color:#1D2129">คนรุ่นใหม่ในสนามการเมืองปาตานี
เขียนโดย นายทวีศักดิ์ ปิ
ภายหลังจากกระแสคนรุ่นใหม่กำลังเป็นที่สนใจในสังคมไทยหลังจากที่พรรคอนาคตใหม่เปิดตัว
ผู้เขียนได้พยายามหาข้อมูลเรื่องนี้จากผู้รู้และผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านนี้จาก คุณอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ แกนนำกลุ่มวาดะห์
ท่านเล่าว่า พรรคคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ไม่เคยมีในประเทศไทย การเลือกตั้ง พ.ศ. 2518 มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่ชื่อ พรรคพลังใหม่ จดทะเบียนพรรควันที่ 21 พฤศจิกายน 2517 มีคำขวัญ “ เพื่อความเป็นธรรมในสังคม “ มีนายแพทย์ กระแส ชนะวงศ์ หัวหน้าพรรค ดร. ปราโมทย์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคกรรมการบริหารพรรคและผู้สมัครประกอบด้วยบุคคลมีความรู้สูงระดับด็อกเตอร์และมีอาชีพการงานดีมีชื่อเสียง อายุประมาณไม่เกิน 40 ปี
มีนโยบายดีๆทันสมัย เป็นที่ฮือฮาของคนหนุ่มสาวและของคนเบื่อนักการเมืองเก่าๆสมัยนั้น แต่ผลการเลือกตั้งปรากฎว่า ทั้งประเทศได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 12 คน ที่จังหวัดนราธิวาสมีผู้สมัครพรรคนี้ 3 คน คือ นายชูศักดิ์ มณีชยางกูร(เซ็ง บ้านทอน)อายุ 25 ปี อดีตประธานนักศึกษากลุ่มสลาตัน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายปริญญา เจตาภิวัฒน์(ดิง ดุซงญอ)จบการศึกษาระดับปริญญาโทรัฐศาสตร์ จากปากีสถาน อายุ 33 ปี นายประดิษฐ์ สติรักษ์(เปาะซูดิ แว้ง) อายุ 34 ปี อดีตทำงานบริษัทจัสแม็กของอเมริกาที่จังหวัดนครพนม
บุคคลทั้งสามนี้เป็นคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าสมัยนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวไปสู่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดนราธิวาสได้ เมื่อมีการรัฐประหารโดย พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ วันที่ 6 ตุลาคม 2519 พรรคพลังใหม่ก็สลายตัวไป ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2525 พรรคพลังใหม่จดทะเบียนตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ และวันที่ 26 มีนาคม 2531 พรรคพลังใหม่จัดประชุมใหญ่พรรคตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้นายชัชวาลย์ ชมพูแดง เป็นหัวหน้าพรรคแล้วเปลี่ยนชื่อพรรคจากพลังใหม่เป็นพรรคพลังสังคมประชาธิปไตยและต่อมาไม่นานได้สลายตัวในที่สุด
คุณอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ บอกว่า เราเห็นด้วยที่จะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าสู่งานการเมือง คนรุ่นใหม่บ้านเราคุณภาพไม่แพ้คนในภูมิภาคอื่นๆ แต่เราต้องร่วมกับคนรุ่นอาวุโสที่มีประสบการณ์
ทางการเมืองและมีบทบาทในฐานะคนรุ่นใหม่ในอดีตเมื่อ 46 ปีที่แล้ว เราจะต้องเปลี่ยนทัศนะคติของคนบ้านเราในปัจจุบันนี้ให้ได้ เหมือนที่ได้เปลี่ยนเมื่อ 40กว่าปีที่แล้ว
ปัจจุบันนี้การเมืองบ้านเรากำลังจะตกอยู่ในกำมือผู้มีอิทธิพลที่มีเผด็จการอยู่เบื้องหลัง หากเราไม่สร้างให้คนดีๆเก่งๆมีคุณธรรมมาทำงานการเมือง ต่อไปภาคหน้า สังคมเราจะล้าหลังสุดๆ คนบ้านนอกคอกนาลูกตาสีตาสาจะไม่มีที่ยืนในสังคม ฉะนั่นในภาวะเช่นนี้ เราต้องสร้างจุดสมดุลย์ของคนรุ่นอาวุโสกับคนรุ่นใหม่เพื่อขับเคลื่อนสังคมของเราให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน