Skip to main content

ใครคือ ดร.ซากิร ไนก์ และเขามีแนวทางอย่างไร? ตอนที่ 1 ชีวประวัติ ดร.ซากิร ไนก์ และ เชคอะห์หมัด ดีดาต

 

เขียนโดย Iskandar Bin Mustafa

 

ดร.ซากิร ไนก์

การ อิจติฮาดของมุจตาฮิดคนหนึ่งคนที่เหมาะสมในการตัรญิห์ นำ้หนักของหลักฐาน ต่อทัศนะของมุจตะฮิดควรจะเป็นคนที่อยู่ในระดับมุจตะฮิดด้วยกันหรือสูงกว่าถือว่าเป็นการเหมาะสม ด้วยแนวทางเดียวกันผมก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นคนวิพากษ์วิจารณ์ดร.ซากิร ไนก์ แต่ในกรณีนี้ ดร.ซากิร ไนก์ ไม่ได้เป็นมุจตาฮิดแต่ท่านเป็นนักเผยแพร่ศาสนาคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังถือว่าเป็นผู้รู้คนสำคัญที่มีอิทธิพลในยุคสมัยนี้ ที่ทุกคนได้ติดตามเพื่อรับความรู้จากเขา จึงขอนำเสนอทำความรูจัก ดร.ซากิรไนก์ ในอีกมุมมองหนึ่งที่หลายๆคนที่เป็นแฟนท่านอาจจะไม่ค่อยชอบการนำเสนอของผม จะอย่างไรก็ตามต่อให้ผมไม่นำเสนอเรื่องราวเหล่านี้สำหรับคนที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับท่านก็จะพบข้อมูลเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดร.ซากิรไนค์ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำงานดะวะห์ น้อยคนนักที่อยู่ในวงการศาสนาจะไม่รู้จักท่าน ท่านเป็นที่ชื่นชอบของคนหลายๆคนทั้งชาวมุสลิมและต่างศาสนิก รวมทั้งผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ติดตามการบรรยายของท่านและชื่นชอบในความสามารถ แต่การชื่นชอบท่านไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องมีอากีดะห์หรือความเข้าใจฮุกมในด้านฟิกฮ์เหมือนท่านทั้งหมด เช่นเดียวกับท่านที่เรียนรู้จาก ท่าน เชค อะห์หมัด ดีดาต แต่ท่านก็ไม่ได้ตามเชคอะห์หมัด ดีดาต ทั้งหมดในด้านอากีดะห์และตาเซาวุฟ แต่รับมาเฉพาะด้านศาสนาเปรียบเทียบ ทักษะการตอบคำถามคนต่างศาสนิก การดีเบต การแสดงหลักฐานในอัลกุรอานตามวิทยาศาสตร์และอื่นๆ ดังนั้นการที่เราไม่เห็นด้วยในบางประเด็นของท่านไม่ได้หมายถึงว่าเราไม่ชอบท่าน

ความรู้ของอัลลอฮมากมายมหาศาลนัก ดังนั้นต่อให้ดร.ซากิร ไนก์ เก่งแค่ใหน ก็ยังมีหลายอย่างที่ดูเหมือนกับเป็นสิ่งที่อูลามาอ์ กังวลเกี่ยวกับความรู้ที่เขาได้เผยแพร่โดยเฉพาะในด้านฟิกฮ์และอากีดะห์ ก่อนที่จะลงประเด็นเรื่องนี้ขอทำความรู้จักท่านคร่าวๆว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร

 

ดร.ซากิร ไนก์ คือใคร ?

