Skip to main content

โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ (DSJ)

2 จำเลยรอด หลักฐานไม่ชัด ไม่ปรากฏภาพในวงจรปิด ไม่สามารถยืนยันมือระเบิดได้

โรงแรมซีเอสปัตตานี

โรงแรมซีเอสปัตตานี(ภาพจากเว็บไซด์ของโรงแรม)

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 ธันวาคม 2554 ที่ห้องพิจารณาคดี 1 ศาลจังหวัดปัตตานี นายปาลิต สันทนาคณิต ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานีออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายฮันนาน หรืออาริกดิง จารง คดีหมายเลขดำที่ 1921/2552 และนายอับดุลย์ กามะ คดีหมายเลขดำที่ 328 /2553 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อการร้าย เป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ฯลฯ ในคดีลอบวางระเบิดโรงแรมซีเอส ปัตตานี จนมีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 12 คน เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 15 มีนาคม 2551

คำพิพากษาสรุปว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ แสดงให้เห็นเพียงว่า มีรถยนต์ยี่ห้อแดวู สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า ขับเข้าไปที่จอดในเกิดเหตุเวลา 16.57 น. และขับออกไปเวลา 18.24 น. จากนั้น 2 นาที มีรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิเลขทะเบียน พน 5029 กรุงเทพมหานคร (บางข่าวเขียน ภน 5029 กรุงเทพมหานคร) คันที่เกิดระเบิดได้ขับเข้าไปในโรงแรม แต่ไม่ปรากฏภาพรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิซิ เข้าไปจอดแทนรถยนต์แดวู ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง

คำพิพากษาสรุปอีกว่า ทั้งยังไม่ปรากฏชัดว่า รถยนต์ยี่ห้อแดวูได้เลี้ยววนเข้าไปรับผู้ที่ขับรถยนต์มิตซูบิซิออกจากที่เกิดเหตุ ตามที่พนักงานฝ่ายสืบสวนสันนิฐานไว้ พยานหลักฐานของโจทก์เท่านี้ไม่มีน้ำหนักเพียงพอในการรับฟังว่า ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ยี่ห้อแดวูมีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจกับการนำรถยนต์ที่มีระเบิด เข้าจอดในที่เกิดเหตุ แม้พยานโจทก์เบิกความยืนยันว่าเห็นจำเลยทั้ง 2 นั่งที่ลานชาชักของโรงแรมในวันเกิดเหตุและมีผู้เสียหายเคยให้การในชั้นสอบสวนว่าจำเลยทั้ง 2 คือบุคคลที่อยู่ในรถยนต์ยี่ห้อแดวูคันดังกล่าว ก็ไม่ได้หมายความว่า จำเลยทั้ง 2 มีประพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิด ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้ง 2 คือคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิดโรงแรงซีเอส ปัตตานี

คำพิพากษาสรุปต่อไปว่า นอกจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานที่สืบให้เห็นว่า จำเลยทั้ง 2 เป็น ผู้ก่อการร้าย แบ่งแยกดินแดงเมื่อใดและร่วมกับใคร มีการฝึกทางร่างกายและจิตใจ ศาลไม่สามารถลงโทษจำเลยทั้ง 2 ได้ พิพากษายกฟ้อง