ญาติผู้ตายโวยถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง หลังไล่สกัดคนร้ายที่ถล่มยิงฐานบ้านน้ำดำ ดักยิงชาวบ้านดับ 4 ราย เจ็บอีก 5 โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงอ้างคนร้ายใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ พยายามสร้างเงื่อนไขให้เข้าใจผิดว่าเจ้าหน้าที่ทำ
เช้าวันที่ 30 มกราคม 2555 เจ้าหน้าที่ทยอยส่งผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยพัฒนาสันติ บ้านน้ำดำ ตำบลปูโล๊ะปูโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ใช้กำลังพร้อมอาวุธไล่สกัดคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่ใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการบ้านน้ำดำ ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 20.30 น.คืนวันที่ 29 มกราคม 2555 เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้ปืนเอ็ม 79 ยิงใส่ฐานชุดปฏิบัติการทหารพราน 4302 หมู่ที่ 3 บ้านน้ำดำ เป็นเหตุให้ทหารพรานบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย หลังเกิดเหตุทหารพรานหน่วยพัฒนาสันติบ้านน้ำดำไล่สกัดคนร้าย เมื่อมาถึงบริเวณ หมู่ที่ 1 บ้านกาหยี ตำบลลิปะสาโง อำเภอหนองจิก พบรถยนต์กระบะตอนครึ่งขับมาบนถนนสายบ้านน้ำดำ-บ้านกะหยี มีผู้โดยสารเต็มคัน จึงตั้งจุดสกัด ก่อนถึงแยกทางหลวงสาย 418 เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวชะลอความเร็ว เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ตัวรถยนต์กระบะคันดังกล่าวพรุนทั้งคัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย
หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.วีรชาติ คูหามุ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร(ผกก.สภ.)หนองจิก นำกำลังตำรวจพร้อมชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พบรถยนต์กระบะตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เจ็บสาหัส 3 ราย เจ้าหน้าที่จึงประสานรถเพื่อนำส่งโรงพยาบาลหนองจิก นอกจากนี้ จากการตรวจสอบภายในรถพบปืนสงครามอาก้า 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาด 11 มม.อีก 1 กระบอก
นายแวเตะ อาแวกือจิ บิดาผู้เสียหายโวยว่าถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งหาว่าผู้ตายนั้นเป็นโจร เพราะก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายทั้งหมดได้นั่งรถออกมาจากบ้านจำนวน 9 คน เพื่อมุ่งหน้าไปร่วมละหมาดคนตายที่บ้านทุ่งโพธิ์ โดยมีนายยา ดือราแม อายุ 58 ปี ตำแหน่งคอเต็บ เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุทหารพรานตะโกนให้จอด เมื่อรถชะลอความเร็วกลับถูกเจ้าหน้าที่ยิงใส่จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บางส่วนกระโดดหนีไปหลบที่บ้านญาติ ก่อนที่บรรดาญาติและชาวบ้านในละแวกดังกล่าวช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลหนองจิกเป็นการด่วน
นายมะรูดิง แวกะจิ อายุ 15 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนและเสียงคล้ายลูกระเบิดดังขึ้นฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้าน จากนั้นหลังเสร็จจากละหมาดอีชาที่มัสยิดในหมู่บ้าน นายยา ดือราแม ได้ชวนไปละหมาดคนตายที่บ้านโพธิ์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมืดมาก มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนบอกเป็นภาษาไทยให้หยุดรถทันที ในระหว่างที่รถชะลอความเร็วได้เกิดเสียงปืนดังขึ้นไม่รู้มาจากทิศทางไหน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตนจึงกระโดหนีหลบที่ใต้รถ แต่ก็ถูกยิงเข้าที่แขนขวา 1 นัด จากนั้นจึงได้พยายามหลบหนีเข้าป่า ก็ยังถูกยิงไล่ตามหลังเป็นชุดใหญ่อีก แต่โชคดีกระสุนพลาด ตนจึงเข้าไปหลบอาศัยบ้านของเพื่อนบ้านก่อนที่จะถูกพาส่งโรงพยาบาลต่อไป
นายมะรูดิง แวกือจิ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นยิง และช่วงที่คนร้ายดักยิงนั้นเราไม่ได้มียิงตอบสู้กับคนร้ายแต่อย่างใดเพราะเราไม่มีอาวุธปืนแม้สักกระบอกเดียว จึงได้แต่วิ่งหนีตายอย่างเดียว ตนไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาต้องมายิง เพราะจะไปช่วยละหมาดคนตาย ทำไมเขาต้องดักสกัดยิงอย่างเลือดเย็นเช่นนี้
