Skip to main content

นายกฯ นำคณะเยือนมาเลย์ สานความสัมพันธ์ใกล้ชิด หารือยุทธศาสตร์พัฒนาชายแดน เตรียมสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก อีก 2 แห่ง mso-fareast-font-family:"Times New Roman"">‘นาจิบ’ ยันไม่หนุนแบ่งแยกดินแดนในไทย ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง จี้แก้ปัญหาคนสองสัญชาติ

 

 

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมพล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทวงกลาโหม และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เดินทางไปประเทศมาเลเซีย พบดาโต๊ะ ชรี มูฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน ฮัจญี อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐมาเลเซีย พร้อมหารือระหว่างไทยและ มาเลเซีย อย่างเป็นทางการ ที่เมืองปุตราจายา

การหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ใช้เวลา 30 นาที หลังการหารือผู้นำทั้งสองประกาศแถลงว่าจะร่วมมือกันหาทางแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ในระยะยาวและอย่างยั่งยืนด้วยสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศของไทย ระบุในแถลงการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ จะร่วมลงนามความร่วมมือทั่วไป ร่วมกันระหว่างสองรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการแก้ไขปัญหาชายแดน ปัญหาการค้ายาเสพติด อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล การค้าและแรงงานชาวไทยในประเทศมาเลเซีย

นายนาจิบ เรียกร้องให้มีการขยายโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคใต้ของไทย ซึ่งจะเป็นการแก้ไขรากฐานหลักของปัญหา โดยมาเลเซียพร้อมที่จะช่วยเหลือไทยตามคำร้องขอ ในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับมาเลเซีย ทั้งระดับทวิภาคี และระดับอาเซียน และประสานความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมกับยืนยันความพร้อมในการเป็นการเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการร่วมไทย – มาเลเซีย ครั้งที่ 12 เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือให้มีความก้าวหน้า และเร่งสรุปร่างความตกลงต่างๆ ที่ค้างอยู่ อาทิ ร่างความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามแดน และร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไทยและมาเลเซียจะร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และความกินดีอยู่ดีในพื้นที่ภาคใต้ กับรัฐทางตอนเหนือและตะวันออกของมาเลเซีย ในกรอบคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ ชายแดนไทย-มาเลเซีย (JDS) ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซีย โดยจะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก 2 แห่ง ที่อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และสนับสนุนมาเลเซีย ในข้อเสนอที่จะส่งเสริมธุรกิจ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างภาคเอกชนของ 2 ประเทศ ใน 6 สาขาสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงาน อุตสาหกรรมยานยนต์ ยางพารา น้ำตาล ข้าว และการท่องเที่ยว

“ไทยและมาเลเซีย ยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมฮาราล ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เนื่องจากไทยมีจุดแข็งด้านฐานอุตสาหกรรมการเกษตร และความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ฮาราล ขณะที่ มาเลเซียได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานสากล ดังนั้น จะมีการจับคู่ธุรกิจ SME ระหว่างจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับจังหวัดทางเหนือของมาเลเซีย” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

นายนาจิบ กล่าวว่า มาเลเซียสนับสนุนการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทยอย่างสันติ ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งการก่อเหตุและการปราบปราม สนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย มีความจงรักภักดี และเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์ และหากเป็นไปได้ ต้องการให้รัฐบาลเข้าใจความรู้สึกของคนในพื้นที่ โดยส่งเสริมบทบาทด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมให้มากขึ้น รวมถึง ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้านเศรษฐกิจ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง และรัฐบาลต้องยึดหลักความไว้เนื้อเชื่อใจด้วย

“ยืนยันมาเลเซียไม่ สนับสนุนให้มีการแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ของไทยแต่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนา เศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และสนับสนุนให้ประชาชนของ 2 ประเทศ ไปมาหาสู่กันได้สะดวก ด้วยการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคม แต่จะต้องมีการแก้ปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ โดยใช้การพิสูจน์สัญชาติ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ถือสัญชาติเดียว” นายนาจิบ กล่าว

 

ที่มา สำนำข่าวไทย