เผยแพร่วันที่ 18 สิงหาคม 2560
ขอประณามกลุ่มติดอาวุธ
กรณีสังหารพลเรือน ปล้นรถยนต์ ในจังหวัดสงขลาเพื่อทำคาร์บอมบ์
ขอให้ฝ่ายความมั่นคงใช้ขันติธรรมและไม่สมควรโต้ตอบด้วยความรุนแรง
จากสถานการณ์การปล้นรถยนต์ในพื้นที่ อ.เทพาและ อ.นาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2560และทางราชการสามารถติดตามนำรถที่ปล้นได้ทั้งหมดจำนวน 7 คันแล้วเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 โดยทางการเชื่อว่าเป็นการทำแผนประทุษกรรมและการก่อความไม่สงบโดยกลุ่มบุคคลเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับกองกำลังติดอาวุธ ในจังหวัดชายแดนใต้ อย่างน้อย 6 คน ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มจากที่กลุ่มบุคคล ได้ใช้บุกปล้นรถยนต์กระบะอีก 6 คัน จากเต๊นท์รถยนต์มือสองในอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นรอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมทั้งได้จับตัวพนักงานเต๊นท์รถยนต์ไป 4 คน แล้วทำร้ายเพื่อมุ่งสังหารพนักงานดังกล่าวอย่างโหดเหี้ยม จนทำให้เสียชีวิต 1คนเป็นพลเมือง และกลุ่มผู้ก่อเหตุเสียชีวิต 1 คน ทางการมีหลักฐานเชื่อว่ารถที่ปล้นกำลังจะนำไปบรรทุกระเบิดเป็นคาร์บอมบ์ โดยรถจำนวน 2 ใน 7 คันเกิดเหตุระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงแต่จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหายในวงจำกัดทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน มูลนิธิผสานวัฒนธรรมมีความเห็นต่อสถานการณ์นี้ดังนี้
1. ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่สูญเสียทรัพย์สินจากเหตุการณ์ครั้งนี้
2. ขอประณามกลุ่มติดอาวุธ โดยเห็นว่า การใช้กำลังปล้นเต๊นท์รถยนต์และสังหารพนักงานซึ่งเป็นพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบนั้นเป็นการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และจากกรณีที่ผ่านมาที่กลุ่มติดอาวุธได้ปฏิบัติการในลักษณะเดียวกันหลายครั้งในจังหวัดชายแดนใต้ อย่างกว้างขวาง และเป็นระบบ ถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ที่ผู้นำของกลุ่มติดอาวุธและผู้ปฏิบัติการจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย ทั้งกฎหมายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ
3. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งด้วยอาวุธเจรจาและทำข้อตกลง ที่มีผลในการปฏิบัติอย่างแท้จริง เพื่อยุติการโจมตีพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ โดยเฉพาะหญิงและเด็ก รวมทั้งบุคคลากรและสถานที่ที่เกี่ยวกับงานด้านมนุษยธรรม เช่นโรงเรียน สถานพยาบาล ศาสนสถาน พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายและพื้นที่ปลอดภัยโดยต้องได้รับการเคารพและยึดถือปฏิบัติจากทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด
4. ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาตัวคนร้ายมาลงโทษ โดยยึดถือปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัด อีกทั้งทางหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงใช้ขันติธรรมและไม่สมควรโต้ตอบด้วยความรุนแรง ละเมิดสิทธิมนุษยชนและการใช้ภาษาที่แสดงถึงความเกลียดชังที่เป็นการสร้างให้เกิดวงจรความรุนแรง
5. ขอเรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มติดอาวุธแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว และทำให้ประชาชนมั่นใจว่า เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
6. ขอให้หน่วยงานของรัฐเยียวยาผู้ที่สูญเสียและเสียหาย ทั้งในด้านทรัพย์สิน ชีวิต และร่างกาย และให้มีมาตรการการคุ้มครองแก่พลเรือนอย่างได้ผล
7. ขอให้ประชาชน ชุมชน ภาคประชาสังคม และกลุ่มองค์กรต่างๆ เฝ้าระวังการก่อเหตุร้ายไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายใด และใช้มาตรการอย่างเหมาะสม ในการป้องกัน หรือคัดค้านการก่อเหตุร้ายดังกล่าว
ขอสันติสุขจงเกิดแก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้
18 สิงหาคม 2560