มุสลิมกับการโฆษณา รีเจนซี “จากฟ้าประทานให้ 2017” ผ่านสื่อสาธารณะ
โดย อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้
[email protected], http://www.oknation.net/blog/shukur
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
เช้านี้ 1 มิถุนายน 2560 ได้ดู โฆษณา รีเจนซี จากฟ้าประทานให้ 2017 ((โปรดดู https://www.youtube.com/watch?v=sgmLscy0lVA&feature=youtu.be) ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ตามโลกโซเซียลของมุสลิม ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะท้ายของโฆษณา มีคำว่า รีเจนซี ขึ้นหน้าจอ พร้อม คำว่าสุราเป็นเหตุให้พิการได้ (เป็นที่เข้าใจของทั่วประเทศว่า รีเจนซี คือยี่ห้อหนึ่งของเหล้าที่ขายตามท้องตลาด)
โดยเนื้อหามีภาพประกอบถึงทรัพยกรธรรมชาติ วิถีวัฒนธรรมของคนในชาติ ตามภูมิภาคต่างๆรวมทั้งวัฒนธรรมมลายูมุสลิม ทั้งการแต่งกายและการแสดง
ภาพรวมเนื้อหา เป็นสิ่งที่นำเสนอภาพทรัพยกรในประเทศไทย วิถีวัฒนธรรม อันทรงคุณค่าของคนไทย อันนี้รับได้ แต่เมื่อมีคำว่ารีเจนซี ยี่ห้อหนึ่งของเหล้าที่ขายตามท้องตลาด เขียนประกอบ นี่ซิทำให้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ตามโลกโซเซียลของมุสลิม ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหล้าตามทัศนอิสลามถือว่าเป็นบาปหนัก (โปรดศึกษารายละเอียดใน http://www.islammore.com/view/2212 )
มีเพื่อนผมคนหนึ่งเป็นอาจารย์ไม่ขอเอ่ยนามส่งข้อความให้ผมตั้งข้อสังเกตดังนี้
ผมมองแยกเป็นประเด็นๆไปดังนี้ครับ 1. ถ้าถามถึงความเหมาะสม คำตอบคือ ไม่เหมาะสม เพราะการนำเอาศิลปวัฒนธรรมมลายูซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนวัฒนธรรมของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามมาร่วมในโฆษณาสิ่งต้องห้าม ในเบื่องต้นควรเรียกร้อง(อย่างสันติและมีสติ) จากหน่วยงานหรือตัวแทนขององค์กรต่างๆ เพื่อให้ถอดออกก่อน และ 2. ต้องมองให้ลึกลงไปอีกว่าใครคือผู้ฝึกสอน หรือเจ้าของวงที่นำนักแสดงมาร่วมในโฆษณาและสอบถามเพื่อให้ทราบว่า เขาเหล่านั้นทราบหรือไม่ว่าเป็นโฆษณาเหล้า ทั้งนี้เพราะผู้ติดต่อและผู้แสดงตลอดจนบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญทั้งสิ้น ถ้ายิ่งบุคคลเหล่านั้นเป็นมุสลิมและรับรู้ว่าเป็นโฆษณาเหล้าแต่ไม่คัดค้านและสนับสนุนก็สมควรที่จะได้รับการตักเตือน (อย่างมีสติ) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีกครับ
ข้อเสนอแนะ
ผู้บริโภคมุสลิมทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นอย่างมีสติว่าเหมาะสมหรือไม่และให้ดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะมีช่องทางใดบ้างทางสื่อ และกฏหมายที่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคมุสลิมด้วยกันหรือแม้กระทั้งคนไทยทั้งประเทศที่มีการโฆษณาสุรา แฝงตามสื่อสาธารณะ
หมายเหตุสุราตามทัศนะอิสลาม
สุรา หมายถึง http://acheterdufrance.com/ ทุกสิ่งที่ทำให้สติปัญญามึนเมาและหลงลืม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มชนิดใด
ทุกสิ่งที่ดื่มแล้วทำให้มึนเมาไม่ว่าปริมาณมากหรือน้อย ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม)
عن عائشة رضي الله عنها قالت: سئل رسول الله ﷺ عن البِتْعِ -وهو شـراب العسـل- فقال رسول الله ﷺ: «كُلُّ شَرَابٍ أَسْكَرَ فَهُوَ حَرَامٌ». متفق عليه
จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา กล่าวว่า ท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ถูกถามถึงเรื่องอัลบิตอิ – เครื่องดื่มจากน้ำผึ้ง - ท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ทุกสิ่งที่ดื่มแล้วมึนเมา สิ่งนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม (หะรอม)”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 5586 สำนวนหะดีษเป็นของท่าน และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2001)
วิทยปัญญาในการห้ามเสพสุรา
สุราเป็นปฐมบทของความชั่วร้าย เป็นที่ต้องห้ามในการที่จะไปเกี่ยวข้องไม่ว่าจะด้วยกับกรณีอันใด การดื่ม การขาย การซื้อ การผลิต การให้บริการที่นำไปสู่การดื่ม ผู้ที่ดื่มมันจะทำให้ลืมสติ มันจะส่งผลอันตรายต่อร่างกาย จิตวิญญาณ ทรัพย์สมบัติ ลูกหลาน เกียรติภูมิ ปัจเจกบุคคล และรวมถึงสังคม และมันจะเพิ่มให้เกิดโรคความดันโลหิต เป็นสาเหตุให้ตัวเขาและลูกมีปัญหาทางสมอง สติฟั่นเฟือน อัมพาต และเป็นเหตุนำไปสู่การก่ออาชญากรรม
สิ่งมึนเมาทำให้เกิดความเอร็ดอร่อยและมีพลังเพิ่มขึ้น พร้อมกันนั้นทำให้สติปัญญาไม่สามารถแยกแยะได้ ผู้ที่ดื่มไม่รับรู้ในสิ่งที่พูด ด้วยเหตุผลดังกล่าวอิสลามจึงห้ามและมีบทลงโทษเพื่อสกัดกั้นผู้ที่จะไปเกี่ยวข้องพัวพัน
1. อัลลอฮฺตะอะลาตรัสว่า
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย แท้จริงสุรา การพนัน แท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญ
และการเสี่ยงติ้วนั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดมาจากชัยฏอน ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลจากมันเสียเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
แท้จริงชัยฏอนต้องการที่จะให้เกิดการเป็นศัตรูและการเกลียดชังกันระหว่างพวกเจ้าในสุราและการพนันเท่านั้น
และมันจะหันเหพวกเจ้าออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮฺและการละหมาด แล้วพวกเจ้าจะยุติไหม”
(อัลมาอิดะฮฺ / 90-91)
عن أبي هريرة رضي الله عنه أَنَّ رَسُولَ الله ﷺ قَالَ: «لا يَزْنِي الزَّانِي حِينَ يَزْنِي وَهُوَ مُؤْمِنٌ، وَلا يَشْرَبُ الخَـمْرَ حِينَ يَشْرَبُ وَهُوَ مُؤْمِنٌ، وَلا يَسْرِقُ حِينَ يَسْرِقُ وَهُوَ مُؤْمِنٌ، وَلا يَنْتَـهِبُ نُـهْبَةً يَرْفَعُ النَّاسُ إلَيْـهِ فِيهَا أَبْصَارَهُـمْ وَهُوَ مُؤْمِنٌ». متفق عليه
2. จากอบีอุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ แท้จริงท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ทำซินา (ผิดประเวณี) จะไม่ทำซินาขณะที่ทำซินาเขาอยู่ในสภาพที่เป็นมุมิน
เขาจะไม่ดื่มสุราขณะที่ดื่มสุราเขาอยู่ในสภาพที่เป็นมุมิน
เขาจะไม่ขโมยขณะที่ขโมยเขาอยู่ในสภาพที่เป็นมุมิน
และเขาจะไม่ปล้นชิงทรัพย์สินผู้อื่นโดยที่ผู้คนยืนมองเขาในสภาพที่เขาเป็นมุมิน”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 6772 สำนวนหะดีษเป็นของท่าน และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 57)
หลักฐานยืนยันกำหนดโทษการเสพสุรา
ยืนยันการกำหนดบทลงโทษในการเสพสุราด้วยกับ 2 ประการ ต่อไปนี้
1. ผู้ดื่มยอมรับว่าเขาเป็นผู้ดื่มสุรา
2. มีพยานผู้ชายที่มีความเที่ยงธรรมมายืนยัน 2 คน
บทลงโทษของผู้ที่ดื่มสุรา
1. เมื่อมุสลิมได้ดื่มสุราด้วยความสมัครใจ และรู้ว่าหากดื่มมันในปริมาณมากจะทำให้มึนเมา เขาจะถูกลงโทษโดยการโบยจำนวน 40 ครั้ง และสำหรับความเห็นของผู้นำ (อิมาม) สามารถเพิ่มให้หนักยิ่งขึ้นโดยการเฆี่ยนตีจำนวน 80 ครั้งเป็นการตักเตือน หากเขาเห็นว่าบุคคลนั้นจมปลักอยู่กับการดื่ม
