Skip to main content

อารีด้า สาเม๊าะ โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSJ)

 

 

 

 

 

อนุกูล อาแวปูเต๊ะ

            อนุกูล อาแวปูเต๊ะ

               

 

 

 

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2554 ที่สำนักงานทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี นายพิทักษ์นิติภูมิ ดอเหะ แจ้งว่าเป็นผู้ช่วยประธานใหญ่องค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (อ.ต.ร.) สำนักงานตั้งอยู่บ้านเลขที่ 163/15 ซอยเสนานิคม 1 ถนนพหลโยธิน 32 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โดยนายพิทักษ์นิติภูมิ ทำหน้าที่ผู้ประสานงานฝ่ายจัดตั้ง–อบรมภาคใต้ ได้นำชาวบ้านประมาณ 20 คน เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี

จดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวระบุว่า มีทนายความของศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานีบางคน เรียกรับเงินจากชาวบ้านเพื่อดำเนินการทางคดี ไม่รับผิดชอบต่อลูกความ ไม่ไปศาล และไม่ช่วยยื่นเรื่องเพื่อดำเนินการทางคดีให้ลูกความ พร้อมกับเรียกร้องให้ศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี ชี้แจงกรณีคดีที่ยังค้างคาอยู่อีก 3 คดี

นายสากีมัน เบญจเดชา ทนายความประจำมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม สำนักงานจังหวัดปัตตานี เพื่อนร่วมงานในมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี พร้อมผู้ช่วยทนายความอีก 5 คน ได้ร่วมกันชี้แจงข้อกล่าวหากับผู้ร้องเรียน โดยยืนยันว่าข้อมูลที่ทางตัวแทนกล่าวอ้างนั้น เป็นการเข้าใจผิด สำหรับ 3 คดีที่อ้างว่าเป็นปัญหา มีเพียง 2 คดี และจำเลย 3 คน ที่ทนายความของศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานีรับผิดชอบ ทุกคดีที่กล่าวอ้างมีความคืบหน้า โดยเฉพาะคดีดำที่ 0226/2551 ทางทนายควสามของศูนย์ฯ ดำเนินการสิ้นสุดศาลมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ส่วนคดีดำที่ 2262/2554 ศาลนัดสืบพยานวันที่ 22–23 มีนาคม 2555

“ส่วนคดีดำที่ 212/2554 คดีแดงที่ 212/2554 เป็นคดีผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 คดี ที่ยกขึ้นมากล่าวหาศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี ไม่ใช่คดีความมั่นคง จึงไม่เข้าเงื่อนไขการรับช่วยทางคดีของมูลนิธิศุนย์ทนายความมุสลิมมาตั้งแต่ต้น เห็นได้ชัดเจนว่า การกล่าวหามาจากความเข้าใจผิด” นายสากีมันชี้แจง

นายสากีมัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่เคยรู้จักนายพิทักษ์นิติภูมิมาก่อน และไม่เคยได้ยินชื่อองค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (อ.ต.ร.) ทราบแต่เพียงว่า บุคคลที่มาร้องเรียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับญาติผู้เสียหาย ที่มีการระบุในจดหมายเปิดผนึกทั้ง 3 คดี และไม่ได้รับผลกระทบจากการว่าความของทนายความประจำศูนย์ทนาความมุสลิม จังหวัดปัตตานี

ต่อมา เวลาประมาณ 15.00 น. วันเดียวกัน มีชายไม่ทราบชื่อว่าจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แจกใบปลิว “เสียงจากประชาชนภาคใต้” ความยาวหนึ่งหน้ากระดาษ A4 บริเวณประตูมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทั้ง 4 ประตู ใบปลิวฉบับดังกล่าวพาดหัวว่า “เสียงเรียกร้องความถูกต้องของประชาชนชาวมุสลิมภาคใต้”

หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า มีชายขับรถกระบะสีบรอนซ์เงิน จำป้ายทะเบียนไม่ได้ มาจอดที่ป้อมยามด้านหน้ามหาวิทยาลัยฯ โดยมีรถกระบะสีน้ำเงินจอดรออยู่ห่างๆ จากนั้น ชายในรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ได้ลงรถจากรถนำใบปลิวประมาณ 100 ใบ มายื่นให้กับยามรักษาการณ์ พร้อมกับเงิน 100 บาท แล้วพูดเป็นภาษามลายูว่า ช่วยแจกคนเข้าออกมหาวิทยาลัยให้ด้วย แต่ยามรักษาการ์ปฏิเสธไม่ยอมรับเงิน ชายคนดังกล่าวจึงขึ้นรถขับหนีไป นอกจากนี้ ยังมีชายขับรถกระบะออกแจกจ่ายใบปลิวบริเวณศาลจังหวัดปัตตานีด้วย โดยบริเวณที่แจกใบปลิวอยู่ในรัศมีการจับภาพของกล้องวงจรปิด

สำหรับเนื้อหาในใบปลิว มีข้อความกล่าวหาศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานีว่า เรียกรับเงินจากชาวบ้าน จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเป็นหนี้สิน ขณะที่คดีความไม่คืบหน้า มีกี่ทิ้งคดี ซ้ำเติมความทุกข์ให้กับผู้ต้องขังคดีความมั่นคง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

นายอนุกูล อาแวปูเต๊ะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เชื่อว่ากลุ่มคนที่ออกมาแจกจ่ายใบปลิว เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่มาร้องเรียนทนายความของมศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี ขณะนี้ทางศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี กำลังตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลจากกล้องจรปิดว่า กลุ่มผู้ร้องเรียนเป็นใคร เป็นกลุ่มเดียวกับผู้แจกจ่ายใบปลิวหรือไม่

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า สำหรับเนื้อหาในหนังสือเปิดผนึก ทางศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี สามารถชี้แจงต่อผู้ร้องเรียนด้วยข้อมูลที่ทางศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานีมีอยู่ แต่เนื้อหาในใบปลิวเป็นการจงใจโจมตีและทำลายชื่อเสียงของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี เพราะไม่มีการระบุชื่อผู้ร้องเรียน หรือเรียกร้องความเป็นธรรม มีแต่ชื่อ “เสียงจากประชาชนภาคใต้” ไม่สามารถทราบได้ว่า ผู้แจกจ่ายใบปลิวเป็นใคร ตนยืนยันว่า ถ้ามีหน่วยงานใดต้องการตรวจสอบ ยินดีที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานีมีอยู่ในมือ

หลังจากมีการร้องเรียนและแจกจ่ายใบปลิว “โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้” พยายามติดต่อนายพิทักษ์นิติภูมิ ตามหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ระบุไว้ในนามบัตร ซึ่งนายพิทักษ์นิติภูมิมอบให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดปัตตานี แต่ไม่มีการตอบรับ