ศาลอาญายกฟ้อง 5 แกนนำป่วนใต้ อดีตผู้นำนักศึกษาม.อ.ปัตตานี คดียิงตำรวจปัตตานี ชี้พยานหลักฐานอ่อน
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2555 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายมุสตอปา เจ๊ะยะ นายอิลยาส มันหวัง นายอุสมาน ปะชี นายยูไล โสะปนแอ และนายมะอาซี บุญพล สมาชิกขบวนการ "เบอร์ซาตู" ในกลุ่มบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต จำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันก่อการร้าย
ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-29 ธันวาคม 2547 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายและ ก่อการร้ายรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี เพื่อแบ่งแยกดินแดน ใช้อาวุธปืนฆ่าเจ้าพนักงาน ตำรวจ โดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน มุ่งหมายเพื่อบังคับขู่เข็ญให้รัฐบาลยินยอมแบ่งแยกดินแดน จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และบางส่วนของจังหวัดสงขลา ออกจากราชอาณาจักร เพื่อสถาปนารัฐอิสระ ปกครองตนเอง เรียกว่า รัฐปัตตานี หรือ รัฐปัตตานีดารุสสลาม
โดยวันที่ 29 ธันวาคม 2547 จำเลยร่วมกันวางแผนฆ่า ด.ต.โมหามัด เบญญากาจ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดที่ ตำบลบานา ตำบลสะบารัง ตำบลตะลุโบ๊ะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดที่ใช้ติดต่อสื่อสารไว้เป็น ของกลาง ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า โจทก์มีเพียงพยานที่เป็นพนักงานสอบสวนเบิกความโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่น ที่ยืนยันชี้ชัดว่าใครเป็นคนร้ายยิงผู้เสียชีวิต และมีเพียงคำรับสารภาพจำเลยทั้ง 5 ที่เขียนด้วยลายมือ อีกทั้งเจ้าพนักงานไม่สามารถตรวจยึดอาวุธปืน หรือมีประจักษ์พยานเห็น คนร้ายลงมือยิงผู้เสียชีวิต
นอกจากนี้ยังเห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าการโทรศัพท์ ติดต่อกันของจำเลยเป็นการพูดคุยเพื่อก่อการร้าย และเป็นบุคคลที่เข้าร่วมขบวนการ ก่อการร้าย และไม่ปรากฏชื่อจำเลยทั้ง 5 อยู่ในสารบบผู้ก่อการร้าย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 5 ร่วมกันก่อการร้าย พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยทั้ง 5 ไว้ระหว่างอุทธรณ์