สื่อมวลชนถือว่ามีบทบาทสำคัญทั้งอยู่ในฐานะผู้ร่วมดับ หรือยิ่งโหมไฟความขัดแย้ง ซึ่งผศ.ดร. Isak Svensson อาจารย์ภาควิชาการวิจัยสันติภาพและความขัดแย้ง มหาวิทยาลัยอุปซาลา ประเทศสวีเดน อธิบายว่า สื่อเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่จะคลี่คลายความขัดแย้งเข้าสู่กระบวนการสันติภาพได้โดยนำเสนอข่าวอธิบายสถานการณ์ที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง กำลังไปถึงไหนและมีแนวโน้มอย่างไร ไม่ใช่แค่นำเสนอข่าวสถานการณ์รายวันซ้ำๆ
“ส่วนหนึ่งของสงครามในยูโกสลาเวีย มาจากนักข่าวที่นำเสนอข่าวเอียงไปฝ่ายรัฐ เป็นการผลิตซ้ำความรุนแรง ให้กลายเป็นความชอบธรรมในการทำลายฝ่ายตรงข้ามรัฐ”
เป็นการยกตัวอย่างการนำเสนอของสื่อที่โหมไฟสงคราม ของผศ.ดร. Isak ในระหว่างการเสวนา “พลังสื่อและการแปรความขัดแย้ง” ในงานวันสื่อทางเลือกชายแดนใต้ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2555 ที่คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
วันสื่อทางเลือกชายแดนใต้ ซึ่งถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2554 เป็นการรวมตัวของเครือข่ายสื่อภาคประชาสังคมเพื่อมุ่งผสานสื่อทุกรูปแบบ ทั้งงานข่าว งานเขียนสารคดีและวรรณกรรม งานวิดีโอ งานภาพถ่าย งานละคร งานวิทยุ รวมถึงสื่ออื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อการร่วมกันแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ร่วมกัน
นายมูฮำหมัด ดือราแม ผู้ช่วยบรรณาธิการโรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟังว่า จากการที่เขาลงพื้นที่ทำข่าวพบว่าชาวบ้านโดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบที่ เชื่อว่ารัฐเป็นผู้ก่อเหตุ หวาดระแวงต่อสื่อมวลชน โดยเชื่อว่าสื่อเป็นเครื่องมือของรัฐ จึงเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ต้องวางบทบาทให้คนเข้าใจว่า สื่อคือพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งการลงไปทำข่าวในฝ่ายชาวบ้าน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านเห็นการทำงานของสื่อและเข้าใจสื่อมากขึ้น
“ด้วยเหตุนี้โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้จึงมุ่งฝึกคนในพื้นที่ซึ่งเข้าใจปัญหาให้ทำข่าวอย่างมืออาชีพ ให้ความสำคัญกับเนื้อหาและนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีพลังพอที่สามารถแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ” นายมูฮำหมัด เชื่อ
สำหรับนายตูแวดานียา มือรืองิง ผู้อำนวยการสำนักข่าวอามาน บอกเล่าถึงเรื่องที่เพิ่งพบเจอสดๆ ร้อนๆ กรณี 4 ศพ ที่ตำบลปูโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีว่า ในช่วงเช้าหลังวันเกิดเหตุเขาถูกชาวบ้านซักถามว่าทำไมถึงออกข่าวว่าชาวบ้านที่ตายเป็นโจรใต้ เขาปฏิเสธ และบอกว่าเป็นการนำเสนอของนักข่าวอื่นที่ลงพื้นที่ในช่วงกลางคืนหลังเกิดเหตุกับทหารหรือเปล่า
“มีเพื่อนผู้สื่อข่าว 2 คน ถูกเด็กในหมู่บ้าน 20 คนล้อมไว้ และตำหนิว่านำเสนอข่าวว่าชาวบ้านเป็นโจรใต้ได้อย่างไร ทั้งที่ชาวบ้านจะไปละหมาดศพ จนผมต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าบางทีนักข่าวในพื้นที่ส่งข่าวไปที่สำนักข่าว แต่ถูกบรรณาธิการสำนักข่าวที่กรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปนำเสนออีกอย่างหนึ่ง” นายตูแวดานียา ถ่ายทอดประสบการณ์
ขณะที่นายมูฮำหมัดซอเร่ เด็ง ผู้ริเริ่มก่อตั้งกลุ่มบินตังโฟโต้ และเป็นสมาชิกเครือข่ายช่างภาพชายแดนใต้ แสดงความเห็นว่า การเขียนข่าว การทำวีดีโอ การทำวิทยุ เขาเชื่อว่าเป็นเรื่องยากในการฝึกฝนให้เป็น แต่ถ้าเป็นภาพถ่ายเขาเชื่อว่าทุกคนมีกล้องถ่ายรูป สามารถถ่ายรูปง่ายๆ นำมาสื่อให้คนนอกพื้นได้เห็น
