หากจำกันได้ก่อนหน้านี้สมัยเป็นฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่าหากได้บริหารประเทศจะทำให้สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้นภายใน 99 วัน
แต่หลังบริหารประเทศมากว่า 2 ปี สถานการณ์ภาคใต้นอกจากไม่ดีขึ้นแล้ว ยังทรุดหนักกว่าเดิมก็ว่าได้
โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นปี 2554 เป็นต้นมา เวลาแค่เดือนเศษๆ เกิดเหตุรุนแรงถี่ยิบ มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ราย บาดเจ็บเกือบ 200 คน
ที่น่าตระหนกก็คือโจรใต้หรือ "ผู้ก่อความไม่สงบ" ตามนิยามของรัฐบาล ใช้ปฏิบัติการรุนแรงและเบนเป้าจากเจ้าหน้าที่รัฐไปเป็นชาวบ้าน ลงมือกันกลางเมืองด้วย "คาร์บอมบ์" หลายครั้งหลายหน!!!
เดือนเศษตายเกลื่อน 3 จว.ใต้
ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ซึ่งรวบรวมข้อมูลและสถิติต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ร้ายในภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ระบุว่า ช่วงปี 2547-2549 พบว่าช่วงต้นปีจะมีอัตราความหนักหน่วงของสถานการณ์มาก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มลดน้อยลง
กระทั่งมาในต้นปี 2554 ผ่านมาไม่ถึง 2 เดือน สถานการณ์รุนแรงกลับเพิ่มระดับสูงที่สุดในรอบ 4 ปี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา
"การก่อเหตุของผู้ก่อการอย่างหนักและต่อเนื่องในช่วงนี้ เป็นผลมาจากความพยายามเร่งเหตุการณ์ และชิงพื้นที่ในการสร้างข่าวสารเหตุการณ์ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้อยู่ในความสนใจของการประชุมองค์การการประชุมอิสลาม หรือโอไอซี ที่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้ เนื่องจากบทบาทของโอไอซีจะสามารถเร่งให้เกิดการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางการเจรจาได้เร็วขึ้น เห็นได้ว่าการก่อเหตุของผู้ก่อการในช่วงที่ผ่านมามีเป้าหมายกระทำต่อเหยื่อที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือน ความรู้สึกทางสังคมได้มาก"
จากสถิติของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ เกิดเหตุร้ายขึ้นจำนวน 147 ครั้ง เสียชีวิต 93 ราย บาดเจ็บ 172 ราย
ชาวบ้านรับเคราะห์มากสุด
ในจำนวนเหตุร้ายแบ่งเป็นก่อกวน 2 ครั้ง, คาร์บอมบ์ 2 ครั้ง, จักรยานยนต์บอมบ์ 3 ครั้ง, โจมตี 5 ครั้ง, โจมตีและปล้นอาวุธปืน 1 ครั้ง, ซุ่มโจมตี 2 ครั้ง, ซุ่มยิง 2 ครั้ง, ปิดล้อมตรวจค้นและปะทะ 5 ครั้ง, พบวัตถุระเบิด 2 ครั้ง, พบศพ 7 ราย, ยิง 82 คดี, ยิงระเบิด 1 ครั้ง, ยิงและเผา 1 ครั้ง, ระเบิด 24 ครั้ง, ระเบิดและซุ่มโจมตี 1 ครั้ง, วางระเบิดและซุ่มโจมตี 1 ครั้ง และวางเพลิง 6 ครั้ง
