Skip to main content

 

การดิ้นรนของพันธมิตรฝ่ายวะสะฏีย์

 

 

จากภาพ เป็นค่ำคืนก่อรัฐประหาร ออรดูฆอนกำลังนำละหมาดศุบฮฺ ในวอร์รูมที่ต่อต้านการรัฐประหาร ... ค่ำคืนที่ต่อไป คงต้องบันทึกไว้ในจุดพลิกผันสำคัญของประชาชาติมุสลิม

มันไม่ใช่แค่การต่อสู้ของออรดูฆอน หรือแค่การดิ้นรนอยู่ของพรรคยุติธรรมและการพัฒนาของเขา นั่นน่าสนใจอยู่ แต่ที่มากกว่านั้นมันคือการดิ้นรนเพื่อบำบัดความสิ้นหวังของพันธมิตรฝ่ายวะสะฏีย์(กระแสเคลื่อนไหวอิสลามแบบสายกลาง) ที่มิตรสหายของตนพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่าในอิยิปต์(มุรสีย์และภราดรภาพมุสลิม)ให้แก่คณะรัฐประหารที่ได้แรงหนุนจากกลุ่มแนวศาสนาอนุรักษ์ที่หนุนอำนาจนิยมในหลายประเทศ รวมทั้งการมีปัญหาอย่างมากในตูนีเซีย มอร็อคโค อินโดนิเซีย แม้แต่หะมาสพันธมิตรแนบแน่นในกาซ่า และที่อื่นๆ ...

วิกฤติมาถึงจุดที่แทบจะสิ้นหวัง หลังจากการทะยานขึ้นมาของดาอิช(ไอสิส) ซึ่งเป็นสายสุดขั้ว ที่กลายเป็นปฏิปักษ์กับพันธมิตรแห่งวะสะฏีย์ ... ดาอิชชได้ตักฟีร(ประกาศการสิ้นสภาพจากอิสลาม)ให้กับสายวะสะฏีย์ ทั้งตัวขบวนการและตัวบุคคลจำนวนมาก ... จนคาดกันว่า การขึ้นของดาอิช คือจุดจบของกระแสวะสะฏีย์

นี่จึงไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างฝ่ายอิสลามกับมหาอำนาจของโลก แต่ยังเป็นการขับเคี่ยวระหว่างฝ่ายอิสลามกันเอง นี่เป็นภาวะหลังผิงฝาของฝ่ายวะสะฏีย์ และยังอยู่ในสภาพบาดเจ็บ บอบช้ำ จากการถูกทรยศหักหลังมาอย่างต่อเนื่อง

ค่ำคืนแห่งการรัฐประหารนั้น คาดเดาไม่ยากว่า ฝ่ายอิสลามต่างๆ ยืนละหมาดกันในแบบไหน? ... แน่นอนสำหรับพันธมิตรแห่งวะสะฏีย์ พวกเขากำลังยกมือวิงวอนอย่างผู้ต้องการความหวัง

‪#‎วะสะฏีย์ ไม่ใช่มัซฮับหรือสำนักคิด แต่เป็นการประกาศออกมาในเชิงทฤษฏีว่า ธรรมชาติของอิสลามนั้นมีการจัดวาง และเป็นการจัดวางอย่างดุลยภาพ เป็นธรรมชาติแห่งสายกลางที่แท้จริง เป็นอิสลามแบบดั้งเดิม (นี่เป็นสิ่งที่ผู้เสนอทฤษฏีวะสะฏีย์ในเวทีต่างๆ มากมายยืนยัน)

กระแสวะสะฏีย์ เคลื่อนอยู่ในงานวิชาการอยู่หลายปี จนแพร่หลายอย่างกว้างขวาง เพื่อบอกว่า วะสะฏีย์เป็นกระแสหลักของอิสลามในตลอดพันปีที่ผ่านมา มันคือการจัดวางอิสลามให้สมดุล ผ่านการอิจญติฮาด(การตึความ)ของผู้ชำนาญการในนิติธรรมอิสลาม

ยังเป็นการนำเสนออีกว่า ตัวชะรีอะฮฺ ไม่ใช่กฎหมายอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่มีความหมายทางภาษาว่ามันคือ "หนทางที่นำไปสู่ตาน้ำพุ" ซึ่งต้องอาศัยการทำงานของ "เจตนารมณ์"(มะกอศิด) อันเป็นเสมือนจิตวิญญาณของชะรีอะฮฺ... กระแสวะสะฏีย์ จึงนำเสนอเจตนารมณ์ของชะรีอะฮฺออกมาอย่างกว้างขวาง

ความเข้าใจชะรีอะฮฺของพวกเขาจึงดำรงอยู่บนการอิจญติฮาดที่เป็นไปในบริบทใหม่ๆ ดั่งการที่วันหนึ่งมุสลิมต้องตกอยู่ภายใต้ดินแดนที่ดวงอาทิตย์ไม่ตกดิน วันเวลาไม่ได้เป็นแบบที่เคยเห็น มีแต่ภาวะกลางวัน พวกเขาจะต้องตีความ "เวลา" ในการละหมาดและถือศีลอดใหม่หมด ไม่เช่นนั้นนิติธรรมของพวกเขาไม่อาจปฏิบัติจริงได้ ... เช่นเดียวกันในทางการเมือง มุสลิมก็อยู่ในวันเวลาที่ไม่เหมือนเดิม เป็นภาวะที่มีแต่กลางคืน กลางวันหายไปนานแล้ว

ผู้ที่ถูกยกขึ้นเป็น "อิหม่าม" แห่งทฤษฏีวะสะฏีย์ คือ ชัยคฺ ดร.ยูสุฟ อัลเกาะเราะฎอวีย์ ได้ให้เครดิตว่า อุละมาอ์ที่ดึงขบวนการอิสลามมาสู่กระแสแห่งวะสะฏีย์ คือมุฮัมมัด ฆอซาลีย์ , สัยยิด สาบิก (เจ้าของหนังสือฟิกฮสุนนะฮฺ) และเมาลานา อบุล หะสัน อันนัดวีย์ ซึ่งได้ทำงานอย่างจริงจังและอุทิศตนให้กับทฤษฏีวะสะฏีย์ในปลายศตวรรษที่แล้ว เป็นผลให้ขบวนการอิสลามจำนวนมากเดินเข้าสู่กระแสนี้

ความพยายามในการโค่นอำนาจพรรคยุติธรรมและพัฒนา(ที่มากกว่าตัวออรดูฆอน)ออกจากการเมืองของตุรกี เป็นความพยายามในการดับฐานใหญ่ที่สุดของกระแสวะสะฏีย์ ... นี่เป็นการแลกที่เสี่ยงมาก เพราะสำหรับพันธมิตรแห่งวะสะฏีย์ พวกเขาไม่อาจยินยอมได้เลย และต้องการแสดงให้เห็นว่า การล้มลงแบบอิยิปต์นั้นไม่เป็นจริงเสมอไปในที่อื่นๆ ... พันธมิตรแห่งวะสะฏีย์ต้องการแสดงให้กลุ่มคนและกลุ่มประเทศที่อยู่เบื้องหลังเห็นว่า ตัวพวกเขาคือความหวังที่แท้จริง มิใช่ทั้งกลุ่มอิสลามสุดขั้ว (อย่างดาอิชและกลุ่มอื่นๆ ) และไม่ใช่ทั้งพวกเซ็คคิวลาร์สุดโต่ง

(สำรวจอารมณ์ของพันธมิตรวะสะฏีย์ ได้ผ่านสมาพันธ์อุละมาอ์ฯ และขบวนการอิสลามที่พาดผ่านมอร็อคโคถึงอินโดนีเซียได้ ซึ่งจะกล่าวไปแล้ว กระแสวะสะฏีย์ยังคงฝังรากลึกและกว้างขวางไปทั่วโลก เพียงแต่พวกเขาขัดแย้งกันเองในวิธีการบางอย่าง และติดกับดักอาหรับสปริง รวมทั้งการเสียความมั่นใจ ตลอดจนถึงการเข้ามาของดาอิช)

‪#‎การสร้างโลกที่สิ้นหวัง เป็นงานของมารร้าย ... สำหรับพันธมิตรแห่งวะสะฏีย์ พวกเขาไม่ได้สนใจต่อความเป็นออรดูฆอน มากไปกว่า การต่อสู้เพื่อรักษาความหวังในฐานสุดท้ายเอาไว้

การหาทางดับความหวังลงไปของกระแสวะสะฏีย์ และปล่อยให้แนวดาอิชขยายตัวขึ้นมาครองโลกอิสลาม ดูเหมือนจะเป็นวิธีการตอบโต้การขึ้นมาของพันธมิตรแห่งวะสะฏีย์ที่ได้ผลดีที่สุด และเมื่อจังหวะที่เหมะสมมาถึงก็จำเป็นต้องกระทำ ... แต่ลืมตระหนักไปว่า เสือที่บาดเจ็บสาหัสก็สู้สุดชีวิตเช่นเดียวกัน

‪#‎ปฏิบัติการดับความหวัง