ดร.ซากิร การิม ไนก์ หรือรู้จักในชื่อ ดร.ซากิร ไนก์ ท่านเกิดที่ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 1965 ส่วนเรื่องการศึกษาท่านเรียนแพทย์ที่รัฐมุมไบ ประเทศอินเดีย ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังและได้ชื่อว่าเป็น อูลามาอ์หรือผู้รู้ที่สำคัญท่าหนึ่ง ที่เป็นนักดาอีย์ที่มีชื่อเสียง เป็นชาวอินเดียที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นผู้มีอิทธิลำดับที่ 82 ใน 100 คน ชาวอินเดียที่ถูกจัดลำดับโดย อินเดียน อิกเพรส เมื่อปี 2009 อันดับที่ 89 ในปี 2010 และถูกจัดอันดับที่ 70 ใน 500 คน ที่มีการจัดอันดับมุสลิมที่มีอิทธิพลในโลก จัดอันดับโดย มหาวิทยาลัย Georgetown , สหรัฐอเมริกา ในปี 2011, 2012, 2013/14และ 2014/15 และยังมีประวัติได้รับรางวัลมากมายบ่งบอกถึงความสำเร็จในการทำงานดะวะห์ของท่าน

ดร. ซากิร ไนก์ มีความสามารถเชี่ยวชาญด้านศาสนาเปรียบเทียบ แต่ท่านก็หลีกเลียงที่จะไม่เผชิญหน้ากับคำถามในด้านฟิกฮ์และอากีดะห์ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่ต้องทำให้ท่านต้องแสดงทัศนะ หรือฟัตวา เกี่ยวกับปัญหาด้านศาสนาซึ่งอูลามาอ์ส่วนใหญ่มองว่านั้นไม่ใช่ด้านที่เขาเชี่ยวชาญ ทำให้หลายๆครั้งเราจะเห็นการแสดงทัศนะของเขาค่อนข้างจะไม่เป็นที่ยอมรับของเหล่าบรรดาปราชญ์อิสลามส่วนใหญ่เท่าไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทัศนะของเขาที่มีต่อ มัสฮับ ต่ออีหม่ามมัสฮับ เรื่องฟิกฮ์ตัฟซิรและเกี่ยวกับความรู้ด้านฮะดิษ

เมื่อได้ชื่อว่าเป็นอูลามาอ์ เป็นนักเผยแพร่ศาสนา จึงมีคำถามที่ตามมาคือเกี่ยวกับประวัติการศึกษาของท่าน ว่าท่านเรียนรู้ศาสนาที่ใหนกับใคร เพราะไม่เคยมีการกล่าวถึงจากบรรดาอูลามาอ์และยังไม่มีสถาบันใหนที่ออกมายอมรับว่าท่านได้จบการศึกษาศาสนามาจากสถาบันของตน ไม่สามารถหาได้ในเว็บไซต์ ไม่ว่าเว็บไซต์ของมูลนิธิ IRF เอง ลองสืบค้นในชีวประวัติของเขาก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงว่าท่านได้เจบการศึกษาศาสนามาจากทีใหนหรือท่านเป็นศิษย์ของใคร

ดังนั้นในส่วนของประวัติการศึกษาจึงไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าท่านได้เรียนอัลกุรอาน เรียนตัฟซิรฮาดิษ ฟิกฮ์ ชารีอะห์ ภาษาอาหรับ และความรู้อื่นๆ เกี่ยวกับศาสนาจากใครหรือที่ใหน ซึ่งอยู่ๆท่านก็กลายเป็นอูลามาอ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้ที่มีความรู้และขึ้นชื่อว่าท่านมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอิสลาม เข้าใจตัฟซิร เข้าใจฮะดิษ เข้าใจชารีอะห์ เข้าใจฟิกฮ์และอื่นๆ เท่าที่ได้ติดตามฟังท่านในยูทูบท่านได้ยอมรับว่าท่านคือลูกศิษย์ของ เชคอะห์หมัด ดีดาต รฮ. คลิ๊กอ่านประวัติเพิ่มเติมของดร.ซากิร ไนก์ ข้อมูลจากเว็บไซต์ IRF (Download ebook PDF Dr Zakir Naik, A Brief Profile dari IRF.net)

ดร.ซากิร ไนก์ ได้กล่าวในการบรรยายในยูทูบ ว่าท่านได้รับแรงบันดาลใจจาก เชคอะห์หมัด ดีดาต รฮ. ตอนสมัยหนุ่มๆที่ท่านกำลังเป็นนักศึกษาแพทย์ แล้วบุคคลที่ชื่อ เชคอะห์หมัด ดีดาต ท่านนี้คือใคร ทำไมถึงมีอิทธิพลกับชายหนุ่มที่ชื่อ ซากิร ไนก์ ผู้ที่แพทย์เป็นอัฉริยะท่านนี้ ?