ส่วนความสูญเสียที่เกิดขึ้น ในเดือนมกราคม มีผู้เสียชีวิต 48 ราย แบ่งเป็นไทยพุทธ 21 ราย ไทยมุสลิม 25 ราย ไม่ระบุ 2 ราย บาดเจ็บ 64 ราย เป็นไทยพุทธ 32 ราย ไทยมุสลิม 42 ราย
เดือนกุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิต 45 ราย แบ่งเป็นไทยพุทธ 22 ราย ไทยมุสลิม 23 ราย บาดเจ็บ 98 ราย เป็นไทยพุทธ 78 ราย ไทยมุสลิม 20 ราย
กลุ่มที่เสียชีวิตแยกประเภทได้ดังนี้คือ ราษฎร 50 คน, ตำรวจ/ตชด./นปพ. 3 นาย, ทหาร 10 นาย, ชรบ./อส./อป.พร. 9 คน, ครู/บุคลากรทางการศึกษา 3 คน, นักเรียนนักศึกษา 2 คน, อบต./อบจ. 1 คน, กำนัน/ผญบ./ ผชบ. 5 คน ลูกจ้างของรัฐ 2 คน อื่นๆ 2 คน เยาวชนไม่เกิน 15 ปี 1 คน และคนร้าย 5 คน
กลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บแยกประเภทได้ดังนี้คือ ราษฎร 86 คน, ตำรวจ/ตชด./นปพ. 14 นาย, ทหาร 36 นาย, ชรบ./อส./อป.พร. 19 คน, ครู/บุคลากรทางการศึกษา 1 คน, นักเรียนนักศึกษา 1 คน, กำนัน/ผญบ./ผชบ. 4 คน, ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ 1 คน, ลูกจ้างของรัฐ 1 คน, พระสงฆ์/สามเณร 1 รูป อื่นๆ 2 เยาวชนไม่เกิน 15 ปี 8 คน
พลิกคดีฆ่า-วินาศกรรม
เหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เรียกว่าประเดิมตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงเมื่อย่างเข้าปี 2554 เมื่อคนร้ายลอบวางระเบิดในตลาดบริเวณร้านขายผัก เขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อเช้าตรู่วันที่ 1 มกราคม
สถานการณ์ไม่น่าจะรุนแรงเพราะชาวบ้านสังเกตเห็นตั้งแต่แรกและแจ้งตำรวจ โดยหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดสังกัด ตชด.447 เดินทางมาจัดการ
แต่การณ์กลับเป็นว่าระหว่างเก็บกู้ระเบิดก็ทำงานเป็นเหตุให้ด.ต.กิตติ มิ่งสุข อายุ 50 ปี หน่วยกู้ระเบิดที่กำลังทำงานอยู่ถูกแรงอัดกระแทกเสียชีวิตคาชุดบอมบ์สูท หรือชุดที่ใส่เพื่อกู้ระเบิดโดยเฉพาะ!??
นอกจากนี้ จ.ส.ต.กฤษดา โอทอง ผบ.หมู่งานจราจร สภ.สุไหงปาดี ที่สังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ เสียชีวิตตามเป็นศพที่ 2
จากนั้นเกิดเหตุฆ่ารายวัน ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน ครู ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง
ล่วงเข้าวันที่ 19 มกราคม เหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อกองกำลังติดอาวุธกว่า 10 คน บุกเข้าถล่มฐานปฏิบัติการทหาร ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 สังหารทหาร 5 นาย รวมทั้งร.อ.กฤช คัมภีรญาณ หัวหน้าฐานปฏิบัติการ และปล้นปืนไปจำนวนมาก
ทหารตั้งกรรมการสอบหลังพบเบาะแสว่าน่าจะมีคนในเป็นหนอนบ่อนไส้!??
แต่ท้ายที่สุดทุกอย่างก็เงียบหายไป
วันที่ 25 มกราคม คนร้ายวางระเบิดบนถนนถล่มรถพรานป่าที่เข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา มีผู้เสียชีวิตมากถึง 9 ราย
ยะลาเละ-คาร์บอมบ์ถล่ม
ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ความรุนแรงยิ่งทวีมากขึ้น คนร้ายดักยิงถล่มรถเก๋งของครูโรงเรียนบ้านทรายแก้ว อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก่อนเผาซ้ำ มีครูเสียชีวิต 3 ราย บนถนนสายชนบทบ้านโต๊ะจูด-พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัต ตานี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์
ถัดมาอีก 3 วัน เกิดเหตุร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่ง เมื่อคนร้ายใช้คาร์บอมบ์ถล่มกลางเมืองยะลา บริเวณถนน ณ นคร เขตเทศบาลเมืองยะลา โดยใช้รถปิกอัพบรรทุกระเบิดถังแก๊ส
จังหวะที่เจ้าหน้าที่ทหารตรวจพื้นที่ผ่านมาก็สั่งทำงาน
แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านบาดเจ็บ 18 ราย บ้านเรือนใกล้เคียงถูกแรงอัดและเพลิงไหม้เสียหาย 12 หลัง รถยนต์เสียหายอีกนับสิบคัน
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ เป็นคิวของ จ.นรา ธิวาส คนร้ายใช้วิธิการคล้ายๆ กันและเลือกลงมือบนถนนชื่อเดียวกันด้วย เมื่อนำคาร์บอมบ์ไปจอดริมถนน ณ นคร ซอย 21/1 อ.เมืองนราธิวาส
จากนั้นยิงถล่มใส่ร้านคาราโอเกะใกล้ๆ กัน เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ก่อนกดระเบิดคาร์บอมบ์ มีชาวบ้านบาดเจ็บหลายราย ตึกแถวพังไป 4 ห้อง ส่วนเจ้าหน้าที่รอดหวุดหวิด เพราะคนร้ายกะจังหวะพลาดทำให้รถทหารเคลื่อนตัวผ่านจุดระเบิดไปก่อน
อีก 2 วันถัดมา เมืองยะลาโดนถล่มด้วยจักรยานยนต์บอมบ์ ที่น่าตกใจก็คือจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 13 กุมภา พันธ์ เพียง 100 เมตรเท่านั้น!!!
ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 17 คน
เป็นที่น่าสังเกตว่าระเบิดคาร์บอมบ์-จักรยานยนต์บอมบ์ในเมืองยะลา เกิดขึ้นใจกลางย่านธุรกิจอย่างจงใจ
ส.ส.ปชป.เปิดศึก ผบ.ทบ.
จากสถานการณ์ที่รุนแรงของภาคใต้ และทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกเหน็บแนมเป็นประจำจากฝ่ายค้าน จนทำให้ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แสดงความคิดเห็นว่าควรเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบ
หนึ่งในนั้นคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.!!!
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ส.ส. 3 จังหวัดชาย แดนใต้รวม 4 คน ประกอบด้วยนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา, นายอับดุลการิม เต็งระกีนา ส.ส.ยะลา, นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และนายอิสมาแอล เบญอิบรอ ฮิม ส.ส.ปัตตานี แสดงความเป็นห่วงสถาน การณ์ภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
โดยเฉพาะเหตุคาร์บอมบ์ติดๆ กันหลายครั้ง
"ไม่เชื่อว่ากลไกของรัฐบาลจะไม่สามารถหยุดปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เอาใจใส่แก้ปัญหาอย่างจริงจัง ถ้าทำไม่ได้เห็นว่าควรปรับเปลี่ยน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
กลุ่มส.ส.ประชาธิปัตย์แถลงระบุไปถึงตัวผบ.ทบ.ว่าหากปรับเปลี่ยนได้ก็ดี!!!
เพียงวันเดียวหลังการแถลงไฟใต้ที่ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งลามไปถึงนักการเมือง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ รีบออกมาตำหนิ ส.ส.ของตัวเอง และกระโดดป้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในทันที
การออกตัวของนายสุเทพไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะการเปิดศึกกับนายทหารใหญ่ระดับ "ผบ.ทบ." ไม่ใช่เรื่องสนุก
ที่สำคัญประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้เพราะ "สีเขียว" ทั้งผลักทั้งดันเต็มที่
อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นใหญ่ไม่ได้น้อยลงกว่ารัฐบาลอื่นๆ อย่างเป็นนัยสำคัญ
หากรัฐบาลยืนยันว่าไม่ปรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องปรับแผนรับมือ และปรับนโยบายการเมืองการปกครองในพื้นที่อย่างจริงจัง ไม่ใช่ยึดแนวนโยบายที่ใช้อยู่ในขณะนี้อีก ต่อไป
เพราะคนใน 3 จังหวัดใต้สูญเสียมากเกินไปแล้ว!!!