เปิดโฉมหน้า 2 ผู้ต้องสงสัยคาร์บอมบ์โรงแรมลีการ์เด้นส์ พลาซ่า กลางเมืองหาดใหญ่ เผยเครือข่ายคนร้ายโยงใยครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตรวจสอบพบคาร์บอมบ์ 3 คัน มีประวัติออกปฏิบัติการโชกโชน แม่ทัพ 4 แฉคนร้ายกะถล่มหลายจุด แต่ทำได้จริงแค่ 3 แห่ง
เผยโฉม – โฉมหน้าผู้ต้องสงสัย มือคาร์บอมบ์ ลี การ์เดนส์ หาดใหญ่ ที่กล้องวงจรปิดภายในชั้นใต้ดินของโรงแรมบันทึกภาพไว้ได้
เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 2 เมษายน 2555 ที่หน้าเฟซบุ๊ก Charoon Thongnual มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่แสดงภาพภายในชั้นจอดรถยนต์ใต้ดินโรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า ก่อนเกิดเหตุคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ออกมาเผยแพร่ โดยมีคำบรรยายกำกับว่า .. เผยโฉมหน้าผู้ต้องสงสัย มือคาร์บอมบ์ ลี การ์เดนส์ หาดใหญ่ กล้องวงจรปิดภายในชั้นใต้ดินของโรงแรมสามารถบันทึกภาพไว้ได้ ขณะที่เดินขึ้นจากลานจอดรถบริเวณชั้นบี 4 ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่เกิดระเบิด และเดินย้อนออกจากห้างบริเวณทางลงลานจอดรถ โดยชายทั้ง 2 คนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร สวมกางเกงยีนส์ เสื้อแจ๊คเก็ตสีดำ สวมหมวกแก๊ปอำพรางใบหน้า รองเท้าผ้าใบ เดินออกจากลานจอดรถ เวลาประมาณ 10.13 น. ของวันเกิดเหตุ
พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองยะลา เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบเส้นทางที่กลุ่มคนร้ายนำรถยนต์คันก่อเหตุเข้ามาก่อเหตุกลางเมืองยะลาแล้ว และพอจะทราบกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องบ้างแล้ว สำหรับรถยนต์คันที่ก่อเหตุตรวจสอบพบว่า เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บง 3171 ยะลา ของบริษัท ยะลาไพบูรย์กิจ จำกัด ที่ถูกคนร้าย 2 คน ใช้อาวุธปืนจี้ชิงไป จากหน้าบ้านเลขที่ 691 ถนนสิโรรส อำเภอเมืองยะลา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2555 จากนั้นคนร้ายได้นำไปประกอบเป็นระเบิด นำมาก่อเหตุคาร์บอมบ์จุดที่ 2 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555
พ.ต.อ.กฤษฎา เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับระเบิดคาร์บอมบ์จุดแรก เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นโกลด์ซีรีส์ คาดว่าเป็นคันเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุบุกยิงฐานปฏิบัติการกองอาสารักษาดินแดนตำบลกาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ก่อนหน้านี้ ทางหน่วยข่าวความมั่นคงได้แจ้งเตือนทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ให้ตรวจสอบเพ่งเล็งรถยนต์ทั้ง 2 คันอย่างละเอียดแล้ว
เผยสายสัมพันธ์กลุ่มคนร้าย
รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้แจ้งว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในจังหวัดยะลา และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นคนร้ายกลุ่มเดิมที่เคยสลายกลุ่มไปแล้ว แต่กลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง สามารถเชื่อมโยงกันได้ทั้ง 3 จังหวัด และติดต่อประสานการปฏิบัติงานร่วมกันได้
ส่วนกลุ่มที่ปฏิบัติการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ในจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 จากหลักฐานพบว่า เป็นกลุ่มนายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ แกนนำก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ นายซัยฟุลลอฮ หรือซัยฟุลดิน ซาฟรุ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง สำหรับนายซัยฟุลดินเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับนายไฟศอล หะยีสะมะแอ ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีทีมจากอำเภอธารโต จังหวัดยะลา มีนายอับดุลเลาะ ปูลา ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด นายมะซอเร ดือราแม ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดในจังหวัดปัตตานี เพื่อนนายอับดุลเลาะ ปูลา ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงกันได้ โดยจัดประชุมวางแผนกันที่บ้านไบก์ ตำบลบุดี อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ กรณีเหตุที่ศูนย์การค้า ลี การ์เดนส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา การข่าวระบุเป็นฝีมือนายมะซอเร ดือราแม ที่ผลิตระเบิดขับรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดที่ศูนย์การค้า ลี การ์เดนส์ด้วยตัวเอง
แม่ทัพ 4 ยันตอบโต้ปราบยาเสพติด–น้ำมันเถื่อน
พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 เปิดเผยว่า ในแต่ละจุดที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุจัดกลุ่มคนลงทำงาน 5–6 คน แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากยังมีประเด็นภัยแทรกซ้อน ถ้าเร่งสรุปอาจทำให้ประเด็นเบี่ยงเบนได้ ทั้งนี้ฐานข่าวระบุว่า มีการวางแผนก่อเหตุหลายจุดพร้อมกัน แต่จากการควบคุมพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ทำให้คนร้ายก่อเหตุได้เพียง 2 – 3 จุดเท่านั้น เชื่อว่าคนร้ายหวังตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเข้มงวดปราบปรามยาเสพติดและจับกุมน้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มก่อความไม่สงบ รวมทั้งต้องการแสดงศักยภาพ ความมีตัวตน และต้องการควบคุมมวลชนไม่ให้เอาใจออกห่าง โดยไม่สนใจว่าเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง
รัฐบาลมาเลย์เตือนอย่ามาภาคใต้
ดาโต๊ะ ซรี อานิฟาห์ บิน ฮัจญี อามาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ว่า ชาวมาเลเซียทุกคนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังภาคใต้ของไทย หากไม่มีธุระ การประชุม หรือการหารือข้อตกลงใดๆ ที่สำคัญจริงๆ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่โรงแรมลีการ์เด้นพลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ มีผู้เสียชีวิตเป็นชาวมาเลเซีย 1 ราย ผู้บาดเจ็บเป็นชาวมาเลเซีย 27 ราย
ล้อมกรอบ
แถลงการณ์มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
ประณามผู้ก่อเหตุระเบิดสร้างความเสียหายต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์และทรัพย์สินเสียหาย โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ไม่นำพาแนวทางสันติ เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมประณาม แสดงจุดยืนต่อต้านความรุนแรงในทุกรูปแบบ
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ได้เกิดเหตุการณ์การก่อเหตุความรุนแรงขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายแห่ง สร้างความเสียหายต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์และทรัพย์สินเสียหายมากมายใหญ่หลวง ที่จังหวัดยะลาเกิดเหตุ ระเบิดด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ประกอบถังแก๊สจำนวนสามครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 78 ราย ในย่านธุรกิจร้านค้าของอำเภอเมือง จังหวัดยะลา รวมทั้งเหตุระเบิดห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง
หาดใหญ่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บกว่า 100 ราย
ผู้เสียชีวิตและผู้เสียหายทั้งหมด เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธใดใด การกระทำดังกล่าวสมควรถูกประณาม และขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันแสดงจุดยืนต่อต้าน การใช้ความรุนแรงของผู้ก่อเหตุที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ซึ่งรวมถึงเหตุระเบิดที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้รองผู้กำกับการสถานีตำรวจแม่ลานบาดเจ็บ
เหตุการณ์ภายในวันเดียวสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินอีกมากมาย ทั้งไม่มีผู้ใดแสดงความรับผิดชอบ และเหตุแห่งการก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งอาจมีเป้าประสงค์เพื่อ ประโยชน์ทางการเมือง แต่กลับเป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่อประเทศไทยอย่างไร้คุณธรรม
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอประณามผู้ใช้ความรุนแรงการก่อเหตุร้ายโหดร้าย มุ่งประสงค์ต่อผู้บริสุทธิ์ และสร้างความเสียหายต่อสาธารณะ และขอให้ผู้ก่อเหตุร้ายยุติการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างผิดกฎหมาย การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมที่สร้างความหวาดกลัว และความไม่ปลอดภัยต่อสาธารณะชน การใช้ความรุนแรงที่มุ่งเน้นสร้างความวุ่นวาย และไม่แสดงจุดยืนการก่อเหตุและการเรียกร้องทางการเมืองแต่ประการใด
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับความเสียหายจากความรุนแรงดังกล่าวทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ และขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือต่อผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็วและเหมาะสม อันเป็นการเยียวยาความเสียหาย และความรู้สึกทางจิตใจของผู้ประสบเหตุดังกล่าว
นอกจากนี้ รัฐยังมีภาระหน้าที่ในการปรับปรุงแก้ไขมาตรการความปลอดภัยใหม่ มาตรฐานสร้างความ
น่าเชื่อถือต่อสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธที่เกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีแนวโน้มในการใช้วัตถุระเบิด หรือการใช้ถังบรรจุก๊าซที่ทำให้ระเบิดอานุภาพรุนแรง ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ มีความอดทนอดกลั้น ต่อการยั่วยุและสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ และปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เคารพต่อหลักการของกฎหมายสิทธิมนุษยชน และการใช้เครื่องมือด้านวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