 

เชคอะห์หมัด ดีดาต

เชคอะห์หมัด ดีดาต เป็นอูลามาอ์ อะห์ลุลซุนนะห์ วัลยามาอะห์ จาก แอฟริกาใต้ (ค.ศ.1918-2005) ท่านเป็นคนธรรมดา มีชีวิตที่สมถะ เกิดที่ประเทศคนอินเดียเรียนหนังสือจบชั้น 6 จากนั้นท่านจำเป็นต้องออกกจากโรงเรียนย้ายไปอยู่แอฟริกาใต้กับครอบครัว และที่แอฟริกาใต้ท่านได้ทำงานเป็นลูกจ้างที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ ตอนที่ทำงานร้านเฟอร์นิเจอร์ท่านถูกกลั่นแกล้ง ท้าทายจากนักเผยแพร่ศาสนาคริสต์ที่มาดะวะห์ต้องการให้ท่านเข้าเป็นคริสเตียน ท่านถูก ท้าทาย และดูถูก ด้วยคำถามมากมาย จากนักเผยแพร่ศาสนาคริสต์ กระทั่งกลายเป็นแรงบรรดาลใจให้ท่านต้องการตอบคำถามที่ชาวคริสต์ ได้ท้าทายเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ท่านจึงตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่า "ผมจะจะตอบคำถามทั้งหมด ทุกคำถาม ที่บาทหลวงคริสต์เตียนได้ท้าทายเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม”

จากนั้น ท่านเริ่มศึกษาจากผู้รู้ และอ่านตำรา ทุ่มเทค้นคว้าหาความรู้รวบรวมทุกคำถามจากหนังสือต่างๆ อ่านหนังสือคริสเตียนทุกเล่ม เพื่อเข้าใจความเชื่อความศรัทธาของคริสเตียนและรวบรวมคำถามต่างๆที่คริสเตียนได้โจมตีอิสลามศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เพื่อตอบคำถามที่คริสเตียนที่ได้เขียนท้าทาย เยาะเย้ยหรือโจมตีต่อศาสนาอิสลาม โดยท่านทุ่มเทค้นคว้า เรียนรู้ ใช้เวลาทั้งหมด 40 กว่าปี จนท่านกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านศาสนาเปรียบเทียบ กลายเป็นผู้รู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีผลงานในด้านการดีเบตกับต่างศาสนิกและกับบาทหลวงคริสเตียนที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังหลายคน

เชคอะห์หมัด ดีดาต เป็นชาวมุสลิมคนแรกที่เหยียบเท้าเข้าไปยัง สถานที่ที่ถือว่าเป็นบ้านเกิดของคริสเตียน เป็นดงของคริสเตียนในประเทศสหรัฐอเมริกา และเชค อะห์ฮหมัด ดีดาต เข้าไปในโบสถ์เพื่อดีเบตกับ บาทหลวงที่โด่งดังที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลก ในขณะนั้นบาทหลวงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีชื่อว่า Jimmy Swaggart การดีเบตในครั้งนั้นมีหลายคนเป็นห่วงท่านไม่แนะนำให้ท่านไป เพราะเป็นห่วง

ลองจินตนาการชายธรรมดาผู้เรียนจบแค่ป.6 แต่กำลังจะดีเบตท้าทาย กับบาทหลวงคริสเตียนอันดับ 1 ของโลก ในโบสถ์คริสเตียน แต่ท่าน อะห์หมัด ดีดาต บอกว่า "ฉันจะตอบคำถามของคริสเตียนด้วยอัลกุรอานและฮะดิษ ฉันจะให้คำตอบต่อความเข้าใจผิดของคริสต์ต่อศาสนาอิสลาม อัลลอฮอยู่เคียงข้างฉัน และฉันขอรับผลตอบแทนในวันอาคีรัต"

ท่านเป็นชาวมุสลิมธรรมดาคนแรกที่กล้าหาญ ที่กล้าดีเบตกับบาทหลวงคริสเตียนในโบสถ์ของชาวคริสต์ เป็นการท้าทายชาวคริสเตียนทั่วโลก และได้รับชัยชนะกู้เกียรติและศักดิศรีของชาวมุสลิม จนสร้างความตะลึงให้กับชาวมุสลิมและต่างศาสนิกจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวหลายพันคนที่อยากมีความรู้ความสามารถในการดะวะห์เหมือนกับท่านเชคซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ชายหนุ่มที่ชื่อ ดร.ซากิร ไนก์ "เชคอะห์หมัด ดีดาตคือคนที่เปลี่ยนชีวิตฉัน” คำกล่าวของ ดร.ซากิร ไนก์

 

คลิ๊กดูข้อมูลการดีเบตของท่านเชคอะห์ หมัด ดีดาต

1.คลิ๊กดูวีดีโอ Debate islam & christianity Shekh Ahmed Deedat Vs Jimmy Swaggart https://www.youtube.com/watch?v=3qHmu2gHDck

2.คลิ๊กดูวีดีโอใครคือ เชค อะห์หมัด ดีดาต https://www.youtube.com/watch?v=EGzQA9xyV8c

3.วีดีโอดีเบต Ful Debate: Is Jesus God? Dr. Anis Shorrosh VsAhmed Deedat https://www.youtube.com/watch?v=kXIBBCcJfRc

และมีอีกมากมายท่านสามารถค้นคว้าใน ยูทูป แน่นอนถ้าได้ฟังท่านดีเบต กับคริสเตียน จะเห็นว่าดร.ซากิร ไนก์ ได้ถอดแบบจากท่านเชค แทบทุกอย่าง ถ้าท่านมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างในปัจจุบัน คงจะได้เห็นความสามารถของมุสลิมท่านนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์แน่นอน ท่านเชค ได้เสียชีวิตเมื่ออายุ 87 ปี ที่บ้านของท่าน ที่แอฟริกาใต้

ดร.ซากิร ไนก์ได้ถอดแบบการดีเบตเรียนรู้การตอบคำถามอย่างมีเหตุมีผลในคำถามที่ท้าทายจากคนต่างศาสนิกและมุสลิม โดยสามารถยกหลักฐานจากอัลกุรอานและฮะดิษที่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์และศาสนาเปรียบเทียบ ตอบคำถามตามแบบฉบับของเชคอะห์หมัดดีดาตเกือบทุกประการ จนท่านเชค อะห์หมัด ดีดาต กล่าวว่า “ลูกชาย ฉันใช้เวลา 40 ปีเพื่อค้นคว้าเรียนรู้หาคำตอบเกี่ยวกับศาสนาเปรียบเทียบ ส่วนเจ้าใช้เวลาแค่ 4 ปี เท่านันที่เรียนรู้เหมือนฉัน”

เมื่อย้อนดูประวัติการพบกันระหว่าง ดร.ซากิร ไนก์ กับเชค อะห์หมัด ดีดาต ก็เท่ากับ ดร.ซากิร ไนก์ เริ่มศึกษาตำราเกี่ยวกับศาสนาอิสลามเมื่อตอนท่านอายุ 22 ปี หรือช่วงที่กำลังเป็นนักศึกษาแพทย์ในปี 1987 ซึ่งถือว่าท่านเป็นคนที่เก่ง ฉลาดหลักแหลมที่สามารถเรียนรู้ศาสนาอิสลามผ่านตำราต่างๆใช้เวลาเพียง3ปีกว่า (ค.ศ.1987-1990) ถือว่าเป็นการศึกษาอิสลามไปด้วยในขณะที่ยังต้องท่องจำตำราแพทย์ในการเรียนและสอบถือว่าไม่ธรรมดา และยังมีกิจกรรมต่างๆที่ท่านต้องทำในคณะที่กำลังเรียน

ดร.ซากิร ไนก์ ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอิสลามและได้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษาและวิจัยศาสนาอิสลาม หรือเรียกว่า Islamic Reseach Foundation ( IRF ) ในปี 1991 และในเวลานั้นคือวันที่ท่านได้เริ่มต้นทำงานดะวะห์เพื่อเผยแพร่อิสลามอย่างเต็มรูปแบบ (เว็บไซต์มูลนิธิ IRF http://www.irf.net )

