เรื่องเล่าจากเจนีวา ตอนที่ 2 "Kamu mudah senyem"
อารีด้า สาเม๊าะ
เป็นอีกวันที่คนพูดภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่อังกฤษหรือฝรั่งเศสหรือสวิสในห้องอาหารสามคนพูดปนหัวเราะตลอดเวลา คนหนึ่งห้อยป้ายแขวนคอจาก wold health organization อีกคนหน้าตาตี่ ใส่แว่นตาผิวขาวดูก็รู้ว่าคนจีนและอีกคนใส่ผ้าคลุมตาโตๆผิวคล้ำหน้าเข้ม นั้นคือ ฉันเอง จากเมื่อวานเขานินทาตา หลังว่า "นางพูดมาเลย์ได้ด้วย"....
"Yang muda itu dah balik malaysia"
ไม่รู้จะคุยไร ก็เปิดด้วยสิ่งนี้ละกัน แล้วเขาก็พูดประมาณว่า ไม่แน่ใจนะ น่าจะกลับแล้ว และแล้วก็ต่างคนต่างนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ห่างกันคนละมุมห้องเลยทีเดียว และแล้วคนที่เราพูดถึงก็เข้ามา เขายังอยู่ แต่วันนี้มีป้ายแขวนคอด้วย ชัดเลย แล้วชายวัยกลางคนก็ชี้มาที่ฉัน บอกว่า น้องสาวถามหานะ สักพักเขาก็หันมาพยักหน้า ปากขมุบขมิบน่าจะพูกว่า อัสลามูอาลัยกุม เบามากไม่ได้ยิน แต่ฉันตะโกนไปไม่ค่อยดังนะ แค่หันมาทั้งห้องเอง 5555 "salamat pagi" พร้อมยิ้มๆ แล้วก็เดินไปตักอาหาร
คนหนุ่มเขามาถามว่า เป็นคนจังหวัดอะไร ก็บอกไปตามจริงว่า "saya dari Narathiwat" และที่น่าสนใจและทึ่งเลยคือ เขาพูดกลาแตใส่เลยคะ " oh umoh saya di nagho jugok,mak saya di duk situ dulu"
คนที่ตาค้างคือดิฉันสิคะ สนทนาใส่กันด้วยกลาแตจนเขาบอกทำไมไม่มานั่งด้วยกัน
"I just glad to see Thai muslim from the south come to geneva, it is not easy to see"
แล้วเขาก็ทำมือแตะที่หน้าผาก ร่ายยาวความเห็สเขาว่าทำไมเขาถึงดีใจที่ได้เห็นเด็กสาวจากสามจังหวัดมาที่นี้ เเละเล่าความเป็นมาของเขาว่ากว่าจะมาเป็นคนทำงานองค์กรนี้ได้ เขาดิ้นรนด้วยตัวเองทั้งนั้น เขามาจากครอบครัวที่ไม่สามารถดูแลลูกให้ได้เรียนหนังสือด้วยซ้ำ แต่เขาก็มาถึงจุดนี้จนได้และลํกๆเขาไม่เคยขอทุนจากรัฐเลยแต่ตอนนี้ลูกสามคนเป็นหมอ.วิศวะและสถาปนิก ซึ่งเป็นความสำเร็จมากที่เขาพิสูจน์ตัวเองมา และเขารู้ว่าคนสามจังหวัดไม่ได้มีโอกาสมากอย่างนั้น ....
และเราก็สนทนากันต่อเรื่องโน้นนี้นั้น และฉันก็พูดไปหัวเราะไป เขาก็บอกว่า ดีใจที่ได้เจอคนมุสลิมที่นี้และฉันเป็นคนหัวเราะง่ายจัง แต่ฉันรู้สึกว่าเราทั้งสามคนหัวเราะดังเท่าๆกันนะและมันทำให้การสนทนามีชีวิตชีวามาก หายเหงาไปหลายเปราะ
และคนจีนเริ่มถามเรื่องสามจังหวัดและถามว่าความเป็นไปได้ในการยุติปัญหามีไม ฉันบอกว่า มันขึ้นรัฐบาลของเราจะยอมรับอะไรๆมากน้อยแค่ไหน และแก้ปัญหาอย่างเข้าใจจริงๆก็อาจจะได้นะ....และพอเริ่มวกเขาเรื่องการเมืองมาเลย์. กะจะนินทานายกมาเลย์สักหน่อยแต่กลับต้องชะงักเพราะคนหนุ่มบอกว่า "hey dia orang teman baik Than razak tuh,jangan kata apa apa". ฉันหุบปทกแล้วก็หันไปคารวะเเล้วเขาก็หัวเราะดังออกมา และพูดว่า แบบนั้นแหละ แบบนั้นแหละ 555555
สุดท้าย ก็ต้องจากลากัน ขอโทษขอโพยที่ได้หยอกล้อกันเล่น และขอบคุณที่สนทนาร่วมกัน
จบท้ายด้วยประโยคที่ว่า
"Selamat perjalanan dan asslamualaikum"
อ่านตอนที่แล้ว
เรื่องเล่าจากเจนีวา ตอนที่ 1 "...kamu dari malaysia...."