เรื่องเล่าของเมื่อวาน...
เรามีเรื่องเล่าของเมื่อวานมา 13 ปีเต็ม ย่างเข้าปีที่ 14 แล้ว
เรื่องในพื้นที่ชายแดนใต้ ปาตานี ที่ไม่มีใครอยากฟัง แต่ต้องฟัง ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ก็ยังเกิด และนี่ก็เป็นเรื่องของเมื่อวาน ที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
บ่ายสองกว่า ในวันที่อากาศคล้ายจะสดชื่น หลังฝนตก ช่วงเที่ยง-บ่ายโมง ในเมือง'ตานี ผู้คนยังขวักไขว่ เดินทางไปมาใช้ชีวิต ฉันก็เช่นกัน ตอนนั้นเตรียมตัวประชุมอยู่
บ่ายสองกว่า ณ ห้างบิ๊กซี ปัตตานี ที่ที่ใครกล่าวขาน ว่าคือจุดรวมพล ของคน'ตานี ผู้คนมากมาย อุ้มลูกจูงหลาน หาความสำราญ ฉันก็กำลังมีความสุข สนุกกับการประชุมอยู่
ณ บิ๊กซีปัตตานีที่เดิม แต่เวลากำลังย้ายเข็มไปข้างหน้า เสียงพูดคุยของผู้คนคนจอแจ แต่ในเวลานั้นเอง มีหนึ่งเสียงระเบิด กลับปรากฎ ในที่แห่งนี้ เสียงผู้คนยิ่งดังจอแจ แต่ไม่มีบทสนทนา บทเดิม เพราะบทสนทนาเปลี่ยนจากคำพูด ของความสุขสนุก เป็นเสียงตะโกนโวยวาย พร้อมเสียงสะอื้นไห้ระงม เวลาก็ทำหน้าที่ต่อไป ผู้คนก็เช่นกัน แต่เรื่องราว ช่วงบ่ายสองครึ่ง ณ บิ๊กซีปัตตานี ไม่จบแค่นั้น เมื่อรถกะบะ ที่จอดเทียบทางเท้า ด้านหน้าห้าง ได้ระเบิดขึ้น พร้อมทำลายทุกอย่าง ที่อยู่ตรงหน้า
ณ เวลานั้น ทุกอย่างเสียหาย ทั้งผู้คน ทรัพย์สิน เสียงพูดคุยเงียบสงัดลง เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้น ดังขึ้นและดังขึ้น เสียงรถพยาบาล วิ่งไปมาขวักไขว่ เสียงเฮลิคอปเตอร์บินวนดูพื้นที่ และมีเสียงคำถามดังขึ้นมากมาย แต่มีบางเสียงที่ไม่ได้เปล่งออกมา คือเสียงความกลัวที่ดังขึ้นอีกครั้ง
เวลาไม่กี่นาทีต่อมา ผู้คนที่อยู่ ที่เกี่ยวข้องกับที่'ตานี ต่างติดต่อสอบถาม และแสดงความคิดผ่านทุกช่องทาง บ้างก็ แสดงความเศร้า เสียใจ ตำหนิผู้กระทำ บ้างก็ สอบถามความเป็นไปในพื้นที่ และผู้คน แต่ก็มีไม่น้อย ที่ให้กำลังใจ แสดงน้ำใจ ส่งต่อความห่วงใย และเคียงข้างกับคน'ตานี แห่งนี้
ต่อจากนี้สิ่งที่ยังอยู่ และต้องเดินต่อไปคือ เรา ต่อจากนี้สิ่งที่ทำให้ที่นี่ฟื้นคืน และมีชีวิตใหม่คือ เรา ต่อจากนี้เสียงที่จะเป็นพลัง และทำให้ที่นี่สุขได้คือ เรา เรา คือ เราทุกคน ที่ไม่ใช่แค่คนที่ได้รับผลกระทบ แต่คือเราที่อยู่อาศัย เราที่มีญาติพี่น้อง เราที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ที่จะส่งเสียงให้ผู้กระทำไดรู้ว่า "ขอให้มีพื้นที่ปลอดภัย มีพื้นที่หายใจ มีพื้นที่สุขใจ และมีความสุขจริงจริงกลับมาอีกครั้งใน'ตานี บ้านเรา"
ปล.ถ้าผู้กระทำต้องการความจริงใจจากทุกฝ่ายคุณก็ควรมอบความจริงใจให้ผู้อื่นเช่นกัน
.สุวรา แก้วนุ้ย 10/5/2560