ช่างมหัศจรรย์และน่าพิศวงอย่างยิ่ง การศึกษาโดยผ่านการอ่านตำราเกี่ยวกับศาสนาอิสลามเพียง3-4 ปี ในขณะที่กำลังเรียนแพทย์ซึ่งเป็นช่วงที่เวลาเต็มไปด้วยการเรียน ท่องตำรา และกิจกรรมต่างๆของวิชาแพทย์ที่ท่านกำลังเรียนควบคู่กับอ่านตำราศาสนา แต่ท่านสามารถมีความรู้เป็นเสบียงในการทำงานดะวะห์เผยแพร่อิสลามและสามารถเป็นอูลามาอ์ได้อย่างรวดเร็ว ในปฐกถาของท่าน ท่านกล่าวว่าท่านได้ทำงานดะวะห์ก่อนที่จะก่อตั้งมูลนิธิ IRF อีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้ว่าท่านต้องเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ อัจฉริยะ ที่เหนือคนธรรมดา ในเรื่องการท่องตำราหลายคนได้ประเมินดูแล้วน่าจะเป็นเป็นการท่องเพื่อจำแต่ไม่ได้เป็นการท่องและเข้าใจในตำราศาสนาอิสลาม (วัลลอฮฮูอะลัม)

ในขณะที่เรียนรู้จากเชคอะห์หมัด ดีดาต แน่นอนก็มีความรู้บางอย่างที่มีความแตกต่างระหว่างทัศนะของ เชคอะห์หมัดดีดาตกับดร.ซากิรไนก์ เช่นในเรื่องการจัดเมาลิด เพื่อรำลึกถึงท่านนบี ศล. และอื่นๆอีกมากมาย

 

เกี่ยวกับทัศนะเรื่องในการจัดเมาลิดนบี ศ.ล.ระหว่าง ดร.ซากิร ไนก์ กับ เชค อะห์หมัด ดีดาต

ดร.ซากิร ไนก์ ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับการทำเมาลิดนบีมูฮัมหมัด ศล.ว่าเป็นการกระทำที่บิดอะห์ และ อื่นๆ คลิ๊กดู ดร.ซากิร ไนก์ ได้บิดอะห์ การจัดเมาลิดนบี ศล.https://www.youtube.com/watch?v=-eQx-5dXAy0 และ https://www.youtube.com/watch?v=wC90bc4m6gQ

ส่วนเชคอะห์หมัด ดีดาต ที่ ดร.ซากิร ไนก์ได้บอกว่าเป็นอาจารย์ของเขา ท่านเป็นผู้ที่รักท่านนบี ศล.และเป็นผู้ที่รักในการจัดงานเมาลิดนบี ศล. เชคอะห์หมัดดีดาต ได้กล่าวไว้ว่า

“มุสลิมนับล้านคนรวมถึงตัวฉันด้วยไม่ถือว่าการจัดงานเฉลิมฉลองเมาลิด นบี ศล. เป็นเรื่องหนักหนา อย่างที่พวกท่านได้กล่าวไว้ ฉันขอกล่าวว่า การจัดงานเมาลิดสามารถทำได้เป็นที่อนุญาติ และฉันจะไม่เปลี่ยนให้พวกท่านให้เห็นด้วยกับฉันและฉันก็ไม่ยอมให้พวกท่านมาเปลี่ยนทัศนะของฉันต่อเรื่องนี้”

คลิ๊กดูวีดีโอจากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=bj8F1qv25dk

 

ติตามตอนต่อไป ใครคือ ดร.ซากิร ไนก์ และเขามีแนวทางอย่างไร?

ตอนที่ 2 เรามาดูว่า ในขณะที่ ดร.ซากิร ไนก์ เป็นนักดาอีย์ ที่มีชื่อเสียงและเต็มไปด้วยความสามารถ เป็นที่ยอมรับ และโด่งดังไปทั่วโลก แต่ อูลามาอ์ อะห์ลุล ซุนนะห์ วัลยามาอะห์ มีข้อกังวลอะไรบ้าง และมีทัศนะอย่างไรต่อการดะวะห์ของเขา โปรดติดตามตอนต่อไป...