นายรอง แก้วสกุล ผู้ประสานงานเครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดลุ่มน้ำปากพนัง ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำปากพนัง สมาคมประมงพื้นบ้านอำเภอหัวไทร เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันจัดเสวนา “สิทธิชุมชน กับแผนพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใ
“เวทีเสวนาจะพบกับนางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา นางมลิวัลย์ นาควิโรจน์ เลขาธิการเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ จังหวัดลำปาง นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย จากนั้นร่วกันชมการแสดงดนตรีจากศิลปินเพลงเพื่อชีวิต อาทิ ตุด นาคอน แสง ธรรมดา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการออกร้านค้าขายอาหารทะเลสดๆ และผลิตผลทางการเกษตรอีกด้วย” นายรอง กล่าว
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2555 ที่ ห้องประชุมอาคารวิจัย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช สถาบันวิจัยและพัฒนา หน่วยวิจัยพลังงานหมุนเวียน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่นศูนย์ประสานงานจังหวัดนครศรีธรรมราช เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา และองค์กรเครือข่าย จัดเสวนา“ปัญหาพลังงาน...ทำไมจึงกลายเป็นปัญหาของท้องถิ่น” โดยมีผู้เข้าร่วมจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร และตรัง ประมาณ 300 คน
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ได้บรรยายในหัวข้อ “มองโลก มองเรา มองทางออก:การเคลื่อนขององค์กรพลังงานโลกกับผลกระทบต่อวิถีท้องถิ่น” ว่า แร่และปิโตรเลียมนั้นเป็นของรัฐตามมาตรา 22 และ 23 ของพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ระบุว่าการทำสัมปทานใดๆ ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐ หลักสำคัญคือ แร่และปิโตรเลียมเป็นของรัฐ ไม่ใช่ของประชาชนไม่ว่าพบที่ใดก็ตาม แตกต่างกับของสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศที่เจ้าของเป็นปัจเจกสามารถเป็นเจ้าของปิโตรเลียมได้หากพบในที่ดินของตนเอง
“รัฐไทยไม่ใช่แค่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองไหนๆ ทิศทางเหมือนกันหมด หรือแม้แต่รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร หรือรัฐธรรมนูญฉบับไหนๆ นโยบายพลังงานทิศทางเดียวเหมือนกันหมดไม่มีการเปลี่ยน มีทางเดียวที่ต้องช่วยกันคือก้าวข้ามให้พ้น แล้วร่วมกันผลักดันให้ทรัพยากรแร่และปิโตรเลียมนั้นเป็นของประชาชน” นายคำนูณ กล่าว