“ภาพๆ เดียวสามารถสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ได้มาก เช่น ปัญหาสาธารณะต่างๆ ขนบ ธรรมเนียบ วัฒนธรรมพื้นบ้าน รวมถึงอาหารการกินนำมาซึ่งการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกัน เรามีแนวคิดจะทำธนาคารภาพถ่าย หรือพัฒนาไปเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายชายแดนใต้ในอนาคต เพื่อสื่อให้คนนอกพื้นที่ได้รับรู้และเข้าใจผ่านภาพถ่ายมากขึ้น” นายมูฮำหมัดซอเร่ อธิบายถึงแนวคิด
สำหรับนายนิฟูอัด บาซาลาฮา นักจัดรายการวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกันสลาตันปัตตานี ภาคภาษามลายู เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2548 เขาได้ตัดสินใจรับจัดรายการวิทยุกับสำนักข่าว INN ทั้งที่เขาเป็นอุซตาซปอเนาะ แต่เล็งเห็นว่าหากเป็นสื่อก็สามารถร่วมแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ได้ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นตัวประสานงานระหว่างชาวบ้านที่ยังขาดสาธารณูปโภคกับหน่วยงานต่างๆ ได้มาก
“มีชาวบ้านโทรศัพท์เข้ารายการมาหาผมว่าไฟฟ้า น้ำประปายังเข้าไม่ถึงบ้าน จนต้องทำให้ผมต้องประสานงานกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้าน บางคนโทรศัพท์มาพูดคุยเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ด้วย” นายนิฟูอัด เล่า
ทางด้านนายสมเกียรติ จันทรสีมา ผู้อำนวยการสำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ สถานีโทรทัศน์ Thai PBS ซึ่งมีนักข่าวพลเมืองจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แสดงความเห็นว่า นับแต่ปี 2547 ได้เกิดสื่อทางเลือกขึ้น คือสำนักข่าวประชาไท ศูนย์ข่าวอิศรา ตามด้วยนักข่าวพลเมืองของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ทำให้สามารถเปิดพื้นที่สื่อด้วยการนำเสนอประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี การกระจายอำนาจ และเรื่องต้องห้ามหลายๆ เรื่องสื่อสารต่อสาธารณะได้
นางสาวนวลน้อย ธรรมเสถียร อดีตผู้สื่อข่าวบีบีซีภาคภาษาไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตสื่อไฟน์ทูนโปรดักชั่น แสดงความเห็นว่า สื่อส่วนกลางจะไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนักสำหรับคำว่าสื่อมืออาชีพ
“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการนำเสนอข่าวของสื่อทางเลือกชายแดนใต้ก็ต้องนำเสนอข้อมูลที่มีที่มา มีแหล่งอ้างอิง ไม่ใช่กุข่าวขึ้นมานำเสนอ ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยิ่งขึ้น” นางสาวนวลน้อย ย้ำถึงการนำเสนอของสื่อทางเลือกชายแดนใต้
สอดคล้องกับคำกล่าวในงานเลี้ยงช่วงหัวค่ำของคืวันที่ 12 มีนาคม 2555 ของพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ว่า รัฐได้ทุ่มงบประมาณไปกับสื่อกระแสหลักทั้งช่อง 11 ช่อง 9 รวมทั้งสื่ออื่นๆ เพื่อสื่อสารเรื่องราวในจังหวัดชายแดนใต้ ทำความเข้าใจกับคนในและนอกพื้นที่ แต่ไม่ได้ผลในการลดความรุนแรงแต่อย่างใด
“ศอ.บต.ต้องติดตามข่าวสารจากสื่อทางเลือกที่สะท้อนความคิดเห็นที่หลากหลาย รวมถึงความต้องการของคนในพื้นที่ เรามีจุดยืนเดียวกับท่าน เราขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสงบสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเราต้องร่วมกันสร้างมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน” พ.ต.อ.ทวี พูดกับผู้ร่วมงาน
รวมถึงคำพูดปิดงานวันสื่อทางเลือกชายแดนใต้ของนายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ในเวลาบ่ายโมง
“ผมหวังว่าเครือข่ายสื่อทางเลือกชายแดนใต้ จะช่วยกันสะท้อนปัญหานำเสนอออกสู่สาธารณะเพื่อเติมเต็มสื่อกระแสหลักที่ยังขาดความรอบด้านอีกหลายแง่มุม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความไม่สงบของจังหวัดชายแดนใต้” ท่ามกลางการปรบมือรับอย่างเกรียวกราวจากผู้ร่วมงาน