ส่วนรายชื่อผู้เสียชีวิต ได้แก่ นายรอปา บือราเฮง อายุ 18 ปี (ลูกอิหม่าม) อยู่บ้านเลขที่ 37/2 ม.1 บ้านกะหยี ต.ลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี, นายอิสมัน ดือราแม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.1 บ้านกะหยี ต.ลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี, นายสาหะ สาแม อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/2 ม.1 บ้านกะหยี ต.ลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี, นายหะมะ สะนิ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.1 บ้านกะหยี ต.ลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยสภาพศพทั้งถูกยิงเข้าที่บริเวณลำตัวและขาเป็นแผลฉกรรจ์
ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้แก่ นายยา ดือราแม อายุ 58 ปี ตำแหน่งคอเต็บมัสยิดบ้านกะหยี มีบาดแผลถูกอาวุธเฉียดจำนวน 1 แผล และมีรอยฟกช้ำตามลำตัวเป็นจำนวนมาก, ด.ช.มะรูดิง แวกือจิ อายุ 15 ปี ถูกยิงเข้าที่แขนขวา หัก จำนวน 1 นัด, นายมะแอ ดอเลาะ อายุ 76 ปี และ นายฐอบรี บือราเฮง อายุ 19 ปี โดยทั้งหมดเป็นชาว ต.ลิปะสาโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่มัสยิดบ้านตันหยงบูโล๊ะ ตำบลปุโล๊ะปุโย ญาติได้นำร่างของผู้เสียชีวิตประกอบพิธีทางศาสนา ประกอบด้วยศพนายอิสมัน ดือราแม อายุ 55 ปี, นายสาหะ สะแม อายุ 70 ปี, นายรอปา บือราเฮง อายุ 18 ปี และ นายหามะ สะนิ อายุ 65 ปี โดยมีประชานชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมละหมาดให้กับผู้เสียชีวิต ก่อนที่จะช่วยกันแบกร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ไปฝั่งยังกุโบร์ บ้านตันหยงบูโล๊ะ โดยมีชาวบ้านร่วมเดินไปยังกุโบร์กันเป็นจำนวนมาก หลายคนเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์ และอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือ
ทหารโต้! อ้างค้นร้ายแฝงตัวในรถ
พล.ต.อัคร ทิพย์โรจน์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เปิดเผยว่า คนร้ายก่อเหตุใช้เครื่องยิงกระสุนเอ็ม 79 ยิงใส่ฐานชุดปฏิบัติการทหารพราน 4302 บ้านน้ำดำ พยายามจะใช้พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์กำบัง โดยการอาศัยรถยนต์ของชาวบ้านที่แล่นผ่านมา แฝงตัวเพื่อใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นท่าทางมีพิรุธเข้าตรวจสอบ คนร้ายได้ยิงตอบโต้ใส่เจ้าหน้าที่ ทิ้งหลักฐานแล้วหลบหนีเอาตัวรอดไป
พล.ต.อัคร กล่าวว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ได้ทำการตอบโต้กลุ่มคนร้าย ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์รับเคราะห์ ซึ่งเป็นกลลวงของกลุ่มคนร้ายที่พยายามสร้างสถานการณ์ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับพี่น้องประชาชน เบื้องต้นขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเชื่อมโยงการก่อเหตุร้ายของกลุ่มคนร้ายในครั้งนี้ ซึ่งจะสามารถระบุได้แน่ชัดว่ามีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง
พล.ต.อัคร เปิดเผยด้วยว่า ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถยึดปืนอาก้า AK47 ได้ 1 กระบอก และปืนพกสั้นขนาด 11 ม.ม. 1 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ โดยทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่มาของอาวุธปืนว่าคนร้ายเคยนำไปก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ใดบ้าง และเชื่อมโยงไปสู่ผู้ที่ครอบครองต่อไป
พล.ต.อัคร เปิดเผยว่า ด้านการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ขณะนี้ทางหน่วยศูนย์สันติสุข และทางหน่วยทหารพราน 4302 บ้านน้ำดำ ได้ลงพื้นที่เพื่อพะปะพูดคุยและทำความเข้าใจกับญาติพี่น้องของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ในครั้งนี้ ท่าทีในเบื้องต้นชาวบ้านและญาติพี่น้องยังตกอยู่ในสภาวะโกรธแค้นเจ้าหน้าที่ ยังไม่อยากฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด