Skip to main content

 โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSJ)

สัมภาษณ์ พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ผู้บังคับบัญชาของฐานทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ ในวันที่ถูกยิงถล่มด้วยระเบิด M79 ถึงเหตุยิงชาวบ้าน 4 ศพ

 

พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43

(ภาพจากเว็บไซด์ASTVผู้จัดการออนไลน์)

 

พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี คือผู้บังคับบัญชาของฐานทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก ในวันที่ถูกยิงถล่มด้วยระเบิด M79 เมื่อค่ำวันที่ 29 มกราคม 2555 ตามมาด้วยเหตุยิงชาวบ้านตาย 4 ศพ เล่าถึงภารกิจของลูกน้องขณะเผชิญเหตุและผลสะเทือนที่ตามมา

..........................

ทหารพรานจากฐานทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก เคยถูกคนร้ายยิงถล่มมาแล้วเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ไม่ใช่ 7 ครั้ง ตามที่เป็นข่าว

ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2554 คนร้ายยิงระเบิด M79 จำนวน 3 ลูกเข้าใส่ฐานทหารพรานที่ 4302 หลังเกิดเหตุทหารพรานออกมาดักคนร้ายที่สะพานข้ามคลองชลประทานบนถนนสายบ่อทอง – ยาบี หมู่ที่ 7 ตำบลปุโละปุโย เจอวัยรุ่นขี่รถจักรยานขับผ่านมาแล้วยิงใส่ทหารพรานเสียชีวิตไป 1 นาย คือ อาสาสมัครทหารพรานเฉลิมพล สุขศรี ส่วนวัยรุ่นทั้ง 2 คน (นายอับดุลเลาะ แวเยะ อายุ 19 ปี และนายฮัสซัน มามะ อายุ 16 ปี) ถูกยิงเสียชีวิต

ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 บริเวณจุดตรวจบ้านน้ำดำ คนร้ายได้ยิงปืนใส่จุดตรวจเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหนึ่งนาย และครั้งที่ 3 คือวันที่ 29 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา คนร้ายยิงระเบิด M79 จำนวน 3 ลูกใส่จุดตรวจบ้านน้ำดำซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เกิดเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ

สำหรับจุดตรวจแห่งนี้ เดิมเป็นจุดตรวจของอาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.)อำเภอหนองจิก แต่ได้ถอนตัวออกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 ทหารพรานจากฐานทหารพรานที่ 4302 เข้ามาประจำการแทน ในช่วงที่อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอหนองจิกประจำการอยู่ เคยถูกคนร้ายยิงถล่มมาแล้วแต่ไม่ถึง 7 ครั้ง

วันที่ 29 มกราคม 2555 หลังจากคนร้ายยิงระเบิด M79 ใส่จุดตรวจบ้านน้ำดำแล้ว ผมได้สั่งการให้ลูกน้องเข้าไปประจำจุดต่างๆ ทันที ตามแผนเผชิญเหตุ ประมาณ 4 – 5 จุด รวมทั้งจุดเกิดเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ มีทหารพรานปฏิบัติหน้าที่ในจุดนั้น 4 นาย ซึ่งมีทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม เพราะฉะนั้นกำลังชุดนี้จึงไม่จงใจให้เกิดเรื่องแน่นอนเพราะเป็นมุสลิมเหมือนกัน

ลูกน้องผมรายงานว่า ตอนนั้นเห็นรถกระบะต้องสงสัยขับมา เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดแต่คนขับไม่ยอมหยุดกลับถอยหลังหลบหนี และคนขับรถก็ใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ แล้วกระโดดหลบหนีไป และมีคนกระโดดลงจากรถวิ่งหลบหนีไปอีก 2 – 3 คน ดังนั้นคนที่อยู่ในรถน่าจะมากกว่า 9 คน ส่วนคนขับรถรูปร่างใหญ่มาก ไม่ใช่ตัวขนาดคนอ้างว่าเป็นคนขับรถ

รวมทั้งคนเจ็บ 2 คน ก็หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพราะฉะนั้นแสดงว่านะจะมีคนอื่นหลบหนีไปได้อีก

แต่หลังเกิดเหตุผมได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน อธิบายว่าเกิดการยิงปะทะกันและลูกน้องผมก็ไม่รู้ว่าใครอยู่ในรถบ้าง เราทำตามกฎการปะทะกัน คือจะไม่ยิงก่อน

เรื่องนี้ผมไม่อยากจะพูดแล้ว รอให้ผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือพนักงานสอบสวนสรุปออกมาก่อน หากมีข้อเรียกร้องให้เราออกจากพื้นที่ เราก็ยินดี เพื่อลดกระแสความโกรธแค้นของชาวบ้าน แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์เช่นนี้ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิด

ในส่วนของกรมทหารพรานที่ 43 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าทีทหารพรานทั้ง 4 นายแล้ว และตอนนี้ได้สั่งพักงานทหารพรานทั้ง 4 นายไว้ก่อน รวมทั้งได้ถอนกำลังของฐานทหารพรานที่ 4302 ออกมาทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าลูกน้องผมทั้ง 4 คน ผิด แต่ให้เข้ามาอยู่ในกรมกองก่อน ไม่ให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่

ส่วนเหตุยิงระเบิด M79 ยังไม่ได้ข้อมูลว่าใครเป็นคนยิง

เมื่อเกตุเหตุการณ์นี้ขึ้น ถามว่ากระทบกับนโยบายการเพิ่มกำลังทหารพรานแทนการปฏิบัติหน้าที่ของทหารหลักในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ ไม่กระทบ เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก เพื่อมาทดแทนกำลังทหารจากกองทัพภาคอื่น ที่จะต้องถอนออกไป แล้วให้ทหารพรานมาเป็นกองกำลังประจำถิ่น

ตอนนี้กำลังของกองทัพภาคที่ 4 ไม่เพียงพอในการดูแลรักษาความมั่นคงภายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมีเพียง 2 กองพล รวม 3 กรมทหารราบ กองพลหนึ่งมีประมาณ 3 -4 พันนายเท่านั้น

ขณะที่หนึ่งในสองกองพลคือกองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งเป้นกองพลที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ก็ยังมีกำลังไม่ครบ เพราะยังย้ายมาจากศูนย์ทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อำเภอปรานบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไม่ครบ จึงยังจำเป็นต้องใช้กำลังทหารพราน เพราะฉะนั้นไม่กระทบกับนโยบายนี้

ทหารพรานคือคนในพื้นที่ที่เปิดรับสมัครเข้ามา ย่อมมีความใกล้ชิดประชาชนมากกว่าทหารหลักที่เข้าไป เพราะเป็นคนนอกพื้นที่มาจากภาคอื่น เช่น ภาคอีสาน

ทหารพรานทั้งหมดเป็นคนมีความรู้มีวิจารณญาณ เพราะคนที่จะสมัครเป็นทหารพรานได้ ต้องจบมัธยมต้น หรือ ม.3 ทำให้ทหารพรานมีความรู้มากกว่าทหารเกณฑ์เสียอีก เพราะทหารเกณฑ์คือคนที่ถูกเกณฑ์เข้ามา ซึ่งบางคนไม่ได้เรียนหนังสือ

เมื่อสมัครเข้ามาแล้ว ก็ฝึกเหมือนกับทหารทั่วไปแต่ใช้เวลาสั้นกว่าคือ 1 เดือน ส่วนทหารเกณฑ์ใช้เวลาฝึก 2 เดือนครึ่ง หรือ 10 สัปดาห์ ผ่านการฝึกมาแล้วก็ต้องเข้าอบรมการเมืองปีละ 1 – 2 ครั้ง ส่วนการทบทวนการฝึกอาวุธอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเข้าไปอยู่ประจำฐานแล้ว จะมีการฝึกอบรมเป็นระยะโดยเฉพาะในเรื่องการเมือง การเข้าไปหาชาวบ้านต้องทำอย่างไร มีการเพิ่มพูนความรู้ให้อย่างต่อเนื่อง เพราะแน่นอนว่าทหารพรานต้องรู้จักใช้เหตุใช้ผลและมีวิจารณญาณพอที่จะไม่ทำอะไรที่สร้างปัญหาเพิ่ม