แถลงการณ์แสดงจุดยืนเห็นด้วยกับบรรดาองค์กรมุสลิมในอเมริกาเหนือต่อกรณีกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
เมื่อเวลาประมาณ 2:00 น. วันที่ 12 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ได้มีเหตุการณ์กราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 50 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 53 ราย ตำรวจระบุว่ามือปืนผู้ต้องสงสัยชื่อนาย Omar Siddiqui Mateen ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอัฟกัน เขาถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่บริเวณที่เกิดเหตุ เหตุการณ์ครั้งนี้ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจลุกลามมาถึงชุมชนมุสลิมและศาสนาอิสลามระลอกใหญ่อีกครั้งหนึ่งในโลกตะวันตก
ในขณะที่บรรดาองค์กรมุสลิมในอเมริกาเหนือ เช่น ISNA, CAIR, MAS, และ ICNA ซึ่งเป็นองค์กรหลักของมุสลิมในภูมิภาคนี้ไ้ด้ร่วมกันแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วช้าป่าเถื่อน เป็นการละเมิดชีวิตด้วยแนวคิดแห่งความเกลียดชัง และความรุนแรงซึ่งขัดกับคำสอนอิสลาม นอกจากนี้องค์กรมุสลิมในอเมริกาเหนือยังแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุการณ์อันน่าเศร้านี้ พร้อมทั้งจัดตั้งกองทุนพิเศษและทีมบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อและครอบครัวของผู้สูญเสีย อีกทั้งยังเรียกร้องให้ชุมชนมุสลิมในอเมริกาช่วยกันบริจาคเงิน และร่วมกันบริจาคเลือดให้ครอบครัวผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บจากโศกนาฏกรรมในครั้งนี้
เช่นเดียวกับบรรดานักวิชาการมุสลิมที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีในโลกออนไลน์ต่างออกมาประณามการกระทำครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน อาทิเช่น
Dr.Yasir Qadhi ผู้รู้และนักเผยแพร่ที่รู้จักกันดีในอเมริกาเหนือ ได้ออกมากล่าววิจารณ์ การเหมารวม ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เอาไว้ว่า
“ชายคอเคเซียนที่กราดยิงคนไม่ได้เป็นตัวแทนของคนขาวทั้งหมดในอเมริกา แก๊งค์แม็กซิกันก็ไม่ได้เป็นตัวแทนคนเชื้อสายลาตินทั้งหมด อาชญากรรมของคนอเมริกันแอฟริกันก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของประชากรอเมริกันเชื้อ สายแอฟริกาทั้งหมด”
“ข้าพเจ้าเพียงแต่หวังจะชี้ให้เห็นว่า มันดูจะไม่ยุติธรรมที่การกระทำของคนหนึ่งได้กลายเป็นตัวแทนของกลุ่มนั้นทั้ง หมด เมื่อเขาคนนั้นเพียงแค่เป็นมุสลิม เราไม่เคยมีคำประณามโบสถ์ เมื่อเกิดกรณีคริสเตียนสุดโต่งได้ฆาตกรรมหมอทำแท้งคนหนึ่ง”
“... ข้าพเจ้าขอประณามการสังหารที่อธรรมทั้งหมดโดยเสมอภาคกัน ไม่ว่าคนที่กราดยิงนั้นจะถือศาสนาใด มีเชื้อชาติและสัญชาติใด ข้าพเจ้าไม่ได้ออกมาแก้ต่าง ซึ่งข้าพเจ้าไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องแก้ต่าง”
Omar Suleiman อิหม่ามมัสยิดแห่งหนึ่งในรัฐ Texas ได้ออกมาประณามว่า
“เหตุการณ์ที่ Orlando เป็นเรื่องที่ไร้สติ ป่าเถื่อน น่ารังเกียจ ในขณะที่มีสงครามสื่อได้เริ่มต้นในโทรทัศน์และสังคมออนไลน์ เราจงอย่าลืมความเศร้าโศกของครอบครัวที่ตื่นขึ้นมาพบว่าข่าวของผู้ที่พวกเขารักถูกพรากจากพวกเขาไปตลอดกาลอย่างโหดเหี้ยม ความคิดคำนึงและคำวิงวอนต่อพระเจ้าของเราจะอยู่กับพวกเขาด้วยในวันนี้ เราขอประณามการกระทำที่ชั่วร้ายที่ไม่สามารถบรรยายได้นี้”
Yasmin Mogahed นักวิชาการหญิงมุสลิมที่ได้รับความนิยมในหมู่มุสลิมรุ่นใหม่ ได้โพสท์ข้อความบนเฟสบุคส่วนตัวของเธอว่า
“...ในฐานะมนุษย์ดิฉันเสียใจสำหรับชีวิตที่ต้องสูญเสียในฟลอริด้าวันนี้ ในฐานะมุสลิมะฮฺคนหนึ่ง ฉันขอย้ำเตือนให้ชุมชนของฉันร่วมแบ่งปันความเศร้าโศกและความเสียใจของพวกเขา ในฐานะที่เราทั้งหมดต่างเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวมนุษย์"
"…นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ระหว่างมุสลิมกับผู้มิใช่มุสลิม แต่คือเหตุการณ์ของความเป็นมนุษย์กับผู้ที่ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์”
.
Prof.Dr.Jasser Auda ผู้อำนวยการบริหารของ Maqasid Institute ได้กล่าวถึงหลักการอิสลามกับกรณีเช่นนี้ว่า
“... ชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจละเมิดได้ในอิสลาม และการฆ่ามนุษย์ผู้บริสุทธิ์เปรียบเสมือนการฆ่ามนุษยชาติทั้งหมด แม้ว่ามนุษย์จะมีความผิดบาปแต่ชีวิตของพวกเขายังคงเป็นสิ่งที่ละเมิดไม่ได้และเป็นสิ่งที่มีค่าเช่นเดียวกับทุกชีวิต ...”
...................................
ทางสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทยขอประณามเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้น ณ เมือง Orlando ในครั้งนี้ เช่นเดียวกับที่เราเคยประณามเหตุการณ์ในซีเรีย ตุรกี ฝรั่งเศส อเมริกา หรือที่อื่น ๆ เพราะทุกชีวิตมีค่าเสมอกัน ไม่ว่าเป็นศาสนาไหน สีผิวใด เรายึดถือเสมอว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ละเมิดไม่ได้ เป็นที่แน่นอนว่าไม่มีศาสนาใด ความเชื่อใด หรือกฎหมายใดที่จะยอมรับการกระทำที่โหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ เพราะมันขัดกับคุณธรรมอันดีงาม และธรรมชาติพื้นฐานของความเป็นมนุษย์
เราขอยืนยันว่าการให้เกียรติและไม่ละเมิดสิทธิโดยเฉพาะชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้นเป็นรากฐานของคำสอนอิสลามดังที่ปรากฎในคัมภีร์อัลกุรอานและแบบปฏิบัติของท่านนบีที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและการให้เกียรติกับทุกชีวิต
สุดท้ายนี้ เราขอสนับสนุนจุดยืนและแนวทางการให้ความช่วยเหลือของบรรดาองค์กรมุสลิมในอเมริกาเหนือข้างต้นที่ พยายามดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้สูญเสียในครั้งนี้ พวกเขาได้เป็นตัวแทนของมุสลิมที่แสดงให้เห็นถึงหัวใจและจิตสำนึกของเราว่าไม่เคยยินยอมให้มีการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม
สำนักงานเลขาธิการ
สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท.)