2. ผู้ที่ดื่มสุราครั้งแรกให้โบยตามบทลงโทษของการดื่มสุรา หากดื่มครั้งที่สองก็ให้โบย หากดื่มครั้งที่สามก็ให้โบย และหากดื่มครั้งที่สี่ให้ผู้นำลงโทษโดยการกักขังหรือประหารชีวิตเป็นการตักเตือน เพื่อเป็นการปกป้องปวงบ่าวที่เหลือและสกัดความเสื่อมเสียที่จะติดตามมา
3. ผู้ที่ได้ดื่มสุราแล้วในโลกดุนยาแล้วเขาไม่ได้เตาบะฮฺต่ออัลลอฮฺ(สารภาพผิดและกลับตัว) ในโลกอาคิเราะฮฺเขาจะไม่ได้ดื่มอีกถึงแม้ว่าเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ก็ตาม ผู้ที่เสพติดสุราจะไม่ได้เข้าสวนสวรรค์ ผู้ที่ดื่มสุราแล้วมึนเมาการละหมาดของเขาจะไม่ถูกตอบรับเป็นระยะเวลา 40 วัน หากเขาเสียชีวิตลงจะได้เข้านรก หากเขาเตาบะฮฺ (สารภาพผิด) อัลลอฮฺก็จะทรงรับการเตาบะฮฺของเขา และผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำในวันกิยามะฮฺอัลลอฮฺจะให้เขาดื่มน้ำผลไม้คั้นของชาวนรก
عَنْ جابر رضي الله عنه: أَنَّ رَجُلًا قَدِمَ مِنْ جَيْشَانَ وَجَيْشَانُ مِنْ الْيَمَنِ فَسَأَلَ النَّبِيَّ ﷺ عَنْ شَرَابٍ يَشْرَبُونَهُ بِأَرْضِهِمْ مِنْ الذُّرَةِ يُقَالُ لَهُ الْمِزْرُ، فَقَالَ النَّبِيُّ ﷺ: «أَوَمُسْكِرٌ هُوَ؟» قَالَ: نَعَمْ. قَالَ رَسُولُ الله ﷺ: «كُلُّ مُسْكِرٍ حَرَامٌ، إِنَّ عَلَـى الله عَزَّ وَجَلَّ عَهْدًا لِـمَنْ يَشْرَبُ الْـمُسْكِرَ أَنْ يَسْقِيَهُ مِنْ طِينَةِ الْـخَبَالِ» قَالُوا: يَا رَسُولَ الله! وَمَا طِينَةُ الْخَبَالِ؟ قَالَ: «عَرَقُ أَهْلِ النَّارِ، أَوْ عُصَارَةُ أَهْلِ النَّارِ». رواه مسلم
1. จากญาบิร เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ แท้จริงมีชายคนหนึ่งได้เดินทางมาจากญัยชานเป็นสถานที่หนึ่งซึ่งอยู่ในประเทศเยเมน แล้วเขาได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ถึงเครื่องดื่มที่ชาวเมืองของพวกเขาดื่มกันทำมาจากข้าวโพดมีชื่อเรียกว่าอัลมิซรู
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ถามว่า “มันทำให้มึนเมาหรือไม่?”
เขาตอบว่า ใช่ มันทำให้เมาได้
ท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ตอบว่า “ทุกสิ่งที่ทำให้มึนเมาถือว่าหะรอม แท้จริงอัลลอฮฺอัซซาวะญัลลาได้สัญญากับผู้ที่ดื่มสิ่งมึนเมาจะให้เขาดื่มฏีนะฮฺ อัลเคาะบาล
พวกเขาถามว่า โอ้ท่านรอสูลุลลอฮฺดื่มฏีนะฮฺ อัลเคาะบาลคืออะไร?
ท่านตอบว่า เป็นเหงื่อของชาวนรกหรือน้ำผลไม้คั้นของชาวนรก”
(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2002)
عن ابن عمر رضي الله عنهما أَنَّ رَسُولَ الله ﷺقَالَ: «مَنْ شَرِبَ الْـخَمْرَ فِي الدُّنْيَا ثُمَّ لَمْ يَتُبْ مِنْهَا، حُرِمَهَا فِي الآخِرَةِ». متفق عليه
2. จากอิบนิอุมัร เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมา แท้จริงท่านรอสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดที่ดื่มสุราในโลกดุนยาแล้วเขาไม่ได้เตาบะฮฺ (สารภาพผิด) เขาจะถูกห้ามไม่ให้ดื่มในโลกอาคิเราะฮฺ”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 5575 สำนวนหะดีษเป็นของท่าน และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2003)
เป็นที่อนุญาตให้แก่ผู้นำตักเตือนโดยการทำลายข้าวของหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสุรา เผาแหล่งมั่วสุมของผู้ที่ดื่มสุรา โดยพิจารณาขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่เขาเห็นว่าเหมาะสมเป็นการสกัดกั้นและเป็นการเตือนผู้ที่ดื่มมัน
http://www.islammore.com/view/2212