เหตุใดทรัมป์จึงทิ้งบอมบ์ยักษ์ MOAB ในอัฟกานิสถาน? (ตอนที่ 2)
อนุชา เกียรติธารัย
2. เพื่อปราม
2.1. ปรามรัสเซียว่าอย่ามายุ่งในอัฟกานิสถาน
รัฐบาลอัฟกานิสถาน แม้จะเป็นพันธมิตรกับมะกัน แต่ก็แอบงอนพี่ใหญ่ที่ไม่จัดการตาลีบานและ ISIS ในอัฟกาฯให้เด็ดขาด จึงเริ่มมีใจให้รัสเซีย ซึ่งวาดลวดลายถล่ม ISIS ในอิรักและซีเรียแทบไม่ต้องได้หายใจหายคอ จับมืออิหร่านกวาดล้างจนเหลืออาณาเขตกระจ้อยร่อย ทำให้พี่ใหญ่มะกันต้องโชว์พาวให้รัฐบาลอัฟกาฯเห็นว่า ... ยังเอาอยู่
รัสเซียเองก็สนที่จะคานอำนาจมะกันในอัฟกานิสถาน และอีกอย่าง หากกลุ่มก่อการร้าย ISIS เติบโตในอัฟกาฯ ย่อมจะกระเทือนถึงเสถียรภาพของรัฐบริวารรัสเซียในเอเชียกลาง เช่นอุซเบกิสถาน คาซักฯ ทาจิกฯ เติร์กเมนิสถาน ซึ่งหากปล่อยให้ ISIS โตในรัฐเหล่านี้ มอสโคว์จะตกเป็นเป้าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งรัสเซียยอมไม่ได้
การที่มะกันทิ้งบอมบ์ชุดใหญ่อย่าง MOAB เพื่อส่งสัญญาณให้รัสเซียรู้ว่า "ข้ารู้นะเอ็งจ้องปลาชิ้นนี้โดยอ้างปราบ ISIS ตอนนี้ข้าปราบแล้ว เอ็งไม่มีข้ออ้างแล้วล่ะ"
2.2. ปรามเกาหลีเหนือว่าอย่าบังอาจซ่า เพราะแม้จะมีกฎข้อห้ามเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้นิวเคลียร์ถล่มเอ็ง เพราะข้ามี MOAB ที่อานุภาพน้องๆนิวเคลียร์ และไม่มีข้อห้าม ฉะนั้น จงสงบเสงี่ยมและเจียมตัวซะ...
2.3. ปรามจีนในฐานะที่มีเขตแดนส่วนหนึ่งติดกับอัฟกานิสถาน เพื่อหวังให้ไปปรามเกาหลีเหนืออีกทอดหนึ่ง ในฐานะเด็กในสังกัด แต่งานนี้ไม่หมู เพราะจีนสั่งระดมทัพกว่าแสนนายประชิดชายแดนเกาหลีเหนือ ถ้ามะกันบุก จีนกระโจนขึ้นสังเวียนแน่ครับ เพราะจีนจะยอมไม่ได้หากจะต้องมีชายแดนติดกับรัฐในอารักขามะกัน หากคิมน้อยแพ้
นอกจากนี้มะกันก็ไม่ต้องการให้มังกรผงาดวาดลวดลายในทะเลจีนใต้
แต่งานนี้ ถ้ามังกรไม่แน่จริง ปธน.ดูเตอร์เต้แห่งฟิลิปปินส์คงไม่หันมาซบจีนหรอกครับ ฟิลิปปินส์คงมั่นใจว่า หากเกิดสงครามกับจีน... มะกันโพ้นทะเลลอยแพตรูแน่นอน เหมือนที่เคยม้วนเสื่อกลับบ้านเมื่อครั้งสงครามเวียตนาม ลอยแพฝ่ายเวียตนามใต้อย่างไร้เยื่อใย
2.4. ปรามอิหร่าน ในฐานะที่มีพรมแดนติดกับอัฟกาฯ ย่อมได้รับแรงสั่นสะเทือน และปรามว่าอิหร่านอย่าได้คิดยุ่งกับอิรักและซีเรีย เพราะข้าสามารถหย่อนระเบิดอานุภาพทำลายล้างสูงแต่ไม่ผิดกฎนิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ
2.5. ปรามรัฐบาลซีเรีย เพราะหลังจากที่มะกันโจมตีซีเรียแล้ว รัสเซีย อิหร่านและ ฮิซบอลลาห์ประกาศพร้อมแก้เผ็ดหากมะกันลงมือซ้ำสอง มะกันไม่กล้าชนโดยตรง จึงเลือกสร้างกระแสข่าวกระทบชิ่งมาจากฟากอัฟกานิสถานดีกว่า เพราะทั้งอิหร่านและรัสเซียไม่มีอิทธิพลมากนักในแถบนั้น
นอกจากนี้ ทรัมป์คงจะแค้นน่าดู หลังปธน.ซีเรียแถลงข่าวว่า ความสูญเสียจากมิสไซล์โทมาฮอว์คนั้นเล็กน้อยมาก และไม่ส่งผลเท่าใดนักต่อปฏิบัติการกวาดล้างกบฎซีเรียและ ISIS ...พูดอย่างนี้เอามีดมาแทงซะยังจะดีกว่า
2.6. ปรามฮิซบุลลอฮ์ อย่าบังอาจคิดโจมตีอิสราเอลลูกนอกใส้ของมะกันเด็ดขาด
บางคนอาจมองว่าไม่น่าจะเกี่ยว แต่ทราบมั้ยครับว่า นายกอิสราเอลคือผู้ที่ยุแยงทรัมป์ให้หุนหันพลันแล่นโจมตีซีเรียโดยไม่เกรงใจอุ้งตีนหมีขาว มีรายงานว่า อิสราเอลมีบทบาทสำคัญในการชี้เป้าและอำนวยความสะดวกในการโจมตี เพราะฐานทัพที่ทรัมป์โจมตีนั้น...เคยยิงมิสไซล์ต่อต้านเครื่องบินรบอิสราเอลที่ล่วงล้ำเขตแดนเพื่อไปถล่มชานเมืองพัลไมร่าเพื่อช่วย ISIS
สรุปแล้ว การเปลี่ยนนโยบายแบบเฉียบพลันของทรัมป์ ผมเชื่อว่าเกี่ยวเนื่องกับการจับมือเป็นแนวร่วมระหว่าง อิสราเอล ซาอุฯ ตุรกี และชาติอรับแถบอ่าวเปอร์เซีย เพราะทรัมป์เองต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจมะกัน และซาอุฯ+ชาติอรับอ่าวฯก็พร้อมเปย์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (บริษัทอาวุธ) มะกัน แลกกับการยืมมือมะกันล้มแนวร่วมอิหร่าน ซีเรีย อิรัก เลบานอน ที่มีรัสเซียหนุน
ทั้งหมดนี้ ประจวบเหมาะกับสถานการณ์ที่มะกันอยากเปลี่ยนมาเน้นนโยบาย "รุก"ตะวันออก (Look East) และหันมากดดันว่าที่มหาอำนาจเศรษฐกิจอย่างจีน
ใหนๆก็ใหนๆแล้ว ควบรวมทั้งการเบี่ยงเบนและการปรามในสองภูมิภาคเลยก็แล้วกัน
...#หย่อนเจ้าแม่ระเบิดลงในอัฟกานิสถานลูกเดียว...#หวังนกหลายตัว
_________
*หมายเหตุ: ท่านอาจารย์วรางคณา นิพัทธ์สุขกิจ คณบดีคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้กรุณาตั้งประเด็นคำถามดังกล่าวไว้
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
เหตุใดทรัมป์จึงทิ้งบอมบ์ยักษ์ MOAB ในอัฟกานิสถาน? (ตอนที่ 1)