Skip to main content

แถลงกาณ์ MARA: นัยยะพร้อมสู้และเจรจา

 

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

 กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ [email protected]

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

วันนี้ 23 มีนาคม 2561 ตัวแทนกลุ่ม "มารา ปาตานี" แถลง 4 ข้อเรียกร้องถึงรัฐไทย ยืนยันยังไม่มีข้อสรุปเรื่องการกำหนด"พื้นที่ปลอดภัย" ตามที่หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทยกล่าวอ้าง ยก 2 โครงการของแม่ทัพภาค 4 ทับซ้อนกระบวนการ

ฝ่ายมารา ปาตานี อ่านแถลงการณ์เป็นภาษามลายู โดยมีนายอาบูฮาฟิส อัลฮากิม โฆษกกลุ่มฯ ทำหน้าที่ล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยเรียกร้องให้รัฐไทยหยุดสร้างความสับสนและความเข้าใจผิด มีสาระสำคัญ 4 ข้อคือ

"1. การพูดคุยที่ดำเนินไปอยู่ในขณะนี้ ระหว่าง มาราปาตานี และรัฐบาลไทย ยังคงเป็นระดับทางเทคนิค ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะทำงานร่วมการพูดคุยสันติสุข (JWG-PDP) ดังนั้นข้อตกลงที่บรรลุก่อนหน้านี้จึงไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้าย

2. มารา ปาตานีนั้นเปิดกว้างต่อความคิดเห็นและข้อแนะนำจากประชาชนภายใต้สิทธิกำหนดการปกครองด้วยตนเอง

3. เรามีความเชื่อมั่นในทีมพูดคุยสันติสุขของไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจมาจากนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา และเราก็เชื่อด้วยว่ามันเป็นกระบวนการทางการที่ถูกพัฒนาให้เป็นวาระแห่งชาติ อย่างไรก็ตามเราเป็นกังวลต่อคำแถลงการณ์และการกระทำบางประการของแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งขัดแย้งกับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข

4. มารา ปาตานีให้คำมั่นที่จะแก้ไขข้อขัดแย้งโดยการพูดุคยสันติสุขในปัจจุบัน (JWG-PDP)

 

(โปรดดูรายละเอียดใน https://www.deepsouthwatch.org/node/11787)

ในวันที่ 23 มีนาคม 2561 นั้นเป็นวันศุกร์ ซึ่งวันสำคัญทางศาสนาของมุสลิมซึ่งมาราปาตานีเลือกออกแถลงการณ์สื่อสารกับมวลชนในขณะที่แถลงการณ์ครั้งนี้มีการนำโองการในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานวางไว้ข้างบนข้อเรียกร้องสี่ข้อซึ่งแตกต่างจากทุกแถลงการณ์

กล่าวคือ โองการที่ 60-61 ซูเราะห์อัลอันฟาล  นั้นเป็นโองการเรื่องการทำญีฮาด(สงครามศาสนาในสมัยศาสนฑูตมุฮัมมัด) ซึ่งมีใจความว่า

           “และพวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ(ป้องกัน)พวกเขาสิ่งที่พวกเจ้าสามารถ อันได้แก่กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด และการผูกม้าไว้ โดยที่พวกเจ้าจะทำให้ศัตรูของอัลลอฮฺ และศัตรูของพวกเจ้าหวั่นแกรงด้วยสิ่งนั้น และพวกอื่น ๆ อีก อื่นจากพวกเขา ซึ่งพวกเจ้ายังไม่รู้จักพวกเขา อัลลอฮฺทรงรู้จักพวกเขาดี และสิ่งที่พวกเขาบริจาคในทางของอัลลอฮฺนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม สิ่งนั้นจะถูกตอบแทนแก่พวกเจ้าโดยครบถ้วนโดยที่พวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรม    และหากพวกเขาโอนอ่อนมาเพื่อการประนีประนอมแล้ว เจ้าก็จงโอนอ่อนตามเพื่อการนั้นด้วย และจงมอบหมายแต่อัลลอฮฺเถิด แท้จริงนั้นพระองค์คือผู้ทรงได้ยินทรงรอบรู้””

ในโองการนี้ตามทัศนะนักอรรถาธิบายอัลกุรอานคือโองการญีฮาดหนึ่งในหลายๆโองการในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานซึ่งหมายถึงพร้อมสู้ทุกวิถีทางไม่ว่าเจรจาพูดคุยจะประสบความสำเร็จหรือไม่

คำสำคัญในโองการนี้คือ พวกเจ้าจงเตรียมไว้สำหรับ(ป้องกัน)พวกเขาสิ่งที่พวกเจ้าสามารถ อันได้แก่กำลังอย่างหนึ่งอย่างใด และการผูกม้าไว้ กับคำว่า  และหากพวกเขาโอนอ่อนมาเพื่อการประนีประนอมแล้ว เจ้าก็จงโอนอ่อนตามเพื่อการนั้นด้วย และจงมอบหมายแต่อัลลอฮฺเถิด แท้จริงนั้นพระองค์คือผู้ทรงได้ยินทรงรอบรู้” คำว่าพวกเจ้าเขาหมายถึงมาราปาตานี ในขณะที่ศัตรูเขาหมายถึงรัฐไทย

นักอรรถาธิบายร่วมสมัยอย่างชัยค์ดร.Yusuf al-Quradhawi ประธานสหภาพปราชญ์ลกอิสลามนามุโฆษ ได้อธิบายว่าโองการนี้พูดถึงภาวะสงครามการต่อสู้ในอดีต สมัยศาสนทูตมุฮัมมัด กับศัตรูผู้รุกรานท่าน ได้ใช้ม้าอย่างดีในการทำสงคราม ในขณะปัจจุบัน การต่อสู้ที่ต้องใช้อาวุธทันสมัยต่างๆไม่ว่าเครื่องบินรบ  รถถัง  จรวด เช่นกันหากจำเป็นต้องทำสงคราม หรืออื่นๆมุสลิมก็ต้องเตรียมความพร้อมทุกๆด้านไม่ว่าด้านกายภาพ   วิชาการและจิตวิญญาณที่เหมาะสมกับทุกยุคสมัยและสถานการณ์ ในขณะเดียวกันหากมีการที่พูดคุยเจรจาประนีประนอมอย่างปัจจุบันก็สามารถทำได้

(โปรดดูสรุปใจความอรรถาธิบายอัลกุรอานhttp://www.aljazeera.net/programs/religionandlife/2004/6/3/%D8%A7%D9%84%D9%82%D9%88%D8%A9-%D9%81%D9%8A-%D8%A7%D9%84%D8%A5%D8%B3%D9%84%D8%A7%D9%85)

ดังนั้นแถลงการณ์มาราปาตานีครั้งมีนัยยะมากกว่าสี่ข้อที่ต้องการสื่อต่อทุกภาคส่วนว่าพร้อมสู้และเจรจา ซึ่งสดคล้องกับบทสัมภาษณ์อุสตาซสุกรี ฮารี (โปรดดู https://www.youtube.com/watch?v=BgnqccdbK_g&app=desktop)