Skip to main content

เอกอัครราชทูตมาเลเซียเยือนอิสลามบูรพา ผู้บริหารวอนช่วยพัฒนาบุคลากร อุดหนุนงบและอุปกรณ์การสอน   ระบุโรงเรียนยังไม่ได้งบจากรัฐหลังเปิดดำเนินการอีกครั้ง  มาเลเซียพร้อมให้ความช่วยเหลือ

 

          เวลา 9.30 น. วันที่ 8 กรกฏาคม 2555 นาง Nazirah Hussain เอกอัครราชฑูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้ไปเยือนโรงเรียนอิสลามบูรพา ต.กะลุวอเหนือ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส  หลังจากได้เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2554 

          นาง Nazirah ได้กล่าวกับบุคลากรและนักเรียนโรงเรียนอิสลามบูรพาที่มาร่วมต้อนรับการมาเยือนครั้งแรกนี้ว่าตนได้ติดตามข่าวของโรงเรียนมานานและรู้สึกดีใจที่โรงเรียนได้เปิดดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง และสำหรับโครงการที่ส่งมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตมาเลเซีย ตนรับจะดำเนินการให้ แต่ทั้งนี้ ทุกคนต้องช่วยกันขอพรจากพระองค์อัลลอฮฺให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี

นายไฮมิง รอแม ครูสอนศาสนาของโรงเรียนอิสลามบูรพาซึ่งเป็นตัวแทนในการนำเสนอประเด็นปัญหาของโรงเรียนเปิดเผยว่า ทางโรงเรียนเตรียมหนังสื่อขอความอนุเคราะห์ที่จะส่งให้กับทางสถานทูต โดยมี 3 เรื่อง คือ หนึ่ง อยากให้มาเลเซียร่วมพัฒนาบุคลากรครูในโรงเรียน  ด้วยการอนุญาตให้ไปร่วมเข้าอบรมหรือทัศนศึกษาในประเทศมาเลเซีย  ซึ่งมีคุณภาพการศึกษาและแบบอย่างการเรียนการสอนที่เจริญก้าวหน้า  สอง ขอความอนุเคราะห์สนับสนุนอุปการณ์การเรียนการสอน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากทางโรงเรียนไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้นักเรียนได้ใช้ในการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และสาม ขอให้สถานทูตมาเลเซียอุดหนุนงบประมาณบางส่วนให้ทางโรงเรียนได้จัดเป็นกองทุนเพื่อพัฒนาโรงเรียนต่อไป

โรงเรียนอิสลามบูรพา ถูกปิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550 หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณโรงเรียนอิสลามบูรพาและพบวัตถุต้องสงสัยซึ่งใช้สำหรับการประกอบระเบิดจำนวนมาก  ต่อมามีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง 7 คน  และเมื่อเดือนมีนาคม 2555 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินประหารชีวิต 5 ราย อีกหนึ่งรายถูกตัดสินจำคุก 27 ปี และอีกหนึ่งรายหลบหนีระหว่างถูกดำเนินคดี

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ได้ผลักดันให้เปิดโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ไม่นานหลังจากที่เขาขึ้นมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ปัจจุบันโรงเรียนอิสลามบูรพามีนักเรียนทั้งหมด 160 คน ซึ่งเป็นนักเรียนหญิงประมาณ 100 คน เปิดการเรียนการสอนสายสามัญชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 และสายศาสนาตั้งแต่ชั้น 1 - 10 โดยมีอาจารย์ผู้สอนทั้งสายศาสนาและสามัญรวม 33 คน ก่อนจะมีคำสั่งปิด โรงเรียนแห่งนี้เคยมีนักเรียนมากถึง 800 คน

          น.ส.ซุไบดะห์ ดอเลาะ ครูใหญ่โรงเรียนอิสลามบูรพาและนายอุเซ็ง ปุโรง ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอิสลามบูรพาได้พานาง Nazirah ชมบริเวณโรงเรียนโดยรอบ ทั้งส่วนที่เป็นหอพักหญิง หอพักชายและศาลาที่ละหมาด ซึ่งทางโรงเรียนกำลังหาเรื่องบริจาคเพื่อซ่อมแซมบริเวณดังกล่าวอยู่ด้วย

          นางสุไบดะ ดอเลาะ ครูใหญ่โรงเรียนอิสลามบูรพาให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ทางโรงเรียนได้ส่งหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังแหล่งทุนต่างๆ เพื่อให้โรงเรียนสามารถดำเนินกิจการได้ ปัจจุบัน ทางโรงเรียนยังไม่ได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล เนื่องจากโรงเรียนได้รับใบอนุญาตเปิดการเรียนการสอนหลังปีงบประมาณ  2555 ทำให้ต้องรอปีการศึกษาหน้า จึงจะเริ่มได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล

          “โรงเรียนอิสลามบูรพาเพิ่งเปิดการเรียนการสอนใหม่ หลังจากถูกปิดไปนาน อาคารต่างๆ ทรุดโทรมลงมาก ทางโรงเรียนจึงเสนอให้ขอรับบริจาคเพื่อเป็นทุนสำหรับการดำเนินกิจการโรงเรียนในช่วงแรก ซึ่งมีความต้องการเร่งด่วน” นางสุไบดะ กล่าว

          พ.ต.อ.ทวี เลขาธิการศอ.บต. ได้เข้าร่วมต้อนรับท่านเอกอัครราชฑูตมาเลเซียในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน    โดย พ.ต.อ.ทวี ได้กล่าวว่าตนรู้สึกดีใจที่ทางเอกอัครราชทุตเดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งตนทราบว่าคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสัมพันธ์อันดีอย่างยิ่งกับพี่น้องชาวมาเลเซีย

          พ.ต.อ. ทวีอธิบายกับคณะทูตานุทูตจากมาเลเซียและผู้แทนของโรงเรียนอิสลามบูรพาว่าทางศอบต. มีแนวทางขจัดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่โดยสันติวิธี โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมในเรื่องของการศึกษา ศาสนา และความเป็นธรรม  นอกจากนี้ เขาได้เสนอให้ทางมาเลเซียร่วมออกแบบหลักสูตรการศึกษาในจังหวัดชายแดนใต้ร่วมกับองค์กรในพื้นที่ เนื่องจากเยาวชนมีความนิยมไปศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซีย

          “การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทางศอบต.พยายามส่งเสริมการศึกษาให้คนที่นี้ได้พัฒนาขึ้น และการศึกษาไม่ควรจะต้องมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และความขัดแย้งต้องแก้ไขโดยการศึกษา” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

นาง Nazirah ได้กล่าวทิ้งท้ายว่าตนเห็นด้วยว่าการศึกษาสำคัญสำหรับทุกประเทศ ซึ่งการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยก็ถือว่าเป็นการพัฒนาคุณภาพของอาเซียนด้วย เพราะเยาวชนเหล่านี้ก็คืออนาคตของอาเซียนและของโลก