ขอแสดงความชื่นชมกับทัพนักกีฬาไทย ที่แสดงสปิริตและความพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อความสุขของคนไทยและชาวอาเซียนในกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้
จากที่เราเป็นที่สี่ สู่การเป็นที่สองของจำนวนเหรียญรางวัลทั้งหมด เป็นรองเพียง "มาเลเซีย" เจ้าภาพซึ่งพยายามทุกหนทางในการเป็น "เจ้าเหรียญทอง" ดังที่ผมเคยรับใช้ด้วยบทความก่อนหน้านี้แล้ว
สิ่งที่น่าชื่นชมนอกเหนือและเป็นยิ่งกว่าเหรียญรางวัลนั้น ผมเห็นเป็นเรื่องอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก "ความพยายามสู้" ของบรรดานักกีฬา นอกจากสู้กับตนเอง คู่ต่อสู้แล้ว มีอีกหลายเวทีที่สู้กับ "อำนาจมืด" ที่มองไม่เห็นแต่เป็นคะแนนที่ฮึดอยู่นอกกติกา
ไม่ต้องบอก ก็รู้กันดี ไม่เฉพาะแค่ชนชาวไทย แต่มันไกลไปถึงทั่วอาเซียนแล้วนะจ๊ะ
เมื่อวานมีประเด็นหนึ่งที่ฮือฮากันทั่ว เป็นการชิงชัยเหรียญทองในกีฒาเทควันโด ระหว่างช้างศึกไทยกับเสือเหลืองมาเลย์
หากใครได้ชมวิดีโอการแข่งขัน ถามร้อยตอบร้อยว่าจะต้องได้ยินเพลงชาติไทยในช่วงมอบเหรียญรางวัลเป็นแน่ แต่กลับได้ยินเสียงเพลงชาติมาเลเซียไปเสียนั้น เราเตะตี แต้มไม่ขึ้น เขาเขี่ยๆ ขึ้นเอาๆ สุดท้ายแพ้คะแนนไป ๒๓ ต่อ ๑๗
สรุปให้สั้นๆว่า "ยี่สิบสาม"นั้นของเขา ส่วนเรา "สิบเจ็ด"นะครับ
ท่านใดไม่ทันชม ลองหาเทปย้อนหลังได้นะครับ เขากระหึ่มกันทั่วอาเซียนเมื่อวาน
ค้านสายตานั้นนับไปหนึ่งแล้ว ดราม่าในเน็ตก็โหม และเริ่มย้อนอดีตของแต่ละชาติ ว่าเผชิญชะตากรรมในกัวลาลัมเปอร์อย่างไรบ้าง ดูเหมือนจะมี "มาเลเซีย"ชาติเดียวเท่านั้นที่บอกว่าซีเกมส์ครั้งนี้มันดูดีจริงๆ ๕๕๕
ยุคออนไลน์แบบนี้ คณะจัดการแข่งขันซีเกมส์ก็มี Facebook อย่างเป็นทางการนะครับ ก็มีคอมเม้นเข้ามาเยอะมาก
และส่วนใหญ่เป็นคอมเม้นที่มาจากเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอินโดนิเซีย และฟิลิปปินส์นี้ เห็นบ่อยหน่อย (อินโดนีเซีย เป็นชาติที่นิยมเฟสบุ๊คมากที่สุดในอาเซียน และสื่อสารภาษามลายูได้ค่อนข้างดี แม้จะต่างสำเนียงกับทางเจ้าภาพ แต่ก็พอรู้เรื่อง เหมือนไทยคุยกับลาว ประมาณนั้น)
ผมไปอ่านความคิดเห็นจากกรณีเทควันโดแล้วน่าสนใจ
ที่คนทั้งอาเซียนมองเห็นตรงกันว่ามี "ปาฏิหารย์"เกิดขึ้นอีกแล้ว
ค้านสายตาคนทั่วไป จนอดไม่ไหวที่จะ "ด่า" เจ้าภาพเต็มๆ ถึงความสามารถในการชนะครั้งนี้
พีคสุดตรงที่ว่า หลังจากนั้นไม่นาน แอดมินเฟสบุคนี้ กลับทยอย "ลบ" ความเห็นที่เป็นทางลบทั้งหมดออก โดยให้เหตุผลว่า "ไม่สุภาพ" และหากมีข้อท้วงติง ให้ส่งข้อความใน Inbox ไม่ใช่มาคอมเม้นสาธารณะแบบนี้
ราดน้ำมันเข้ากองไฟเห็นๆ
ซึ่งให้ผมเดา แอดมินคงร้อนรนแน่ๆ
ไม่จบครับ ยิ่งเรียกแขกกันเข้ามาด่า จากเทควันโดเปลี่ยนเป็น "เทกันเส่" แต่ยอมรับอีกรอบว่าแอดมินก็ขยันลบจริงๆ ๕๕๕
ปรากฏการณ์นี้ ลึกๆแล้วก็สะท้อนสังคมความเป็น "มาเลเซีย" อยู่บ้าง
หนึ่งคือ เสรีภาพทางการแสดงออกนั้นโดยควบคุมจำกัดอยู่หลวมๆ ในสังคม (แต่อย่าเอ็ดดังไป สิงค์โปร์เข้มกว่าเยอะ บรูไนก็ไม่ต่างกัน ส่วนไทยเราตอนนี้ก็ไม่ใช่ย่อยหรอก)
สองคือ "ผักชีโรยหน้า" ซึ่งแทบจะเป็น "วัฒนธรรมอาเซียน" ที่ค่อนข้างชำนาญแล้วมั้ง
สามคือ "ทัศนคติ" (ไม่อยากเรียกว่า "อคติ") ทางเชื้อชาติที่ Hate Speech กันสนุกมากตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อันนี้น่าสนใจ ว่ามันเร้าความรู้สึกร่วมของชนในชาตินั้นๆ ต่อชาติที่รัฐตนมีความสัมพันธ์ด้วยอย่างไร) ซึ่งอินโดนิเซีย อย่างทีบอกว่า เล่นเฟสเยอะ , เข้าใจภาษาดี จะเข้ามาถากถางมาเลเซียค่อนข้างบ่อยกว่าใครอื่น (ไทยเรา น้อยกว่าเยอะ อาจจะเป็นเพราะข้อจำกัดทางภาษา)
หลังจากจบการแข่งขันนี้ คงเลี่ยงได้ยากกับการ "เปรียบเทียบ" การจัดการแข่งขันซีเกมส์ของชาติต่างๆ กับมาเลเซียหนนี้
การมุ่งหวังทางการเมืองในประเทศ โดยใช้ "ซีเกมส์" เป็นเครื่องมือนี้ นอกจาก "เสี่ยง" แล้ว ยังมีผลต่อความรู้สึกของคนต่างชาติต่อประเทศเจ้าภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งๆ ที่ ความรู้สึกเหล่านั้น เป็น Soft Power ที่สำคัญ และต้องใช้เวลาไม่น้อยในการสร้างและเพิ่มความรู้สึกดีๆเหล่านั้น
แต่ทำลายกันง่าย แปปเดียวก็ลดไปเยอะแล้ว
หลังซีเกมส์ ไม่รู้ว่าคนอาเซียนจะมอง "มาเลเซีย" อย่างไร
แต่ที่แน่ๆ นักกีฬาของไทยเรา ชนะ ใจคนไทย ครองใจคนอาเซียนแน่นอนครับ , ผมเชื่อว่าอย่างนั้น .
#PrinceAlessandro
28-08-2017
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
สรุปความสั้นๆ ว่าด้วยเรื่องซีเกมส์ 2017 ที่มาเลเซีย