่าตัดหัว ได้เกิดขึ้นกับคนงานชาวพม่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 ต.ค.เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณถนนสายลูกรังสายบ้านควนคูหา – บ้านเกาะหม้อแกง ม.1 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี  พบศพนายยาวไม่ทราบนามสกุลอายุ 45 ปี สัญชาติพม่า ลูกจ้างเฝ้าบ่อกุ้งสภาพสยองถูกตัดศรีษะหายไปมีเพียงร่างกาย สภาพศพถูกยิงที่ลำตัว 4 นัด ส่วนศรีษะถูกคนร้ายตัดพาหลบหนีไปด้วย ตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานใด ๆ

 

จากการสอบสวนว่า นายยาว ไม่ทราบนามสกุลอายุ 45 ปี สัญชาติพม่าเป็นคนงานบ่อกุ้งอยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 400 เมตร ก่อนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายขับรถ จยย. ออกจากบ่อกุ้งเพื่อไปรับ นส.เมร์  อายุ 16 ปี ลูกสาวที่ทำงานโรงงานในตัวเมืองปัตตานี ปรากฏว่าระหว่างขับรถ จยย.กลับมาบ่อกุ้งถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 3 คนมีอาวุธมีด สปาร์ต้าและอาวุธปืนสั้นยืนขวางถนน นายยาวพยายามเลี้ยวรถจยย.กลับเพื่อหลบหนี ปรากฏว่าคนร้ายได้วิ่งไล่และจับผู้ตายลากลงจากรถ จยย.ไปริมถนน ส่วนลูกสาวที่นั่งซ้อนท้ายก็ถูกคนร้ายลากไปคนละทางและปิดตาลูกสาว คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงและใช้มีดตัดศีรษะผู้ตายจากนั้นหลบหนีเข้าป่าพร้อมศีรษะผู้ตายไปด้วย

 

จนในเช้าวันถัดมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.หนองจิกได้รับแจ้งว่า พบศีรษะของนายยาว ที่บริเวณริมถนนสายบ้านแคนา-บ้านตันหยงเปาว์ ม. 7 ต.บางเขา อ.หนองจิก จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ  เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุห่างจากศีรษะมนุษย์ ประมาณ 6 เมตร ได้เกิดระเบิดขึ้นโดยคนร้ายได้วางระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยสายไฟเพื่อลอบสังหารเจ้าหน้าที่ แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากนั่งอยู่ในรถหุ้มเกราะ ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปคนร้าย

 

สำหรับภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 1-15 ต.ค. มีทั้งหมด  42  เหตุการณ์ เกิดเหตุการณ์มากที่สุดที่จังหวัดปัตตานี จำนวน 17 เหตุการณ์   รองลงมาเป็นจังหวัดนราธิวาส  จำนวน    16 เหตุการณ์ จังหวัดยะลา จำนวน 9 เหตุการณ์และสงขลาในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ไม่มีเหตุการณ์แต่อย่างใด 

 

ส่วนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มีทั้งหมด 22 ราย เป็น ประชาชนทั้ง 18 ราย  เจ้าหน้าที่ของรัฐ 4 ราย  ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีทั้งหมด 14 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 5 ราย ประชาชน 9 ราย

 

สรุปภาพรวมของจำนวนเหตุการณ์ จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ของครึ่งแรกเดือนตุลาคมเปรียบเทียบกับช่วง 15 วันหลังของเดือนกันยายน จำนวนเหตุการณ์และจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ลดลง เพียงเล็กน้อย