วันศุกร์ พวกท่านจงรีบเนียตและอาบน้ำเตรียมละหมาดวันศุกร์เถิ ดก่อนที่ท่านจะถูกละหมาด
จงเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้า
แม้เราจากการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมต่างกันจงระวังการฟิตนะห์
ผมเอง ยังขอยืนยันว่า มิได้อยู่ข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ( หากแต่ ) เป็นการนำเสนอ เพื่อเรียกร้องให้พี่น้องมุสลิมทุกท่าน มองถึงผลร้ายที่ก่อเกิดจากการ " ฟิตนะ " " กล่าวหา " " และไม่ยอมแสดงเหตุผล "
ของมุสลิมหนึ่ง ๆ ที่มีต่อมุสลิม อีกหนึ่ง
--------------------------------------------------------------
( บันทึกโดยท่านมุสลิม )
" จากหุซัยฟะฮฺ เล่าว่า ครั้งหนึ่งพวกเราพร้อมด้วยท่านอุมัรฯ "
ท่านอุมัรฯ ได้กล่าวขึ้นว่า " มีใครเคยได้ยินท่านรสูลฯ พูดเรื่อง ( ฟิตนะห์ ) "
คนกลุ่มหนึ่งจึงตอบว่า " พวกเราเคยได้ยิน "
ท่านอุมัร จึงกล่าวว่า " พวกท่านคงหมายถึงฟิตนะฮฺ ที่เกิดขึ้นในครอบครัว หรือเพื่อนบ้านของท่าน "
คนกล่มหนึ่งในนั้นตอบว่า " ใช่แล้ว "
ท่านอุมัรกล่าวว่า " ฟิตนะฮฺ ดังกล่าว สามารถลบล้างให้หมดไปได้ด้วยการละหมาด การถือศิลอด และการทำทาน ( แต่ ) พวกท่านเคยได้ยินไหม ที่ท่านรสูลฯ กล่าวถึงฟิตนะฮฺ ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้น ประหนึ่งคลื่นในทะเล "
หุซัยฟะฮฺเล่าว่า " ผุ้คนต่างเงียบ ดังนั้นฉัน ( หุซัยฟะฮฺ ) จึงกล่าวว่า " ท่านและบิดาของท่าน เป็นพลี ฉันเคยได้ยิน "
ท่านรสูลฯ จึงกล่าวว่า " ฟิตนะฮฺ ฝัง ณ ก้นบึ้งของจิตใจมนุษย์ ทีละเล็กทีละน้อย ประหนึ่ง การสานเสื่อ ดังนั้น จุดดำจึงเกิดขึ้นในจิตใจ ส่วนจิตใจ ที่ปฏิเสธฟิตนะฮฺ จะยังคงขาวสะอาด ตราบเท่าที่ฟ้า และดินยังดำรงอยู่ และจิตใจที่มีจุดดำนาน ๆ จะยิ่งดำมือ ประหนึ่ง หม้อดินที่ดำสนิทคว่ำอยู่ จิตใจ จะไม่รู้จักแยกแยะความดี และความชั่ว มันจะตามอารมณ์ใฝ่ต่ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น "
หุซัยฟะฮฺ เล่าต่อไปว่า " ระหว่างพวกท่านกับฟิตนะฮฺที่ยิ่งใหญ่นั้น มีประตูอยู่บานหนึ่ง ซึ่งใส่กุญ่แจอย่างมั่นคง เพราะเป็นที่หวั่นเกรงว่า ประตูดังกล่าวจะถูกทำลาย ( ท่านอุมัรถามว่า ) จะถูกทำลายเชียวหรือ ถ้าเปิดดี ๆ อาจจะปิดได้อีกครั้ง "
ท่านหุซัยฟะฮฺ เล่าว่า " ประตูดังกลาว หมายถึง ผู้นำคนสำคัญ ซึ่งต่อมาถูกสังหาร หรือตายเอง และอัล-ฮาดีสนี้ ไม่ใช่ เรื่องเล่าปรัมปรา "
การนั่งระหว่าง 2 คุตบะฮฺ (วันศุกร์) เป็นสิ่งจำเป็น (วาญิบ) โดยการเห็นพ้อง (อิตฺติฟ๊าก) และจำเป็นต้องมีการสงบนิ่ง (ฏ่อมะอฺนีนะฮฺ) ในการนั่ง ดังที่อิหม่ามอัลฮะร่อมัยน์และนักวิชาการท่านอื่น ๆ ระบุไว้อย่างชัดเจน อัศฮาบุชชาฟิอียะฮฺกล่าวว่า : การนั่งนี้เป็นการนั่งเบา ๆ อย่างมาก (สั้น ๆ) ขนาดเท่ากับซูเราะฮฺอัลอิคฺล๊าซโดยประมาณ และที่จำเป็นจากการนั่งนั้นคือขนาดของการสงบนิ่ง (قَدْرُالطمَأْنِيْنَةِ) นี่คือสิ่งที่ถูกต้องและเป็นที่รู้กันว่าอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) ได้ระบุเป็นตัวบทและชี้ขาดเอาไว้ แต่อัรรอฟิอีย์ได้เล่าเอาไว้อีกประเด็นหนึ่งว่า มีเงื่อนไขในการนั่งว่าต้องมีขนาดเท่ากับซูเราะฮฺอัลอิคล๊าซฺและมีนักวิชาการบางท่านเล่าเอาไว้ว่าเป็นตัวบทที่อิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) ระบุเอาไว้ซึ่งอ่อน (ضَعِيْفٌ) -อัลมัจญ์มูอฺ ชัรฮุ้ลมุฮัซฺซับ เล่มที่ 4 หน้า 384)
และส่วนหนึ่งจากเงื่อนไขต่าง ๆ ของการคุตบะฮฺ (วันศุกร์) นั้นคือ ความต่อเนื่อง (อัลมุวาลาตฺ) ระหว่างบรรดารุ่ก่นของคุตบะฮฺ และระหว่างคุตบะฮฺแรกและคุตบะฮฺที่ 2 และระหว่างคุตบะฮฺที่ 2 กับการละหมาด ดังนั้นถ้าหากมีสิ่งคั่น (ฟาซิลฺ) ที่ยาว (นาน) ตามจารีต (อุรฺฟ์) ระหว่างคุตบะฮฺที่ 1 และคุตบะฮฺที่ 2 หรือระหว่างทั้งหมดของ 2 คุตบะฮฺกับการละหมาดถือว่าคุตบะฮฺนั้นใช้ไม่ได้ ฉะนั้นถ้าหากเป็นไปได้ในการย้อนกลับไปคุตบะฮฺใหม่ ก็ถือว่าจำเป็น ถ้าไม่ได้ก็ต้องแปรละหมาดวันศุกร์เป็นละหมาดซุฮฺริ (อัลฟิกฮุ้ลมันฮะญี่ย์ เล่มที่ 1 หน้า 206)
สรุปคือ ความต่อเนื่อง (อัลมุวาลาตฺ) ถูกพิจารณาใน 3 ตำแหน่ง คือ
1) ระหว่าง 2 คุตบะฮฺ ดังนั้นการคั่นระหว่าง 2 คุตบะฮฺจะต้องไม่ยาวนาน
2) ระหว่างบรรดารุ่ก่นของการคุตบะฮฺ
3) ระหว่าง 2 คุตบะฮฺกับการละหมาด
ดังนั้นจะต้องไม่มีการคั่นที่ยาวนานระหว่างคุตบะฮฺที่ 2 จาก 2 คุตบะฮฺนั้นกับการละหมาด (อิอานะตุดตอลิบีน เล่มที่ 2 หน้า 83) และคำว่า คั่นที่ยาวนานตามจารีต (طَوِيْلُ الْفَصْلِ عُرْفًا) นั้นหมายถึงขนาดเท่ากับการละหมาด 2 รอกอะฮฺที่ละหมาดแค่ใช้ได้ กล่าวคือ จำกัดอยู่เฉพาะรุ่ก่นของการละหมาด 2 รอกอะฮฺ นั้น ฉนั้นการคั่นเพียงเล็กน้อยที่มีขนาดหรือเวลาไม่นานเท่ากับการละหมาด 2 รอกอะฮฺก็ถือว่าไม่มีผลเสียแต่อย่างใด (อ้างแล้ว เล่มที่ 2 หน้า 83,84) ซึ่งเมื่อพิจารณาตามเนื้อหาข้างต้นแล้ว การนั่งระหว่าง 2 คุตบะฮฺของค่อตีบและการซ่อละหวาตของบิล้าลหรือการอ่านซูเราะฮฺอัลอิคล๊าซนั้นไม่น่าจะกินเวลาเท่ากับการละหมาด 2 รอกอะฮฺแต่อย่างใด
ดังนั้นการระบุว่าจะต้องมีระยะเวลาอย่าให้นานเกินกว่าการอ่านซูเราะฮฺอัลอิคล๊าซฺ 1 ต้น ถ้าเกินถือว่าขาดความต่อเนื่อง (มุวาล๊าตฺ) จึงเป็นคำกล่าวที่ออกจะเกินเหตุมากไป เพราะระยะเวลาในการละหมาด 2 รอกอะฮฺสั้น ๆ นั้นน่าจะพอสำหรับการอ่านซูเราะฮฺอัลอิคล๊าซฺ หรือ ซอละหวาตได้มากกว่า 1 ครั้ง (1 จบ) ด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตามอาจจะมีทัศนะของนักวิชาการบางท่านระบุไว้อย่างที่คุณกล่าวมา แต่ก็เป็นเพียงทัศนะนั่นเอง ทั้งนี้มาตรฐานของการคั่นที่ยาว ซึ่งจะทำให้ขาดความต่อเนื่องในการคุตบะฮฺและทำให้การคุตบะฮฺใช้ไม่ได้นั้น นักวิชาการถือเอาระยะความนานตามหลักจารีต (อุรฺฟ์) เป็นเกณฑ์ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง
والله أعلم بالصواب